อีลอน มัสก์ ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ OpenAI ผู้พัฒนาแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แซม อัลต์แมน โดยอ้างว่าบริษัทสตาร์ทอัปแห่งนี้ละทิ้งพันธกิจยุคแรกเริ่มที่บอกว่าจะพัฒนาเอไอเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ "โดยไม่แสวงหาผลกำไร"
เอกสารคำฟ้องซึ่งถูกยื่นต่อศาล California Superior Court ในนครซานฟรานซิสโกเมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ มัสก์ ออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อต้านบริษัทที่เขาเคยมีส่วนร่วมก่อตั้ง โดยปัจจุบัน OpenAI ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์จากไมโครซอฟท์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกในด้าน generative AI ขณะที่ มัสก์ เองแยกวงออกไปตั้งบริษัทสตาร์ทอัป xAI ของตัวเองเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว
มัสก์ กล่าวหา OpenAI ว่ามีความผิดฐานละเมิดสัญญา โดยอ้างว่าตอนที่ อัลต์แมน และเกร็ก บร็อกแมน (Greg Brockman) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเข้าไปคุยกับตนในช่วงแรกๆ นั้น พวกเขารับปากว่าจะทำให้ OpenAI เป็นบริษัทโอเพนซอร์สที่ไม่แสวงหาผลกำไร แต่ท้ายที่สุด OpenAI ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2015 ก็กลับกลายมาเป็นธุรกิจที่มุ่งทำเงินเป็นหลักในปัจจุบัน
มัสก์ ยังอ้างว่า 3 ผู้ก่อตั้ง OpenAI เคยตกลงจะร่วมกันพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (artificial general intelligence - AGI) ซึ่งหมายถึงแนวคิดในการสร้างจักรกลที่สามารถทำงานต่างๆ ได้เหมือนกับมนุษย์ ทว่าจะต้องเป็นไปในลักษณะที่ “สร้างประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ” นอกจากนี้ OpenAI ยังจะมีแนวทางดำเนินงานที่ตรงข้ามกันกับ Google ของอัลฟาเบท อิงค์ ซึ่ง มัสก์ เชื่อว่ามุ่งพัฒนา AGI เพื่อแสวงหากำไร และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงใหญ่หลวง
คำฟ้องของ มัสก์ ระบุว่า สุดท้ายแล้ว OpenAI “ได้เผาข้อตกลงเริ่มต้นทิ้ง” ในปี 2023 ด้วยการเปิดตัวโมเดลภาษาที่ทรงพลังที่สุดอย่าง GPT-4 ซึ่งหากจะว่ากันจริงๆ ก็ควรจะเรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งของ “ไมโครซอฟท์” มากกว่า
มัสก์ ขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้ OpenAI เปิดเผยผลการวิจัยและเทคโนโลยีให้สาธารณชนเข้าถึงได้ และห้ามไม่ให้บริษัทแห่งนี้นำทรัพย์สินต่างๆ รวมถึง GPT-4 ไปใช้สร้างผลกำไรให้ไมโครซอฟท์ หรือบุคคลใดๆ
เว็บไซต์ข่าว Axios รายงานวานนี้ (1 มี.ค.) ว่า ผู้บริหารระดับสูงของ OpenAI หลายคนออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างหลายอย่างของ มัสก์ พร้อมอ้างบันทึกข้อความของ แซม อัลต์แมน ที่เขียนว่า “มันจะไม่ง่ายแน่นอน การโจมตีลักษณะนี้จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ”
มัสก์ ยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้ GPT-4 รวมถึงผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกว่าอย่าง Q* ถูกจัดเป็น AGI และไม่ครอบคลุมอยู่ในใบอนุญาตที่ OpenAI ออกให้ทางไมโครซอฟท์
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า มัสก์ ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของเทสลา (Tesla) สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เคยพยายามยึดอำนาจใน OpenAI มาจาก อัลต์แมน และผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ เมื่อปลายปี 2017 โดยหวังที่จะเปลี่ยนบริษัทแห่งนี้ให้กลายเป็นหุ้นส่วนเชิงพาณิชย์ของเทสลา และใช้ประโยชน์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของค่ายรถไฟฟ้าแห่งนี้ แต่ปรากฏว่า อัลต์แมน และผู้บริหารคนอื่นๆ ไม่ยินยอม ทำให้ มัสก์ ประกาศถอนตัวจาก OpenAI โดยให้เหตุผลว่าจะไปทุ่มเทให้โครงการด้านเอไอของเทสลาแทน
ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายบางคนระบุว่า การที่ มัสก์ ใช้อีเมลฉบับเดียวระหว่างตนเองกับ อัลต์แมน มาเป็นเหตุกล่าวหา OpenAI และ อัลต์แมน ว่าละเมิดสัญญา อาจเป็นหลักฐานที่อ่อนเกินไปในชั้นศาล
ไบรอัน ควินน์ อาจารย์กฎหมายจาก Boston College Law School ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า แม้การพูดคุยผ่านอีเมลหลายๆ ฉบับอาจจะถือว่าเป็นการทำสัญญาได้ ทว่าเอกสารคำฟ้องของ มัสก์ อ้างอีเมลแค่ฉบับเดียวที่ดูเหมือนจะเป็นเพียง “ข้อเสนอ” (proposal) และ “การหารือฝ่ายเดียว” (one-sided discussion) มากกว่า
มัสก์ ได้จ้างทีมวิศวกรจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ มาช่วยสร้าง xAI ซึ่งเขาหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับ Google และไมโครซอฟท์ได้ โดยบริษัทสตาร์ทอัปแห่งนี้ได้เริ่มเปิดตัวแชตบอตเอไอ Grok ให้ผู้ที่บอกรับบริการ Premium+ ใน X ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
ที่มา : รอยเตอร์