โปรดชมคลิป :ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถาม "เจ้าหญิงเคท" ทรงถูกบีบต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ หลังรีบเสด็จจากวังวินด์เซอร์ทันทีหลังร่อนแถลงการณ์ "ขออภัย"

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สื่อแท็บลอยด์ผู้ดีตั้งคำถาม เจ้าหญิงแคทเธอรีนถูกบีบให้ต้องรับผิดชอบเพื่อดับวิกฤตหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อทีมงานต้องสะดุดความผิดปกติแต่ไม่เข้าใจปล่อยผ่านได้อย่างไร เจ้าหญิงหลังออกแถลงการณ์ขออภัยต่อสาธารณชนรีบเสด็จออกจากพระราชวังวินด์เซอร์พร้อมพระสวามีบ่ายวันจันทร์ (11 มี.ค.) แต่ไม่ปรากฏเสด็จร่วมพิธีมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ร่วมกับเหล่าสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงอื่น คาดอาจเสด็จไปตามนัดหมายส่วนพระองค์ที่ไม่เปิดเผย

สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวานนี้ (11 มี.ค.) ว่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ทรงปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกหลังข่าวพระฉายาลักษณ์โดยสำนักพระราชวังเคนซิงตันแถลงว่า พระองค์เสด็จประทับในรถยนต์พระที่นั่งร่วมกับเจ้าชายวิลเลียมออกจากพระราชวังวินด์เซอร์ในบ่ายวันจันทร์ (11)

ทั้งนี้ ภาพใหม่ที่ปรากฏเป็นภาพแสดงให้เห็นเจ้าหญิงกำลังเบือนพระพักตร์ออกไปนอกหน้าต่างระหว่างที่พระสวามีกำลังง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือในพระหัตถ์ กลายเป็นประเด็นไปทั่วหลังทรงออกแถลงการณ์ขออภัยต่อสาธารณชนโดยทรงตรัสยอมรับว่าได้ทำการตัดต่อภาพครอบครัวที่พระองค์ประสงค์ให้ออกมาในวันแม่ของอังกฤษ

ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับเดลีเมลว่า พระองค์ทำการตัดต่อภาพน้อยมาก โดยผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยกับเดลีเมลว่า พระฉายาลักษณ์ที่ตัดต่อมีการใช้โปรแกรมโฟโต้ชอป และเครื่องมือ AI เข้าช่วย

ทั้งนี้ ในการเสด็จเมื่อบ่ายวานนี้ (11) สำนักพระราชวังกล่าวว่า เจ้าชายวิลเลียมเสด็จไปร่วมพิธีวันเครือจักรภพอังกฤษ (Commonwealth Day service) ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ (Westminster Abbey) กลางกรุงลอนดอน อังกฤษ

แต่ทว่าเจ้าหญิงแคทเธอรีนไม่ได้เสด็จร่วมในพิธีประจำปี เป็นที่เข้าใจว่าเจ้าหญิงเคททรงเสด็จไปตามการนัดหมายส่วนพระองค์

เดลีเมลสื่ออังกฤษอีกสำนักรายงานว่า ภายในพิธีมีสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงรวม พระราชินีคามิลลา และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ แต่ทว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงไม่ได้เสด็จมาด้วย

วิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์เสด็จมาถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ในเวลา 14.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ (11)

ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์อังกฤษของทางสถานีออกมาชี้ว่า ปัญหาพระฉายาลักษณ์ถูกตัดต่อเชื่อว่าได้สร้างความอับอายให้ทั้งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ราชวงศ์อังกฤษ และต่อเจ้าหญิงเคท แต่ทว่าดูเหมือนพระองค์จะทรงออกมายอมรับเสียงตำหนิอย่างยินดีพระทัย
 
และกลายเป็นคำถามเกิดขึ้นว่า 'เจ้าหญิง' ทรงต้องถูกบีบให้ออกหน้าเป็นผู้รับผิดชอบเพื่อให้เรื่องฉาวต้องยุติหรือไม่? ซึ่งในรายการทางสถานีของเดลีเมลมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการใช้ช่างถ่ายภาพมืออาชีพในเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ โจ เอลวิน (Jo Elvin) เป็นผู้ดำเนินรายการของเดลีเมล รอแยลส์ (Dailymail Royals) เผยแพร่บนช่องยูทูบในวันอังคาร (12)

แต่ทว่าผู้เชี่ยวชาญ 2 คนระบุว่าทั้งเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีนมีพระประสงค์ต้องการให้มีการจัดการที่ไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่เคร่งครัดเข้ามายุ่งเกี่ยวมากนักภายในครอบครัวของพระองค์โดยเฉพาะพระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ และพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเห็นชอบที่ให้แผนกสื่อสารของทั้ง 2 พระองค์เป็นผู้จัดการ

อย่างไรก็ตาม ในรายการผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ที่หนึ่งในนั้นคือ ริชาร์ด เคย์ (Richard Kay) ชี้ว่า เมื่อพระฉายาลักษณ์ต้นเรื่องถูกส่งมอบให้แผนกสื่อสารนั้นคนทั้ง 2 ไม่เชื่อว่าจะไม่มีการตรวจสอบข้อบกพร่องต่างๆ เป็นต้นว่า เจ้าหญิงไม่ได้ทรงพระธํามรงค์อภิเษกสมรสและพระธํามรงค์เจ้าหญิงไดอานาในพระฉายาลักษณ์ คนเหล่านั้นเชื่อว่าเจ้าหน้าที่แผนกต้องออกมาชี้ว่า ทางสาธารณะอาจต้องมีการตั้งคำถามเกิดขึ้น

โดยภายในรายการผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เชื่อว่าเหตุการณ์การตัดต่อพระฉายาลักษณ์นี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษอย่างแน่นอน เป็นเพราะมาจากการที่ประชาชนต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ราชวงศ์กล่าวสิ่งใดออกมา และเมื่อมีปรากฏว่าพระฉายาลักษณ์ที่เผยแพร่ออกมากลับเป็นสิ่งที่โดนตัดต่อขึ้นโดยได้รับการยืนยันจากสำนักข่าวชั้นนำทั่วโลก ทำให้ประชาชนอาจตั้งคำถามต่อไปว่า และมีสิ่งอื่นใดอีกบ้างที่ทางวังได้ตัดต่อเปลี่ยนแปลงหรือจัดฉากเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้สถาบัน

ผู้เชี่ยวชาญชีัว่า พระฉายาลักษณ์นีัออกมาจากความตั้งใจดีเพื่อหวังกำจัดข่าวลือแง่ร้ายต่างๆ ที่ประดาประดังเข้ามาช่วงระหว่างที่เจ้าหญิงกำลังประชวรและหลังการเข้าถวายการผ่าตัด โดยสื่อต่างพยายามต้องการค้นหาว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิงแคทเธอรีนกันแน่

ภายในรายการที่อาจเป็นข้อถกเถียง โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เมื่อในขณะที่มีการเผยแพร่พระฉายาลักษณ์มีการเปิดเผยอย่างชัดเจนว่า ช่างกล้องคือ "เจ้าชายวิลเลียม" แต่เป็นที่ตกตะลึงเมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นวิกฤตที่สำนักพระราชวังเคนซิงตันเหมือนจะผลักภาระความรับผิดชอบให้เจ้าหญิงแทน โดยแถลงการณ์ขออภัยเป็นการแสดงออกมาในลักษณะส่วนบุคคลและมีการลงพระนามในลักษณะย่อคือ C เท่านั้นที่มาจาก Catherine พระนามของเจ้าหญิงแห่งเวลส์