บรรดาประเทศทั้งหลายที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอในการหยุดยั้งกองกำลังอิสราเอลจากการเข่นฆ่าพลเมืองปาเลสไตน์ในกาซา จากเสียงโวยวายของประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี ความเห็นซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว
"เราทุกคนได้เป็นสักขีพยานร่วมกันว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเป็นแค่เศษกระดาษ ยามเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิการมีชีวิตอยู่ของเด็กๆ ชาวปาเลสไตน์ ผู้หญิงและพลเรือนผู้บริสุทธิ์" ผู้นำตุรกีกล่าว ระหว่างร่วมกิจกรรมหนึ่งในอิสตันบูลเมื่อวันเสาร์ (9 มี.ค.)
แอร์โดอัน กล่าวต่อว่าสงครามในตะวันออกกลาง "แสดงให้เห็นว่าโลกอิสลามยังคงขาดแคลนอย่างมากๆ โดยเฉพาะในแง่ของการลงมือทำด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในความพยายามกดดันอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการในกาซา"
ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่าแม้ "มีการทำงานหนักและความพยายามมากมายในขอบเขตทางการทูต แต่ท้ายที่สุดแล้วบรรดาประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ก็ไม่อาจป้องกันการเสียชีวิตของเด็กๆ ผู้บริสุทธิ์ในกาซา ที่เสียชีวิตจากความหิวโวย ลูกกระสุนและระเบิด"
แอร์โดอัน บอกว่า อังการาได้ส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กาซา ทั้งทางอากาศและทางทะเล เป็นจำนวนแล้วกว่า 40,000 ตัน
ความเห็นนี้มีขึ้นหลังจาก เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศเดินหน้าปฏิบัติการรุกรานราฟาห์ เมืองหลักใกล้ชายแดนกาซาติดกับอียิปต์ โดยเมืองแห่งนี้และพื้นที่โดยรอบอัดแน่นไปด้วยผู้อพยพ หลังกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลออกคำสั่งให้ชาวปาเลสไตน์หลบหนีออกจากพื้นที่ทางเหนือของฉงวน เนทันยาฮู ปฏิเสธเสียงเรียกร้องของนานาชาติที่ร้องขอข้อตกลงหยุดยิง อ้างว่ากองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลจำเป็นต้องเข้าเคลียร์ป้อมปราการสุดท้ายของพวกฮามาสในราฟาห์
อิสราเอลประกาศสงครามกับพวกฮามาส หลังนักรบกลุ่มนี้บุกจู่โจมเล่นงานเมืองต่างๆ ทางใต้ของอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย และจับตัวประกันกว่า 200 คน นับตั้งแต่นั้น อิสราเอล เปิดปฏิบัติการโจมตีแก้แค้นและรุกรานทางภาคพื้น สังหารชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปแล้วกว่า 30,000 คน
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)