เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่อเมริกันเผยอิสราเอลยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 6 สัปดาห์ในหลักการ ซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยการปล่อยตัวประกันหญิง ผู้สูงวัย ผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า ฮามาสยอมรับข้อตกลงนี้ด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกัน อียู และกลุ่มสิทธิมนุษยชนวิจารณ์การที่อเมริกาเลือกหย่อนอาหารทางอากาศให้กาซาที่ทั้งสิ้นเปลืองและไร้ประสิทธิภาพ แทนที่จะใช้อิทธิพลบีบให้อิสราเอลยอมเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเพื่อลำเลียงสิ่งบรรเทาทุกข์
การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นที่กรุงโดฮา กาตาร์เมื่อวันเสาร์ (2 มี.ค.) และคาดว่า จะย้ายไปหารือต่อที่ไคโร อียิปต์ในวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของอเมริกาเผยว่า เส้นทางการเจรจามุ่งตรงไปที่การหยุดยิง ซึ่งอิสราเอลยอมรับกรอบโครงข้อตกลงโดยหลักการ แต่ไม่ได้ระบุว่า อิสราเอลยังสงวนสิทธิใดๆ หรือไม่ เจ้าหน้าที่คนเดิมเพิ่มเติมว่า กรอบโครงข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการหยุดยิงนาน 6 สัปดาห์ที่สามารถเริ่มต้นทันทีหากฮามาสตกลงปล่อยตัวประกันตามที่กำหนดคือ ผู้สูงวัย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้หญิง
หนังสือพิมพ์ฮาเรตซ์ของอิสราเอลรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนักการทูตระดับสูงว่า คณะผู้เจรจาของอิสราเอลคาดว่า ฮามาสจะให้คำตอบในวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ (3-4 มี.ค.) ประเด็นหลักคือ ตัวประกันที่จะได้รับอิสรภาพ และสัดส่วนนักโทษปาเลสไตน์ที่จะได้รับการปล่อยตัวเป็นการแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ชาวกาซาอย่างน้อย 576,000 คน กำลังจะมีสภาพอดอยาก และเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีราว 1 ใน 6 ขาดสารอาหารอย่างรุนแรงและซูบผอม ขณะที่แพทย์เผยว่า เด็ก 1 ใน 10 ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกาซาเสียชีวิตจากการขาดอาหาร ซึ่งตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านั้น
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของอเมริกาในการส่งอาหาร 66 พาเลต หรือเท่ากับอาหาร 38,000 มื้อทางอากาศให้กาซาเมื่อบ่ายวันเสาร์ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการทูตว่า ทั้งสิ้นเปลืองและไร้ประสิทธิภาพ
หน่วยงานการทูตของสหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์เตือนเมื่อวันเสาร์ว่า การหย่อนความช่วยเหลือทางอากาศควรเป็นทางเลือกสุดท้ายเนื่องจากส่งผลน้อยมากต่อวิกฤตในกาซา และไม่ได้ลดความเสี่ยงสำหรับพลเรือน กล่าวคือเครื่องบินแต่ละลำขนอาหารได้เท่ากับรถบรรทุก 1 หรือ 2 คันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังไม่สามารถควบคุมการแจกจ่ายได้ โดยมีแนวโน้มว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นอาจถูกผูกขาดโดยกลุ่มคนที่สามารถไล่ล่าและต่อสู้เพื่อชิงมา ทำให้วัตถุประสงค์ในการบรรเทาทุกข์ถูกเบี่ยงเบนอย่างง่ายดาย
นอกจากนั้น ยังมีผู้วิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เลือกที่จะไม่ใช้อิทธิพลในฐานะซัปพลายเออร์อาวุธหลักและพันธมิตรสำคัญที่สุดของอิสราเอล เพื่อบีบอิสราเอลให้เพิ่มช่องทางจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา
ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของอเมริกา มีกำหนดพบกับเบนนี แกนซ์ สมาชิกคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล ที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ ซึ่งคาดว่าจะหารือกันในหลายประเด็น รวมถึงการลดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน การผลักดันข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว การปล่อยตัวประกัน และการเพิ่มความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา
จนถึงขณะนี้วอชิงตันยังไม่สามารถโน้มน้าวให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนมากกว่า 2 จุดที่บริเวณใต้สุดของฉนวนกาซา และขั้นตอนดำเนินการที่ยุ่งยากของอิสราเอลยังทำให้การจัดส่งความช่วยเหลือล่าช้า กระนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หวังว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ และระบุว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่ของฮามาสที่ต้องตัดสินใจ และสำทับว่า ประเทศอื่นๆ ที่รวมถึงอียิปต์มีภารกิจในการโน้มน้าวให้ฮามาสยอมรับข้อตกลงหยุดยิง
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยอมรับว่า ข้อตกลงล่าสุดซับซ้อนกว่าข้อตกลงหยุดยิงครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนที่กินระยะเวลาเพียง 5 วัน และขยายเวลาแบบวันต่อวัน แต่ครั้งนี้เป็นข้อตกลงที่กินเวลา 6 สัปดาห์และมีแนวโน้มต่อเวลาออกไปได้อีกหลังจากนั้น
ด้านฮามาสระบุว่า สถานะในการเจรจาของตนเองอาจได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ที่กองทัพอิสราเอลกราดยิงใกล้ฝูงชนปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารจากขบวนรถบรรเทาทุกข์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 115 คน และอียูเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการนานาชาติอิสระสอบสวนการกระทำที่ไร้เหตุผลนี้
อิสราเอลแก้ต่างว่า ทหารของตนยิงเพื่อป้องกันตัวและไม่ได้เล็งไปที่ฝูงชน ซ้ำบอกว่า เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการเบียดเสียดหรือถูกรถบรรทุกทับ
เจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่เดินทางไปยังโรงพยาบาลอัล-ชีฟาหลังจากที่มีการโจมตีดังกล่าวหนึ่งวัน เผยว่า ผู้รอดชีวิตหลายคนบาดเจ็บจากการถูกยิง ซึ่งสอดคล้องกับการสัมภาษณ์แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยและผู้เห็นเหตุการณ์