มาครงเรียกร้องพันธมิตรยูเครนอย่า “ขี้ขลาด” ด้านทำเนียบขาวระบุเคียฟยังไม่เคยเอ่ยปากขอให้ตะวันตกส่งทหารไปช่วย ขณะที่รัสเซียตอกความคิดเห็นของผู้นำฝรั่งเศสอันตรายและไร้ความรับผิดชอบ
ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส กล่าวระหว่างเยือนสาธารณรัฐเช็กเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) ว่า เข้าใจดีที่มีผู้ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ตนประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะไม่ตัดความเป็นไปได้ในการส่งทหารภาคพื้นดินของฝ่ายตะวันตกไปยูเครน แล้วปรากฏว่าเรื่องนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วยุโรป ทั้งนี้ผู้นำฝรั่งเศสย้ำว่า ใกล้ถึงสถานการณ์ที่ยุโรปจะต้องไม่ขี้ขลาดแล้ว
นอกจากนั้น ภายหลังพบกับประธานาธิบดีเป็ตร์ ปาเวล ของเช็ก มาครงยังกล่าวอีกว่า เขาไม่เชื่อว่าสงครามในยูเครนไม่ใช่สงครามของยุโป และยุโรปสามารถปล่อยให้สงครามดำเนินต่อไปโดยไม่แทรกแซงได้
ทั้งนี้ พันธมิตรในยุโรปแทบทั้งหมด โดยเฉพาะชาติใหญ่ๆ ที่มีกองทัพเข้มแข็งอย่างเช่น เยอรมนี และโปแลนด์ ต่างออกมาปฏิเสธไม่เอาด้วยความความคิดเห็นของมาครง กระทั่งตัวมาครงเอง เมื่อถูกพวกผู้สื่อข่าวจี้ถาม ก็ยังไม่บอกว่าฝรั่งเศสจะส่งทหารไปยูเครนหรือไม่ โดยอ้างว่าต้องการรักษาความกำกวมในทางยุทธศาสตร์เอาไว้ มีเพียงสหราชอาณาจักรซึ่งแสดงปฏิกิริยาไปในทางบวก กระนั้นก็กล่าวว่าจะไม่ส่งไปเป็นจำนวนมาก
สำหรับสหรัฐฯนั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงแล้วว่าไม่ได้มีความคิดที่จะทำเรื่องนี้ ขณะล่าสุดเมื่อวันอังคาร (5) จอห์น เคอร์บี้ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ยังไม่เคยเอ่ยปากขอให้พันธมิตรส่งทหารไปยูเครน โดยแสดงความต้องการเพียงแค่อาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้น
ด้าน บอริส พิสโตเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี กล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงสต็อกโฮล์ม หลังพบกับพัล จอนสัน รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดนว่า อย่างน้อยในความเห็นของตนนั้น ยุโรปไม่จำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับการส่งทหารไปยูเครน หรือมีความกล้าหาญมากขึ้นหรือน้อยลง เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาในส่วนของการพยายามช่วยเหลือยูเครน
ต่อมาเมื่อวันพุธ (6) เซียร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (เอสวีอาร์) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจุดยืนของมาครงว่า อันตรายและไร้ความรับผิดชอบ
รัสเซียและอเมริกาต่างมีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลก และประธานาธิบดีไบเดน เตือนว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากเผชิญปฏิกิริยาในทางลบ พวกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสหลายคนได้ออกมาพูดแก้เกี้ยวว่า อาจมีการส่งกองกำลังฝ่ายตะวันตกไปช่วยปฏิบัติการสนับสนุนในยูเครน เช่น เก็บกู้วัตถุระเบิด ไม่ใช่ไปสู้รบกับกองทฟารรัสเซีย โดยที่มาครงก็พูดสำทับลักษณะเดียวกันเหมือนกันเมื่อวันอังคารว่า ฝรั่งเศสไม่ต้องการให้สถานการณ์ลุกลามและไม่ใช่ประเทศที่กระหายสงคราม
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปาเวล ของเช็ก ซึ่งเคยเป็นอดีตประธานคณะกรรมาธิการกองทัพของนาโต กล่าวว่า ยูเครนควรหาวิธีการใหม่ๆ ขณะที่ตะวันตกไม่ควรข้ามเส้นแดงในจินตนาการด้วยการเข้าแทรกแซงปฏิบัติการสู้รบในยูเครน และแนะนำว่า ชาติสมาชิกนาโตอาจช่วยฝึกทหารในยูเครน ซึ่งไม่ถือเป็นการละเมิดกฎระหว่างประเทศ
ปาเวลยังย้ำแผนการระดมเงินเพื่อจัดซื้อพวกเครื่องกระสุนจากบริษัทนอกยุโรปแล้วจัดส่งไปให้ยูเครน อันเป็นไอเดียที่ตัวเขาเองเป็นคนแรกที่เสนอในที่ประชุมความมั่นคงในมิวนิก เยอรมนี เมื่อเดือนที่แล้ว
แผนการดังกล่าวซึ่งระบุถึงการซื้อกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวน 500,000 นัด และกระสุนปืนใหญ่ขนาด 122 มม. จำนวน 300,000 นัด มูลค่ารวม 1,500 ล้านดอลลาร์โดยประมาณนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก 15 ประเทศ
มาครงย้ำเมื่อวันอังคารว่า ฝรั่งเศสสนับสนุนแผนการนี้ แต่เขาไม่ได้บอกว่า จะสมทบทุนเท่าใด ขณะที่เนเธอร์แลนด์ประกาศแล้วว่าจะบริจาค 108.5 ล้านดอลลาร์
นอกจากนั้น ผู้นำฝรั่งเศสย้ำว่า ยังคงต้องการจัดสรรการใช้จ่ายด้านกลาโหมเข้าสู่อุตสาหกรรมภายในประเทศ และสนับสนุนการใช้งบประมาณของสหภาพยุโรป สำหรับการผลิตอาวุธในยุโรป
มาครงยังสนับสนุนให้นำรายได้จากสินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดในยุโรป ซึ่งคาดว่า มีประมาณปีละ 3,250-4,000 ล้านดอลลาร์ ไปอัดฉีดกองทัพยูเครน แต่สำทับว่า ต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทุนโดยตรงซึ่งจะถือว่า ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และนำไปสู่การโต้เถียงที่อาจทำให้ยุโรปอ่อนแอลง
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)