เดนมาร์กกำลังมีแผนเกณฑ์ผู้หญิงเข้ารับราชการทหารเป็นครั้งแรก และขยายเวลารับราชการทหารจาก 4 เดือนเป็น 11 เดือนสำหรับทั้งชายและหญิง จากคำแถลงของนายกรัฐมนตรีของประเทศเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
นอกจากนี้ เดนมาร์กยังต้องการเพิ่มงบประมาณกลาโหมอีกเกือบ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้เป็นไปตามระดับเป้าหมายขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
"เราไม่ได้กลับมาติดอาวุธเพราะเราต้องการสงคราม เรากำลังกลับมาติดอาวุธ เพราะว่าเราต้องการหลีกเลี่ยงสงคราม" นางเมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กกล่าว
ความตึงเครียดในยุโรปโหมกระพือขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ระหว่างการเปิดตัวแผนปฏิรูปเมื่อวันพุธ (13มี.ค.) นางเฟรเดอริกเซน บอกว่ารัฐบาลกำลังหาทางบรรลุเป้าหมายความเท่าเทียมอย่างเต็มขั้นระหว่าง 2 เพศ
ขณะเดียวกัน โทรลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า "การเกณฑ์ทหารที่เอาจริงเอาจังมากขึ้น ซึ่งรวมถึงความเท่าเทียมทางเพศอย่างเต็มรูปแบบนั้น ต้องมีส่วนในการคลี่คลายปัญหาต่างๆ ในด้านกลาโหม การระดมพลระดับชาติและการบริหารจัดการกองกำลังของเรา"
ทั้งนี้ ผู้หญิงในเดนมาร์กสามารถเป็นอาสาสมัครรับราชการทหารได้ แต่ตอนนี้รัฐบาลมีแผนจะเริ่มเกณฑ์ผู้หญิงเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่ 3 ในยุโรป ถัดจากนอร์เวย์และสวีเดนที่เตรียมบังคับผู้หญิงเข้ารับราชการทหาร
นอกจากนี้ เดนมาร์กยังจะมีการขยายเวลารับราชการทหารจาก 4 เดือนเป็น 11 เดือน สำหรับทั้งชายและหญิง
เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เข้ารับราชการทหาร 4,700 คน ซึ่งในนั้นประมาณ 25% เป็นผู้หญิง และจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 คนต่อปี
ปัจจุบันกองทัพของเดนมาร์กมีทหารประจำการประมาณ 20,000 นาย รวมถึงทหารอาชีพประมาณ 9,000 นาย
ประเทศแห่งนี้ซึ่งมีประชากรเกือบ 6 ล้านคน ยังได้ปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหาร จากระดับปัจจุบัน 1.4% ของจีดีพี เป็น 2% ของจีดีพี เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดโดยพันธมิตรทหารนาโต
เดนมาร์กคือหนึ่งในผู้สนับสนุนตัวยงของยูเครน จัดหาอาวุธล้ำสมัยและเงินทุนแก่เคียฟ นอกจากนี้ ยังให้การฝึกฝนนักบินยูเครน สำหรับขับเครื่องบินรบ F-16 ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ
ฟินแลนด์และสวีเดน 2 ชาติแถบนอร์ดิกเพิ่งเข้าร่วมนาโตเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ในขณะที่พันธมิตรทหารแห่งนี้กำลังยกระดับการป้องกันตนเองในยุโรป ตามหลังรัสเซียรุกรานยูเครน
(ที่มา : บีบีซี)