เมืองต่างๆ ของรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับอุณภูมิเหวี่ยงเกือบ 60 องศาฟาเรนไฮด์ (ราว 17.2 องศาเซลเซียส) ในช่วงเวลาเพียง 24 ชั่วโมง จากสภาพอากาศผ่อนคลายในวันอังคาร (27ก.พ.) หวนคืนสู่อากาศหนาว กลับกลายเป็นความหนาวเหน็บในวันพุธ (28 ก.พ.) ซึ่งน่าจะทุบสถิติอุณหภูมิเหวี่ยงมากสุดอย่างน้อย 1 เมืองและมีความเป็นไปได้ว่าเมืองอื่นๆ อาจทำลายสถิติตลอดกาลเช่นกัน
สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับอุณหภูมิพลิกผันครั้งหนักหน่วงสุดเป็นประวัติการณ์หนนี้ หลังจากสภาพอากาศฤดูหนาวอันดุร้าย หวนกลับมาซัดถาโถมเล่นงานแถบตอนกลางของอเมริกาอีกระลอกในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
"มันบ้ามากๆ" ไอแดน คูรอสกี นักอุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ ในมิลวอกีกล่าว หลังจากได้ตรวจสอบทบทวนข้อมูลในเมืองมิลวอกี และเมืองแมดิสัน เมืองเอกของรัฐวิสคอนซิน ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปทางตะวันตกราว 128 กิโลเมตร
ในแมดิสัน จากอุณหภูมิระดับ 70 องศาฟาเรนไฮด์ (ราว 21.1 องศาเซลเซียส) ในวันอังคาร (27 ก.พ.) ได้ดำดิ่งสู่ระดับ 11 องศาฟาเรนไฮด์ (ราว -11.66 องศาเซลเซียส) ในตอนเช้าวันพุธ (28 ก.พ.) นั่นเท่ากับว่าอุหภูมิแกว่งตัวที่ 59 องศาฟาเรนไฮด์ ภายใน 24 ชั่วโมง เท่ากับสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1911
ส่วนที่มิลวอกี ในวันอังคาร (27 ก.พ.) วัดอุณหภูมิได้ 74 องศาฟาเรนไฮด์ (23.33 องศาเซลเซียส) ก่อนที่อุณหภูมิจะลดฮวบเหลือ 16 องศาฟาเรนไฮด์ (ราว -8.8 องศาเซลเซียส) ในตอนเช้าวันพุธ (28 ก.พ.) เท่ากับมีการเปลี่ยนแปลงในสภาพอากาศถึง 58 องศาฟาเรนไฮด์ ท่ามกลางรายงานว่ามีหิมะตกลงมาในบางพื้นที่ของเมืองด้วยในคืนวันดังกล่าว
พวกนักอุตุนิยมวิทยาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิในช่วง 24 ชั่วโมงดังกล่าว อาจทำลายหรือเฉียดใกล้กับสถิติอากาศพลิกผันมากสุดเป็นประวัติการณ์ในมิลวอกี ในปี 1911 และ 1934 อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อมูลอุณหภูมิรายชั่วโมงในอดีตสำหรับเมืองมิลวอกีนั้นไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะสรุปว่ามันทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลหรือไม่
(ที่มา : ฟ็อกซ์นิวส์)