xs
xsm
sm
md
lg

นาโต้จำเป็นต้องถอนกองกำลังซึ่งแอบนำเข้าไปแล้วในยูเครน หากคัดค้านจริงๆ เรื่องส่งกองทหารภาคพื้นดินเพื่อสู้รบรัสเซียที่นั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


เครื่องบิน “ทอร์นาโด จีอาร์4” ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากฐานทัพอาโครติริ ในประเทศไซปรัสเมื่อเดือนมกราคม 2019 โดยที่มีขีปนาวุธร่อน “สตอร์ม แชโดว์” ติดตั้งอยู่ที่ใต้ปีก (ภาพจากวิกิพีเดีย)  ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรได้จัดส่งขีปนาวุธร่อนแบบยิงจากอากาศชนิดนี้ไปให้ยูเครนเมื่อปีที่แล้ว
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

NATO needs to pull its soldiers from Ukraine
By STEPHEN BRYEN
01/03/2024

ปูตินเตือนว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีหลุดปากเผยความลับซึ่งที่จริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่า มีผู้ปฏิบัติการชาวสหราชอาณาจักรอยู่ในยูเครน คอยช่วยเหลือเรื่องการใช้งานขีปนาวุธร่อน “สตอร์ม แชโดว์ “ ซึ่งลอนดอนจัดส่งไปให้

ถ้าหากนาโต้คัดค้านอย่างมากมายถึงขนาดนี้ในเรื่องการส่งทหารไปยังยูเครน ทำไมพวกเขาจึงไม่เรียกร้องให้นำเอาทหารซึ่งไปอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วกลับบ้านบ้างล่ะ?

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ช็อลซ์ ของเยอรมนีแถลงว่า เยอรมนีจะไม่จัดส่งขีปนาวุธร่อน (cruise missiles) แบบ ทอรัส (Taurus) ของตนที่มีพิสัยทำการไกล ไปให้แก่ยูเครน เนื่องจากการกระทำเช่นนั้นจำเป็นต้องจัดส่งกองทหารเยอรมันไปที่นั่นเพื่อใช้งานขีปนาวุธนี้ด้วย [1] ทำนองเดียวกับที่สหราชอาณาจักรกำลังเป็นผู้ใช้งานขีปนาวุธร่อนยิงจากอากาศแบบ “สตอร์ม แชโดว์” (Storm Shadow) นั่นเอง

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ช็อลซ์ ของเยอรมนี
ปรากฏว่าทางสหราชอาณาจักรออกมาโวยวายตอบโต้ว่าทำผิดกติกาแล้ว พร้อมกับกล่าวหา ช็อลซ์ ว่า “ใช้ข่าวกรองไปในทางที่ไม่ถูกต้องอย่างฉาวโฉ่น่ารังเกียจ” [2] --ซึ่งนี่หมายความว่า ช็อลซ์ยืนยันในสิ่งที่ทุกๆ คนทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าพวกเจ้าหน้าที่นาโต้และบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วของนาโต้กำลังอยู่ในยูเครน ทำหน้าที่ใช้อาวุธต่างๆ อย่างเช่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศ แพทริออต (Patriot) และ นาแซม (NASAM), ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง ไฮมาร์ส (HIMARS), ขีปนาวุธร่อน สตอร์ม แชโดว์ ของสหราชอาณาจักร-ฝรั่งเศส (ในภาษาฝรั่งเศสเรียกชื่อว่า SCALP-EG) ตลอดจนพวกอาวุธสลับซับซ้อนอื่นๆ อีกมากซึ่งถูกจัดหาจัดส่งไปให้ยูเครน

บุคลากรจากบรรดาประเทศนาโต้ที่อยู่ในยูเครน มีจำนวนจริงๆ เท่าใดแน่เป็นเรื่องที่ไม่ทราบกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องอยู่ในจำนวนที่มากทีเดียว โดยพวกเขามีทั้งที่มาจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, โปแลนด์, และอื่นๆ เมื่อ “อาสาสมัคร” เหล่านี้ ได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหาร สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขากลายเป็นเรื่องคลุมเครือไร้ความกระจ่าง โดยที่บทบาทของพวกเขานั้นบ่อยครั้งถูกบันทึกเอาไว้ว่าเป็นผู้ทำงานในด้านการแพทย์หรือทางสังคม ระยะใกล้ๆ มานี้เอง สถานะความเป็นทหารสู้รบ อย่างน้อยที่สุดก็ในสหรัฐฯ จึงได้มีการยอมรับกัน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงนโยบายประจำปีที่หอประชุมกอสตินี ดวอร์ ใจกลางกรุงมอสโก วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024
เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้แถลงนโยบายประจำปีของเขา [3] ที่ยาวเหยียดใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง เขาเตือนว่าการที่นาโต้กำลังส่งทหารไปยังยูเครนอาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมา เห็นชัดว่าส่วนหนึ่ง ปูติน กำลังตอบโต้คำแถลงของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เกี่ยวกับเรื่องที่นาโต้กำลังจัดส่งกองทหารไปยังยูเครนเพื่อกีดขวางไม่ให้รัสเซียได้รับชัยชนะ ขณะที่คำแถลงของมาครงไม่ได้รับปฏิกิริยาในทางบวกจากพวกผู้นำอียู แต่จากข้อเท็จจริงที่ว่ากำลังมีการถกเถียงกันอย่างเปิดเผยเรื่องการจัดส่งทหารเช่นนี้ในการหารือของอียู ก็เป็นที่ชัดเจนว่าได้ขันเกลียวความตึงเครียดระหว่างนาโต้กับรัสเซียให้ขมึงทึงยิ่งขึ้น

นาโต้นั้นกำลังทำให้การสู้รบขัดแย้งเรื่องยูเครนบานปลายขยายตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยมีการอ้างทึกทักเอาว่าเพื่อช่วยเหลือยูเครนในการขับไล่รัสเซียให้ออกไปจากดินแดนของพวกเขา อย่างไรก็ดี หลักฐานต่างๆ ส่วนใหญ่ที่สุดกลับชี้ว่านาโตกำลังเสาะแสวงหาที่ตั้งฐานทัพสำหรับกองกำลังนาโต้และสถานที่จัดวางประจำการพวกอาวุธซึ่งเล็งเป้าหมายไปที่รัสเซีย ทั้งนี้ตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลานี้สหรัฐฯมีฐานของซีไอเอในยูเครนอยู่ 12 ฐานในบริเวณชายแดนติดต่อกับรัสเซีย [4]

ขณะเดียวกัน นาโต้ยังกำลังยุยงส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในมอสโกอย่างคึกคักกระตือรือร้นยิ่ง นิตยสารไวร์ด (Wired Magazine) เวลานี้เปิดเผย [5] ว่า สหรัฐฯได้พัฒนาเทคโนโลยีพิเศษ [6] เพื่อคอยเฝ้าติดตามพวกเครื่องโทรศัพท์มือถือของคณะทำงานตลอดจนพวกเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานกับปูติน ด้วยจุดประสงค์ที่จะให้ได้ตำแหน่งแห่งที่ซึ่งปูตินปรากฏตัวอยู่ในขณะนั้น

ข้อมูลข่าวสารนี้จะมีมูลค้าน้อยนิดเว้นแต่ว่าเจตนารมณ์ของมันคือเพื่อใช้ในการลอบสังหารปูติน ข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐฯและนาโต้ ด้วยความช่วยเหลือของฝ่ายยูเครน กำลังเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างล้ำลึกอยู่ในเรื่องการกำจัดปลิดชีพเหล่าผู้นำรัสเซีย (ตลอดจนพวกผู้บังคับบัญชาทหารชาวรัสเซีย) บ่งชี้ให้เห็นอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยว่า การมุ่งที่จะทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในมอสโก กระทั่งมีความสำคัญเหนือกว่าการยังความพ่ายแพ้ในสมรภูมิให้แก่รัสเซียด้วยซ้ำไป วิกตอเรีย นูแลนด์ ถึงกับกล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา [7] ว่า รัสเซียของปูตินนั้น “ไม่ได้เป็นรัสเซียอย่างที่เราต้องการ” (1)

ภาพถ่ายจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นวัตถุบินได้ชิ้นหนึ่งกำลังระเบิดให้แสงเจิดจ้าที่บริเวณใกล้ๆ กับโดมของอาคาร เครมลิน ซีเนต (Kremlin Senate building) ในทำเนียบเครมลิน กรุงมอสโก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2023 ทั้งนี้สันนิษฐานกันว่าเป็นโดรตกามิกาเซที่ถูกส่งมาโดยมุ่งเข้าโจมตีบริเวณที่ทำงานของปูติน ทว่าถูกทำลายไปก่อนจะถึงเป้าหมาย และตัวปูตินตอนนั้นก็ไม่ได้อยู่ในวังเครมลิน
แทบไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ปูตินเข้าอกเข้าใจเป็นอันดีว่าเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของพวกมือปฏิบัติการที่นำโดยนาโต้ อันที่จริงมีความพยายามที่จะสังหารปูตินมาแล้วหลายครั้งหลายครา หนึ่งในจำนวนนี้คือการใช้โดรนกามิกาเซ่ลำหนึ่งโจมตีที่ทำงานของเขาในทำเนียบเครมลิน [8] แล้วเมื่อพิจารณาจากข่าวที่เปิดเผยกันว่ามีความพยายามที่จะระบุตำแหน่งที่ซึ่งปูตินกำลังปรากฎตัว จึงน่าจะเป็นไปได้อย่างมากว่าการโจมตีนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสังหารเขา (โดยที่สามารถโบ้ยไปได้ว่าเป็นฝีมือของยูเครน [9] ไม่ใช่นาโต้)

ในอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อนการปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน รถยนต์ลีมูซีนของปูตินกำลังอยู่บนถนนวงแหวนรอบนอกของกรุงมอสโก เมื่อตอนที่มันถูกโจมตีอย่างรุนแรง [10] คนขับรถของปูตินถูกสังหาร [11] ทว่าตัวปูตินเองในขณะนั้นไม่ได้อยู่ในรถคันนี้ ทั้งนี้ ข่าวกรองไม่ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ทุกๆ ชิ้นหรอก

คนขับรถคนโปรดของปูติน เสียชีวิตในเหตุรถชนกันอย่างแรงบนทางหลวงที่มีการกั้นเลนขาเข้าและขาออกแยกจากกัน
ขณะที่การเมืองภายในของรัสเซียบ่อยครั้งทีเดียวเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่ากัน แต่ตัวปูตินเองกลับแสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังไม่ให้เกิดการติดตามไล่ล่าพวกผู้นำนาโต้ หรือกระทั่ง สำหรับในกรณีนี้ คือพวกผู้นำของยูเครนด้วย เมื่อตอนที่เขากำลังดำเนินการเจรจาเพื่อพยายามหาทางคลี่คลายความยุ่งยากซับซ้อนอันเกี่ยวพันกับยูเครนอยู่นั้น อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล นาฟตาลี เบนเนตต์ (Naftali Bennett) ได้พูดจากับ (ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์) เซเลนสกี ผู้ซึ่งแสดงความหวาดกลัวว่าปูตินจะสั่งฆ่าเขา จากนั้นเบนเนตต์ได้พูดจากับปูติน และปูตินก็ให้คำมั่นสัญญา [12] ว่า เซเลนสกีจะปลอดภัยและรัสเซียจะไม่แตะต้องเขา ดีลของเบนเนต์ว่าด้วยคุ้มครองเซเลนสกีนี้ดูเหมือนยังมีผลบังคับใช้อยู่จวบจนกระทั่งถึงเวลานี้

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย (ขวา) สนทนากับ นาฟตาลี เบนเนตต์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลในตอนนั้น ที่เมืองโซชิ, รัสเซีย วันที่ 22 ตุลาคม 2021
พวกหน่วยงานข่าวกรอง และสำนักคลังสมอง [13] ของฝ่ายตะวันตก และกระทั่งฝ่ายยูเครนเอง [14] ต่างกำลังรายงานว่า สถานการณ์ของยูเครนตอนนี้ย่ำแย่มาก และในช่วงเวลา 3 เดือนข้างหน้า ยูเครนอาจจะเผชิญความปราชัย เรื่องนี้กลายเป็นสัญญาณเตือนภัยที่สร้างความหวาดหวั่นใจให้แก่ชาวยุโรป และมันคือเหตุผลแท้จริงของการที่ มาครง รีบเร่งช่วยจัดการประชุมฉุกเฉินของอียูขึ้นมาในกรุงปารีส

ในที่ประชุมดังกล่าว ดูเหมือนทางพวกยุโรปพากันให้คำมั่นว่าพวกเขาจะจัดหาจัดส่งอาวุธที่มีพิสัยทำการไกลๆ ไปให้แก่เคียฟ แต่ฝ่ายเยอรมนียังคงไม่เห็นด้วยเมื่อมาถึงเรื่องขอให้จัดส่งขีปนาวุธทอรัส เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะมองว่าฝ่ายเยอรมนีหวั่นกลัวปฏิกิริยาของรัสเซีย หรือแม้กระทั่งการที่ฝ่ายรัสเซียออกมาเตือนรัฐบาลเยอรมันอย่างเปิดเผยว่า พวกเขากำลังก้าวข้ามเข้าไปในพื้นที่อันตราย โดยปราศจากหนทางออกที่ดีใดๆ เลย

เป็นเรื่องสมควรที่จะต้องประเมินทบทวนนโยบายของนาโต้กันใหม่อย่างเร่งด่วน ถ้าหากกลุ่มพันธมิตรนี้คัดค้านอย่างแท้จริงในเรื่องการจัดส่งกองทหารไปยังยูเครนแล้ว นาโต้ก็เป็นอันไม่มีทางที่จะบ่ายเบี่ยงปฏิเสธอย่างชนิดมีเหตุผลพอฟังขึ้น สำหรับกองทหารซึ่งอยู่บนภาคพื้นดินในยูเครนเรียบร้อยแล้วในเวลานี้ สหราชอาณาจักรพูดได้อย่างถูกต้องทีเดียวว่า ช็อลซ์เปิดเผยความลับที่พยายามปกปิดกันก่อนหน้านี้ จากการที่เขาประกาศว่ากองทหารสหราชอาณาจักรคือผู้ที่กำลังใช้ขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์อยู่ในยูเครน สิ่งที่ถูกซุกซ่อนอำพรางเอาไว้ในช่องทางข่าวกรอง มาถึงตอนนี้ก็เป็นอันถูกเปิดเผยให้เห็นกันอย่างกระจะ

ฝ่ายรัสเซียมีความวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการติดตั้งประจำการอาวุธเหล่านี้ ตลอดจนเกี่ยวกับการที่อาวุธพวกนี้ถูกจัดส่งไปให้แก่ยูเครน โดยที่บางชิ้นบางชนิดพุ่งเป้ามุ่งเล่นงานเมืองใหญ่เมืองน้อยของรัสเซียเท่านั้น คำเตือนของปูตินที่ว่ารัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ การเตือนภัยของเขา [15] ที่ว่านาโต้กำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าโจมตีรัสเซีย ตลอดจนการประกาศของเขาที่ว่ารัสเซียมีความพรักพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าการที่นาโต้ข่มขู่คุกคามรัสเซียซึ่งถือเป็นสิ่งที่สามารถยอมรับกันได้ในทางการเมืองในนาโต้นั้น ฝ่ายรัสเซียเห็นว่าเป็นการก้าวข้ามเส้นสีแดงแห่งความเป็นความตายกันแล้ว

พวกเอกสารการวางแผนลับๆ ของฝ่ายรัสเซียในช่วงระหว่างปี 2008 ถึงปี 2014 เผยให้เห็นว่าสิ่งที่ฝ่ายรัสเซียวางแผนเอาไว้นั้น เรื่องหนึ่งคือข้อกำหนดเงื่อนไขที่ต่ำเอามากๆ [16] สำหรับการที่มอสโกจะนำเอาอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีมาใช้ เอกสารพวกนี้ซึ่งมุ่งใช้รับมือกับการถูกโจมตีจากประเทศจีนในเวลานั้น บ่งชี้ให้เห็นว่าฝ่ายรัสเซียมีความตั้งใจที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กันตั้งแต่ตอนต้นๆ เมื่อเกิดการสู้รบขัดแย้งลักษณะดังกล่าวขึ้นมา เรื่องนี้อาจจะนำมาประยุกต์เข้ากับกรณีของยูเครนได้มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่จะต้องคาดเดากันล้วนๆ – แต่ยิ่งนาโต้เพิ่มการข่มขู่คุกคามต่อดินแดนของฝ่ายรัสเซียมากขึ้นเท่าใด หรือกระทั่งวางแผนการเพื่อยั่วยุและเพื่อเข้ารุกรานด้วยแล้ว มันก็ย่อมเป็นหัวข้อที่พวกผู้นำรัสเซียมีความใส่ใจนำมาขบคิดพิจารณาอย่างแน่นอน

นาโต้เองนั้นไม่ได้มีหนทางใดเลยที่จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเข้าทำสงครามกับรัสเซีย พวกเขาในทุกวันนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เลวร้ายกว่าที่เคยเป็นอยู่ก่อนหน้าสงครามยูเครนเสียอีก เนื่องจากนาโต้ได้จัดส่งประดาอาวุธสำคัญยิ่งยวดทั้งหลายไปให้แก่ยูเครน ทำให้ตนเองหมดสิ้นขาดไร้ทรัพย์สินเพื่อการป้องกันตัวหลักๆ อย่างเช่น เครื่องกระสุน, ยานเกราะ, และขีปนาวุธ แย่ยิ่งกว่านั้นอีกก็คือว่า พวกผู้นำและอดีตผู้นำของนาโต้ (อย่างเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร บอริส จอห์นสัน [17]) ยังคงพยายามเกี่ยวเบ็ดล่อให้ฝ่ายรัสเซียกินเหยื่อ, สร้างความตึงเครียดอันใหม่ขึ้นมาทับซ้อนอันเดิมที่ยังไม่ทันคลี่คลาย นาโต้นั้นไม่สามารถที่จะป้องกันตนเองจากการถูกโจมตีด้วยอาวุธตามแบบแผน และแน่นอนทีเดียวว่าจะไม่สามารถต้านทานกับสิ่งที่เรียกกันว่าอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีได้

สตีเฟน ไบรเอน เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ ปัจจุบันเป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน

เชิงอรรถ

[1] https://www.rt.com/news/593358-german-scholz-criticized-uk-ukraine-presence/
[2]https://www.independent.co.uk/news/world/europe/british-soldiers-in-ukraine-germany-b2504462.html
[3] https://www.youtube.com/watch?v=g6G7TWaCX0g
[4]https://www.nytimes.com/2024/02/25/world/europe/cia-ukraine-intelligence-russia-war.html
[5] https://www.wired.com/story/how-pentagon-learned-targeted-ads-to-find-targets-and-vladimir-putin/
[6] https://www.amazon.com/Means-Control-Alliance-Government-Surveillance/dp/0593443225/ref=sr_1_1?crid=2FYVZAV9OSKI0&dib=eyJ2IjoiMSJ9.LH6mW4uUyYwrFHaRKytpKg.SgsPzqOKROzrH6Rw-3njCBxTNVDLqgRLB6tGmMlQMmk&dib_tag=se&keywords=%E2%80%98Means+of+Control%3A+How+the+Hidden+Alliance+of+Tech+and+Government+Is+Creating+a+New+American+Surveillance+State&qid=1709220088&sprefix=means+of+control+how+the+hidden+alliance+of+tech+and+government+is+creating+a+new+american+surveillance+state%2Caps%2C204&sr=8-1
[7] https://www.azerbaycan24.com/en/nuland-accidentally-reveals-the-true-aim-of-the-west-in-ukraine/
[8] https://www.aljazeera.com/news/2023/5/30/drone-attack-on-moscow-causes-minor-damage-no-casualties-mayor
[9]https://www.nytimes.com/2023/05/24/us/politics/ukraine-kremlin-drone-attack.html
[10] https://www.carscoops.com/2016/09/putins-official-limo-involved-in/
[11] https://www.dailymail.co.uk/video/news/video-1326946/Head-crash-kills-President-Putin-s-favourite-official-driver.html
[12] https://www.timesofisrael.com/bennett-putin-assured-me-at-moscow-meeting-he-wouldnt-kill-zelensky/#:~:text=%E2%80%9CI%20knew%20Zelensky%20was%20under,on%20his%20own%20YouTube%20channel.
[13]https://www.atlanticcouncil.org/blogs/ukrainealert/time-is-running-out-to-help-ukraine-and-defend-the-west/
[14] https://www.rferl.org/a/ukraine-syrskiy-front-line/32819423.html
[15] https://www.dailymail.co.uk/news/article-13140127/Putin-makes-direct-threat-NUKE-West-NATO.html
[16] https://www.ft.com/content/f18e6e1f-5c3d-4554-aee5-50a730b306b7
[17] https://www.dailymail.co.uk/news/article-13139821/Boris-Johnson-tells-Putin-hell-Ukraine-says-Trump-WONT-pull-plug-funding-elected-wont-want-president-surrendered-Russia.html

วิกตอเรีย นูแลนด์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการเมือง ขณะเข้าร่วมการประชุมแถลงข่าว ที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2023
หมายเหตุผู้แปล

(1) เรื่องที่ วิกตอเรีย นูแลนด์ กล่าวว่า รัสเซียของปูตินนั้น “ไม่ได้เป็นรัสเซียอย่างที่เราต้องการ” เว็บไซต์ RT สื่อของทางการรัสเซียได้รายงานเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ จึงขอเก็บความนำมาเสนอเอาไว้ในที่นี้:


‘ปูติน’ทำให้แผนการของสหรัฐฯที่เตรียมไว้สำหรับรัสเซียประสบความล้มเหลว –‘นูแลนด์'ยอมรับ
โดย อาร์ที

Putin defeated US plan for Russia – Nuland
By RT
25/02/2024

รัสเซียของ วลาดิมีร์ ปูติน “ไม่ใช่รัสเซียที่เราต้องการ” วิกตอเรีย นูแลนด์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯฝ่ายกิจการการเมืองกล่าวเช่นนี้ในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ทั้งนี้ นูแลนด์อธิบายว่าวอชิงตันต้องการผู้นำที่ว่าได้ใช้ฟังในทำเนียบเครมลิน ผู้ซึ่งจะทำให้รัสเซีย “กลายเป็นแบบตะวันตก”

“มันไม่ใช่รัสเซียอย่างที่ ...พูดกันตรงๆ เลยนะ... อย่างที่เราต้องการ” นูแลนด์บอกกับ คริสเตียน อะแมนปูร์ (Christiane Amanpour) แห่งซีเอ็นเอ็นเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ “เราต้องการหุ้นส่วนที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการเพื่อกลายเป็นฝ่ายตะวันตก นั่นคือการกลายเป็นชาวยุโรป ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ปูตินกระทำเลย”

ประธานาธิบดีรัสเซียคนก่อนหน้าปูติน ซึ่งคือ บอริส เยลตซิน เป็นผู้ที่ได้รับความสนับสนุนจากวอชิงตัน ขณะเขากำกับดูแลการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจรัสเซีย ด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้กลายเป็นกิจการภาคเอกชนอย่างรีบร้อนในช่วงทศวรรษ 1990 การปฏิรูปต่างๆ ของเยลตินทำให้เกิดการผงาดขึ้นมาของกลุ่มผู้คนที่เรียกขานกันว่า “ออลิการ์ช” (oligarchs) ผู้ซึ่งสะสมรวบรวมความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมหาศาลใส่ตัวด้วยการขายทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ของรัสเซียไปให้แก่พวกผู้ซื้อชาวตะวันตก เวลาเดียวกับที่ประชากรส่วนข้างมากของรัสเซียต้องรับมือกับช่วงอายุของการดำรงชีพซึ่งสั้นลงเรื่อยๆ, อัตราการเกิดอาชญากรรมและการฆ่ากันตายสูงขึ้นอย่างพุ่งพรวดพราด, และค่าเงินรูเบิลก็พังทลาย

ปูติน ผู้ก้าวขึ้นครองตำแหน่งผู้นำรัสเซียครั้งแรกในปี 2000 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ที่สามารถสยบให้พวกออลิการ์ชเชื่องเชื่อ, บังคับใช้ระเบียบกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม, และพลิกกลับจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจและสังคมของยุคทศวรรษ 1990 ปูตินในตอนแรกๆ ก็แสวงหาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับฝ่ายตะวันตก อย่างที่เขาได้บอกกับนักหนังสือพิมพ์อเมริกัน ทัคเกอร์ คาร์ลสัน (Tucker Carlson) ก่อนหน้านี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า เขาเคยร้องขอต่อ บิลล์ คลินตัน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯในตอนนั้นว่า รัสเซียสามารถเข้าร่วมองค์การนาโต้ในสักวันหนึ่งข้างหน้าได้หรือไม่ ทว่ากลับถูกปฏิเสธ

กระนั้นก็ตาม ปูตินยังคงพยายามชักจูงผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯต่อจากคลินตัน ซึ่งก็คือ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ด้วยข้อเสนอที่ให้สหรัฐฯ, รัสเซีย, และยุโรป ร่วมกันก่อตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธขึ้นมา ขณะที่ทีมงานของบุชแสดงความสนใจในตอนแรกๆ ปูตินบอกว่า “ในตอนท้ายพวกเขาก็เพียงแต่บอกให้เราไปให้ไกลๆ”

จากการที่องค์การนาโต้ขยายตัวเข้ามาทางตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ, การที่อเมริกันให้ความสนับสนุนแก่กลุ่มนักรบญิฮาดต่างๆ ในแถบเทือกเขาคอเคซัส, ผสมผสานกับการที่นูแลนด์บงการประสานงานให้เกิดการทำรัฐประหารยึดอำนาจในยูเครนเมื่อปี 2014 ทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าสหรัฐฯและพันธมิตรของพวกเขาไม่ได้มีความสนใจในเรื่องความร่วมมือกับรัสเซียเลย ปูตินบอกกับคาร์ลสันเช่นนี้

สำหรับนูแลนด์ เธอบอกกับอะแมนปูร์ว่า ปูติน “ได้ทำลายประเทศของเขาเอง” ด้วยการเข้าแทรกแซงในยูเครน และระบุด้วยว่าสหรัฐฯจะ “ยังคงรัดกระชับเชือกที่คล้องคอเขาอยู่ให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ” ด้วยการจัดหาจัดส่งอาวุธให้แก่เคียฟ และบังคับใช้มาตรการแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจต่อมอสโกเพิ่มมากขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม มาตรการแซงก์ชั่นต่อเนื่องกันรอบแล้วรอบเล่า ยังคงประสบความล้มเหลวไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจรัสเซียพังเสียหายเกิดเป็น “หลุมใหญ่มหึมา” อย่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ทำนายเอาไว้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นในปี 2022 ตรงกันข้าม กองทุนการเงินระหว่างประเทศพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจของรัสเซียจะเติบโตในอัตรา 2.6% ในปี 2024 เวลาเดียวกันนั้นสหรัฐฯจะขยายตัวในระดับ 2.1%

ทำนองเดียวกัน การทะลักทะลายของอาวุธฝ่ายตะวันตกอย่างชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน ก็ล้มเหลวไม่สามารถกู้ชีวิตการรุกตอบโต้ช่วงฤดูร้อนของยูเครนให้พ้นจากความล้มเหลวได้ การปฏิบัติการคราวนี้จบลงอย่างไม่เป็นท่าในฤดูใบไม้ร่วงหลังจากเคียฟต้องสูญเสียกำลังพลไปราวๆ 160,000 คน และล้มเหลวไม่สามารถยึดพื้นที่ซึ่งสูญเสียไปของฝ่ายตนใดๆ กลับคืน ทั้งนี้ตามการแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียพูดครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพวกเขาพร้อมที่จะเปิดการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบขัดแย้งคราวนี้ ทว่ายูเครนต้องยอมรับการสูญเสียดินแดนต่างๆ ที่เคยเป็นของตน ตลอดจนต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินนโยบายแบบประเทศเป็นกลาง

(ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ https://www.rt.com/russia/593142-victoria-nuland-putin-defeated/)


ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯฝ่ายกิจการการเมือง วิกตอเรีย นูแลนด์ ขณะรักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ โบกมือทักทายพวกผู้สื่อข่าว ที่ด้านนอกของมหาวิหารเซนต์ไมเคิล ในกรุงเคียฟ ตอนที่เธอไปเยือนยูเครน เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2024
(2) อีกไม่กี่วันต่อมา วิกตอเรีย นูแลนด์ ก็ได้ลาออกจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ทั้งนี้ตามคำแถลงของกระทรวงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ซึ่งก็คือการยืนยันยอมรับการอำลาของเธออย่างเป็นทางการนั่นเอง อาร์ที ได้รายงานข่าวเรื่องนี้เอาไว้ดังนี้:

‘วิกตอเรีย นูแลนด์’ ลาออก
โดย อาร์ที

Victoria Nuland quits
By RT
05/03/2024

วิกตอเรีย นูแลนด์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการการเมืองสหรัฐฯ (US Under Secretary of State for Political Affairs) ที่เป็นผู้รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ (Deputy Secretary of State) อยู่หลายเดือน กำลังจะออกจากตำแหน่งของเธอในเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ตามคำแถลงของ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่อาวุโสผู้นี้ ซึ่งได้รับการจับตามองอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นสายเหยี่ยวแข็งกร้าวทางด้านนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯคนหนึ่ง เคยแสดงบทบาทที่สำคัญในการทำรัฐประหารยึดอำนาจที่ฝ่ายตะวันตกหนุนหลังในยูเครนเมื่อปี 2014

ในเดือนธันวาคม 2013 เธอได้เดินทางไปกรุงเคียฟ พร้อมกับ จอห์น แมคเคน (John McCain) วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อแจกจ่ายขนมอบเพสตรีให้แก่พวกผู้ประท้วงติดอาวุธซึ่งชุมนุมกันที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงของยูเครนแห่งนี้

ไม่กี่วันก่อนหน้าการรัฐประหารยึดอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ดังกล่าว ตอนที่พวกฆาตกรหมู่ซึ่งมีการจัดตั้งประสานงานกันเป็นอย่างดี เข้าเกาะกุมนครแห่งนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา เธอถูกแอบบันทึกเสียงการสนทนาหารือทางโทรศัพท์กับ เจฟฟรีย์ พะแยตต์ (Geoffrey Pyatt) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงเคียฟในเวลานั้น ขณะกำลังถกเถียงอภิปรายกันถึงวิธีการในการ “ทำคลอดสิ่งนี้” โดยที่เธอได้อุทานคำสบถว่า “F**k the EU” (อีห่..อียู) เมื่อพูดถึงเรื่องทางเลือกหนึ่งของผู้ที่อาจขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ ในประเทศที่กำลังแตกสลายด้วยสงครามแห่งนี้
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rt.com/news/nuland-phone-chat-ukraine-927/)

ระหว่างการเข้าครองอำนาจของคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ นูแลนด์ได้ออกจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และเข้าไปกุมบังเหียนหน่วยงานคลังสมอง “ศูนย์กลางเพื่อความมั่นคงปลอดภัยใหม่ของอเมริกัน (Center for a New American Security หรือ CNAS) ก่อนที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มอัลไบรต์สโตนบริดจ์กรุ๊ป (Albright Stonebridge Group) และเข้าร่วมอยู่ในคณะกรรมการบริหารของกองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy หรือ NED) ที่มีแนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่ (neo-liberal) เธอกลับเข้าทำงานในภาครัฐบาลอีกครั้งหนึ่งภายหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน สาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในปี 2021

นูแลนด์ทำงานในเรื่องการติดอาวุธให้ยูเครน และการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรของฝ่ายตะวันตกซึ่งจะทำหน้าที่จัดหาจัดส่งพวกอาวุธและเครื่องกระสุนให้แก่เคียฟสำหรับการสู้รบขัดแย้งกับรัสเซีย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา เธอได้ร้องขอให้รัฐสภาสหรัฐฯอนุมัติงบประมาณความช่วยเหลือแก่ยูเครนที่มีมูลค่าราว 61,000 ล้านดอลลาร์ โดยเธอหยิบยกเหตุผลสำคัญขึ้นมาสนับสนุนว่า ส่วนใหญ่ที่สุดของงบประมาณก้อนนี้จะ “ตรงกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ” เพื่อสร้างตำแหน่งงานต่างๆ ในอุตสาหกรรมอาวุธของอเมริกา

ทริปเดินทางไปเคียฟเที่ยวล่าสุดของเธอ เกี่ยวข้องกับการเข้าแทรกแซงกิจการภายในของยูเครน ในการโน้มน้าวประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี อย่าปลดพลเอกวาเลรี ซาลุจนี (Valery Zaluzhny) ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพยูเครน ถึงแม้มันจะไม่บังเกิดผล โดยที่ ซาลุจนี ได้ถูกปลดในเวลาต่อมา
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rt.com/russia/592203-nuland-zaluzhny-kiev-zelensky/)

ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ นูแลนด์ยอมรับว่าสหรัฐฯประสบความพ่ายแพ้จากการลงแรงพยายามต่างๆ ซึ่งมุ่งไปที่มอสโก โดยเธอยอมรับด้วยว่ารัสเซียตามเป้าหมายของนโยบายของเธอนั้น ไม่ใช่รัสเซียของปูตินในปัจจุบัน “มันไม่ใช่รัสเซียอย่างที่ ...พูดกันตรงๆ เลยนะ... อย่างที่เราต้องการ” เธอบอก

มาเรีย ซาคาโรวา (Maria Zakharova) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า การออกจากตำแหน่งของนูแลนด์นี้ มีปัจจัยมาจาก “ความล้มเหลวของเส้นทางต่อต้านรัสเซียของคณะบริหารไบเดน”

“พวกเขาจะไม่บอกคุณถึงเหตุผลนี้หรอก” ซาคาโรวา กล่าว “แต่มันเป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาๆ –ความล้มเหลวของเส้นทางแอนตี้รัสเซียของคณะบริหารไบเดน แนวความคิดเกลียดกลัวรัสเซีย (Russophobia) ซึ่งวิกตอเรีย นูแลนด์ เสนอออกมาให้เป็นความคิดหลักทางด้านนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ กำลังลากถ่วงพวกพรรคเดโมแครตให้จมลงสู่ก้นเหว เหมือนกับเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง”

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังโพสต์ภาพของนูแลนด์ซึ่งถ่ายเอาไว้ขณะไปเยือนโบสถ์คริสต์นิกายออโธดอกซ์แห่งหนึ่ง ทางโซเชียลมีเดีย และกล่าวว่า ถ้าหากนักการเมืองสหรัฐฯผู้นี้ต้องการ “ไปที่โบสถ์สักแห่งหนึ่งเพื่อไถ่บาปของคุณแล้ว เราก็สามารถพูดอะไรที่ดีๆ ให้ได้”

นูแลนด์นั้นแต่งงานกับ โรเบิร์ต เคแกน (Robert Kagan) นักคิดนักเขียนขาใหญ่ในสำนักคิดอนุรักษนิยมใหม่ neoconservative) โดยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง “โครงการเพื่อศตวรรษใหม่ของอเมริกัน” (Project for the New American Century) ขณะที่น้องสามีของเธอ คิมเบอร์ลีย์ เคแกน (Kimberley Kagan) ก็เป็นผู้บริหารของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) ซึ่งคอยเผยแพร่งานการศึกษาเกี่ยวกับสงครามยูเครนที่สื่อตะวันตกจำนวนมากนำเอามาเผยแพร่ต่อ สำหรับผู้ที่จะมาแทนที่เธอที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเป็นการชั่วคราว คือปลัดกระทรวงฝ่ายบริหาร จอห์น เบสส์ (John Bass) ซึ่งเคยเป็นอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอัฟกานิสถาน (ปี2017-2020), ตุรกี (ปี 2014-2017), และจอร์เจีย (ปี 2009-2012)

ในคำแถลงที่ออกมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม บลิงเคนชี้ว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทสสหรัฐฯ “ตอเรีย” เพื่อนของเขาเคยผ่านตำแหน่งส่วนใหญ่ในกระทรวงมาเกือบหมดแล้ว ตั้งแต่เจ้าหน้าที่กงสุลไปจนถึงเอกอัครราชทูต และรัฐมนตรีช่วย ทั้งนี้ตำแหน่งหลังสุดของเธอคือปลัดกระทรวงฝ่ายกิจการการเมือง แต่เธอก็เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยภายหลังการเกษียณอายุของ เวนดี เชอร์แมน (Wendy Sherman) ในเดือนกรกฎาคม 2023 จนกระทั่ง เคิร์ต แคมป์เบลล์ (Kurt Campbell) ได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาให้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯอย่างเป็นการถาวรในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“สิ่งที่ทำให้ตอเรียมีความโดดเด่นเป็นพิเศษอย่างแท้จริง คืออารมณ์ความรู้สึกอย่างดุเดือดร้อนแรงที่เธอนำเข้ามาสู่การต่อสู้เพื่อสิ่งที่เธอมีความเชื่อศรัทธามากที่สุด อันได้แก่ เสรีภาพ, ประชาธิปไตย, สิทธิมนุษยชน, และศักยภาพอย่างยืนยาวถาวรของอเมริกาในการให้แรงบันดาลใจและส่งเสริมสนับสนุนค่านิยมเหล่านี้ไปตลอดทั่วโลก” บลิงเคน บอก

เขาระบุด้วยว่า “ความเป็นผู้นำในเรื่องยูเครน” ของเธอ จะเป็นหัวข้อเพื่อการศึกษา “ในตลอดหลายๆ ปีต่อไปข้างหน้า” สำหรับเหล่านักการทูตและพวกนักศึกษาด้านนโยบายการต่างประเทศ

(ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ https://www.rt.com/news/593816-us-deputy-secretary-nuland-quits/)
กำลังโหลดความคิดเห็น