หนึ่งวันหลังเกิดเหตุระทึก เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ของสายการบินลาทัม แอร์ไลน์ ในเที่ยวบินมุ่งหน้าสู่สู่เมืองโอ๊คแลนด์ ของแดนกีวี เกิดวูบลดระดับลงมาอย่างเฉียบพลันกลางอากาศ ส่งผลให้ผู้โดยสารกว่า 50 คนได้รับบาดเจ็บ ในวันอังคาร (12 มี.ค.) คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุในการเดินทางของนิวซีแลนด์ (ทีเอไอซี) ก็เข้ายึดเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินและเครื่องบันทึกข้อมูลการบินของเที่ยวบินนี้เพื่อสอบสวนหาสาเหตุ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง บีบีซีรายงานว่า อดีตพนักงานโบอิ้งที่แจ้งเบาะแสความไม่ชอบมาพากลในบริษัท เสียชีวิตแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างเดินทางไปให้การในคดีฟ้องร้องบริษัทผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันแห่งนี้
ลาทัม แอร์ไลน์และผู้โดยสารบนเที่ยวบินระทึกเมื่อค่ำวันจันทร์ (11) ดังกล่าว เผยว่า อยู่ๆ เครื่องบินที่มีผู้โดยสาร 236 คน และลูกเรือ 9 คน ก็หล่นวูบกลางอากาศหลังออกจากซิดนีย์, ออสเตรเลีย มุ่งหน้าสู่เมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ทำให้ผู้โดยสารบางคนถูกเหวี่ยงจากที่นั่งกระแทกกับเพดานเครื่องบิน
สายการบินของชิลีแห่งนี้แถลงวันอังคาร (12) ว่า กำลังร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อหาสาเหตุของ “ปัญหาทางเทคนิค” ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้านหน่วยแพทย์ฉุกเฉินในโอ๊คแลนด์เผยว่า ได้รักษาผู้ป่วยราว 50 คน โดยจนถึงเมื่อเช้าวันอังคารยังมี 4 คพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ลาทัมแถลงว่า มีผู้โดยสารเพียง 1 คน และลูกเรืออีก 1 คนที่ต้องรับการรักษาเพิ่มเติมแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต
กองอำนวยการการบินพลเรือนของชิลีระบุว่า ทีเอไอซีของนิวซีแลนด์จะเป็นผู้นำในการสอบสวน โดยที่ชิลีจะให้การสนับสนุน
ด้านทีเอไอซีแถลงวันอังคารเช่นกันว่า ได้ยึดเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินและเครื่องบันทึกข้อมูลการบินของเครื่องบินที่ประสบเหตุมาตรวจสอบแล้ว
โจ แฮตต์ลีย์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของนิวซีแลนด์ เผยว่า ปัญหาทางเทคนิคเกิดขึ้นน้อยมากในเครื่องบินรุ่นใหม่อย่างดรีมไลเนอร์ และสำทับว่า เครื่องบันทึกข้อมูลการบินจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้รู้ว่า สาเหตุของอุบัติเหตุนี้มาจากสภาพอากาศหรือปัญหาทางเทคนิคของเครื่องบิน และทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ตอกย้ำความจำเป็นที่ผู้โดยสารจะต้องคอยรัดเข็มขัดเอาไว้เสมอ
ข้อมูลจากไฟลต์อะแวร์ เว็บไซต์ติดตามการบินของสายการบินต่างๆ แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินของลาทัมเริ่มลดระดับหลังออกจากซิดนีย์ 2 ชั่วโมง แต่ไม่ชัดเจนว่า เป็นการลดระดับเพื่อเตรียมลงจอดที่โอ๊คแลนด์หรือไม่
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายยักษ์ของอเมริกา เผชิญปัญหาด้านความปลอดภัยบ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงกรณีเครื่อง 737 แม็กซ์ของไลออนแอร์ และเอธิโอเปียน แอร์ไลนส์ตกในปี 2018 และ 2019 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 350 คน
สำหรับกรณีล่าสุด โบอิ้งแถลงว่า กำลังรวบรวมข้อมูลการบินและจะให้การสนับสนุนแก่ลูกค้ารวมทั้งเจ้าหน้าที่สอบสวน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แผงประตูฉุกเฉินของเครื่องโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 9 ของอะแลสกา แอร์ไลนส์ หลุดร่วงกลางอากาศขณะบินอยู่ในอเมริกา
นอกจากนั้นสัปดาห์ที่แล้ว เที่ยวบินของโบอิ้ง 777 ซึ่งมีปลายทางที่ญี่ปุ่น ยังต้องลงจอดฉุกเฉินช่วงสั้นๆ หลังจากล้อหลุดระหว่างทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก และตกลงในที่จอดรถส่งผลให้รถหลายคันได้รับความเสียหาย
ต้นเดือนนี้องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ขีดเส้นตายให้โบอิ้งนำเสนอแผนจัดการปัญหาการควบคุมคุณภาพภายใน 90 วัน
ในอีกด้านหนึ่ง บีบีซี นิวส์รายงานว่า ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของเทศมณฑลชาร์ลส์ตัน ในอเมริกา เมื่อวันจันทร์ว่า จอห์น บาร์เน็ตต์ อดีตพนักงานที่เป็นผู้แจ้งเบาะแสความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตของโบอิ้ง เสียชีวิตแล้วจาก “การทำร้ายตัวเอง” หลังจากก่อนหน้านั้นไม่กี่วันเขาเพิ่งมอบหลักฐานคดีฟ้องร้องโบอิ้ง อย่างไรก็ดี ตำรวจกำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้
บาร์เน็ตต์ วัย 62 ปี ทำงานให้โบอิ้งยาวนาน 32 ปี กระทั่งเกษียณในปี 2017 จากปัญหาสุขภาพ
นับจากปี 2010 บาร์เน็ตรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายคุณภาพของโรงงานโบอิ้งที่นอร์ทชาร์ลสตัน ซึ่งผลิต 787 ดรีมไลเนอร์
ปี 2019 บาร์เน็ตเปิดเผยกับบีบีซีว่า หลังจากทำงานที่โรงงานดังกล่าวไม่นาน เขากังวลว่า การเร่งรีบผลิตเครื่องบินรุ่นใหม่ทำให้คุณภาพความปลอดภัยหย่อนยานลง บางครั้งพนักงานต้องไปรื้อชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานจากถังขยะมาติดตั้งกับเครื่องบินเพื่อป้องกันไม่ให้การผลิตล่าช้า
เขายังระบุว่า จากการตรวจสอบระบบออกซิเจนฉุกเฉินที่เตรียมติดตั้งกับ 787 พบอัตราการบกพร่องถึง 25% ซึ่งหมายความว่า หน้ากากช่วยหายใจบนเครื่อง 1 ใน 4 อาจไม่ทำงานในกรณีฉุกเฉิน
บาร์เน็ตบอกว่า แจ้งผู้จัดการแล้วแต่ไม่มีการแก้ไขใดๆ ขณะที่โบอิ้งปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบของสำนักงานบริหารการบินสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ในปี 2017 พบว่า ข้อกังวลของบาร์เน็ตบางส่วนถูกต้อง เช่น พบชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างน้อย 53 ชิ้นในโรงงานแห่งหนึ่ง และโบอิ้งสั่งให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว
ส่วนกรณีท่อออกซิเจน โบอิ้งอธิบายว่า ปี 2017 บริษัทพบขวดออกซิเจนบางส่วนที่ได้รับจากซัปพลายเออร์ทำงานไม่ถูกต้อง แต่ยืนยันว่า ไม่เคยติดตั้งอุปกรณ์เหล่านั้นในเครื่องบิน
หลังเกษียณอายุ บาร์เน็ตฟ้องร้องโบอิ้ง โดยกล่าวหาว่า หมิ่นประมาทและขัดขวางหน้าที่การงานเนื่องจากเขาเปิดโปงปัญหาต่างๆ ในบริษัท ทว่า โบอิ้งปฏิเสธ
นอกจากนั้นก่อนที่จะเสียชีวิต บาร์เน็ตเดินทางไปชาร์ลส์ตันเพื่อให้การเกี่ยวกับคดีดังกล่าว และสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งมอบคำให้การหรือหลักฐานอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันเสาร์ (9) เขาไม่ได้เดินทางไปพบทนายความของโบอิ้งเพื่อซักถามเพิ่มเติมตามกำหนด และต่อมาจึงพบว่า เขาเสียชีวิตในรถที่จอดอยู่ในโรงแรมที่เข้าพัก
ด้านโบอิ้งแถลงแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของบาร์เน็ต
(ที่มา: เอเอฟพี, บีบีซี, รอยเตอร์)