เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุในวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) ว่าบรรดาสมาชิกของพันธมิตร "ไม่ได้มอบกระสุนแก่ยูเครนอย่างเพียงพอ" และการขาดแคลนดังกล่าว เปิดทางให้รัสเซียสกัดปฏิบัติการตีโต้กลับของกองกำลังเคียฟได้สำเร็จ
"ยูเครนไม่ได้กำลังหมดความกล้าหาญ แต่พวกเขากำลังหมดเกลี้ยงกระสุน" สโตลเทนเบิร์กบอกกับพวกผู้สื่อข่าว "ร่วมมือกัน เรามีศักยภาพมอบในสิ่งที่ยูเครนต้องการ ตอนนี้เราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจทางการเมืองที่จะทำเช่นนั้น"
เสียงเตือนของสโตลเทนเบิร์ก มีขึ้นในขณะที่แรงสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ผู้หนุนหลังหลักของเคียฟ ยังคงถูกขัดขวางในสภาคองเกรส จากพวกรีพับลิกันสายแข็งกร้าวที่ต่อต้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน
"พันธมิตรทุกชาติจำเป็นต้องพยายามอย่างหนักและส่งมอบอย่างรวดเร็ว ทุกๆ วันที่ล่าช้าได้ก่อผลกระทบอย่างแท้จริงในสนามรบในยูเครน" เลขาธิการนาโตกล่าว "ดังนั้น นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งและมันจะเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงครั้งประวัติศาสตร์ หากเปิดทางให้ ปูติน ได้รับชัยชนะ"
พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและตะวันตกต่างยอมรับว่ากองกำลังเคียฟกำลังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ตกเป็นรองรัสเซีย เนื่องจากแรงหนุนจากบรรดาผู้สนับสนุนลดน้อยถอยลง
เมื่อไม่นานที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนถูกบีบให้ต้องล่าถอยออกจากเมืองอัฟดิอิฟกา ป้อมปราการทางยุทธศาสตร์ ตามหลังการสู้รบอันดุเดือดและทหารของพวกเขาประสบปัญหาในการสกัดกั้นไม่ให้รัสเซียรุกคืบเข้ามาเพิ่มเติม
ในขณะที่ทางตันทางการเมืองได้ทำให้แรงสนับสนุนจากวอชิงตันหยุดชะงัก บรรดาชาติยุโรปทั้งหลายก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับการยกระดับกำลังผลิตกระสุนและอาวุธในภาคอุตสาหกรรมของพวกเขา
"เราจำเป็นต้องตัดสินใจต่างๆ ในการลงทุนเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมกลาโหม" สโตลเทนเบิร์กระบุ "เราจำเป็นต้องรับประกันว่ารัฐบาลต่างๆ ของเราเห็นพ้องในสัญญาต่างๆ กับอุตสาหกรรมกลาโหม เพื่อที่พวกเขาจะสามารถตัดสินใจในทางพาณิชย์ในการยกระดับกำลังผลิต"
ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้เริ่มโครงการริเริ่มต่างๆ ในความพยายามเพิ่มกำลังผลิตและยืนยันว่าระดับกำลังผลิตกำลังเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่า กลุ่มที่ประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติแห่งนี้ยังคงไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อปีที่แล้ว ที่บอกว่าจะมอบกระสุนปืนใหญ่ 1 ล้านนัดแก่ยูเครนภายในเดือนนี้
(ที่มา : เอเอฟพี)