Alshaya Group กลุ่มบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ซึ่งได้รับสิทธิบริหารแฟรนไชส์ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ (Starbucks) ในตะวันออกกลาง เตรียมเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,000 คน หลังจากเผชิญกระแสบอยคอตจากสงครามในกาซา
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า แผนปลดพนักงานซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์ (3 มี.ค.) จะกระทบพนักงานราว 4% ของ AlShaya จากทั้งหมดเกือบ 50,000 คน และส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำสาขาในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
แหล่งข่าวคนหนึ่งยอมรับว่า กระแสบอยคอตจากผู้บริโภคมีส่วนทำให้สตาร์บัคส์ดำเนินธุรกิจได้ยากลำบากขึ้น
“สืบเนื่องจากบริบททางธุรกิจที่มีความท้าทายตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เราจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากในการลดจำนวนเพื่อนร่วมงานของสตาร์บัคส์” AlShaya ระบุในคำแถลง โดยไม่ยืนยันจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออก
Alshaya ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือเต็มที่แก่พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง และยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อธุรกิจในภูมิภาคต่อไป
Alshaya ซึ่งก่อตั้งในคูเวตเมื่อปี 1890 เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทค้าปลีกและเจ้าของแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุดของภูมิภาค และได้รับสิทธิบริหารแบรนด์ดังๆ ของตะวันตกมากมาย เช่น The Cheesecake Factory และ Shake Shack เป็นต้น
บริษัทแห่งนี้ได้สิทธิบริหารร้านสตาร์บัคส์ในตะวันออกกลางตั้งแต่ปี 1999 และมีร้านสาขาอยู่ในความดูแลราว 2,000 แห่งใน 13 ประเทศแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ รวมถึงเอเชียกลาง
แบรนด์สินค้าตะวันตกเริ่มเผชิญกระแสต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนกลุ่มรากหญ้าในตะวันออกกลาง หลังจากที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการถล่มกาซาเพื่อแก้แค้นที่พวกฮามาสโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว
สตาร์บัคส์เคยออกมาแถลงเมื่อเดือน ต.ค. หลังจากที่สงครามปะทุขึ้นใหม่ๆ ว่า บริษัทเป็นองค์กรไม่ฝักใฝ่การเมือง และขอปฏิเสธกระแสข่าวลือที่ว่าสตาร์บัคส์ให้การสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอล
ที่มา : รอยเตอร์