เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนรายหนึ่งไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ขีปนาวุธรัสเซียเล็งเป้าหมายโดยเจตนาไปที่คณะของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และนายกรัฐมนตรีกรีซ ผู้มาเยือน ครั้งที่ผู้นำทั้ง 2 เดินทางเยือนเมืองท่าโอเดสซาเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
ขีปนาวุธพุ่งเข้าใส่โครงสร้างพื้นฐานท่าเรือในเมืองริมทะเลดำแห่งนี้เมื่อวันพุธ (6 มี.ค.) ห่างจากเซเลนสกี และคีเรียคอส มิตโซตาคิส นายกรัฐมนตรีกรีซ ออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจเยี่ยมศูนย์ส่งออกธัญพืชของท่าเรือแห่งนี้
"มันห่างจากเราไม่ถึง 500 เมตร คุณไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่มันเล็งเป้าโดยตรงไปที่คณะของประธานาธิบดีของผม หรือคณะของแขกต่างชาติ" ไอฮอร์ ซอฟคา ที่ปรึกษาด้านการทูตระดับสูงกล่าวกับซีเอ็นเอ็น อย่างไรก็ตาม รัสเซียปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้
ทั้งเซเลนสกี และมิตโซตาคิส กล่าวระหว่างแถลงข่าวในวันพุธ (6 มี.ค.) บอกว่าพวกเขาได้กลายเป็นสักขีพยานการโจมตี ซึ่งสังหารผู้คนไป 5 ราย อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย บอกว่ารัสเซียไม่ได้เล็งเป้าหมายไปที่คณะตัวแทน และชี้ว่ามันชัดเจนกับทุกๆ คนว่าไม่มีแผนโจมตีต่อขบวนรถของคณะผู้แทน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในถ้อยแถลงในวันพุธ (6 มี.ค.) ว่าทหารของพวกเขาโจมตีอาคารหลังหนึ่งที่ใช้เก็บโดรนทางทะเลของยูเครนในท่าเรือแห่งนี้ พร้อมระบุการโจมตีประสบสำเร็จตามเป้าหมายเป็นอย่างดี
โครงสร้างพื้นฐานท่าเรือริมทะเลดำของยูเครนตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยกระดับโจมตีอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ครั้งที่ มอสโกถอนตัวออกจากข้อตกลงที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลาง ซึ่งเปิดทางให้มีการขนส่งธัญพืชของยูเครนอย่างปลอดภัยและเคียฟจัดตั้งแนวกันชนการส่งออกของตนเอง
ซาฟคา ระบุว่าขีปนาวุธในวันพุธ (6 มี.ค.) ยิงออกมาจากไครเมีย แหลมริมทะเลดำของยูเครน ที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 "ขีปนาวุธใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที ในการพุ่งมาถึงเป้าหมายที่ตั้งในท่าเรือโอเดสซา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "หากยูเครนมีระบบป้องกันภัยทางอากาศอย่างพอเพียง ขีปนาวุธนี้อาจถูกสกัดเอาไว้ได้"
(ที่มา : รอยเตอร์)