รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่สเตลธ์ F-35 เพิ่มอีก 8 ลำ เพื่อนำมาทดแทนฝูงบิน F-16 ที่เตรียมปลดประจำการ ซึ่งจะช่วยให้กองทัพอากาศสิงคโปร์มีศักยภาพเทียบชั้น ‘premier league’ และยังเป็นการตอบสนองต่อบรรยากาศตึงเครียดและภัยคุกคามในภูมิภาคที่ทวีความรุนแรงขึ้น
อึ้ง เอ็ง เฮน (Ng Eng Hen) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า กองทัพอากาศสิงคโปร์ (RSAF) มีแผนจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A ซึ่งเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและพิสัยทำการไกลขึ้นจากบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ป เพื่อนำมาเสริมทัพฝูงบิน F-35B จำนวน 12 ลำ ที่สิงคโปร์ได้สั่งซื้อไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับ F-35B ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถขึ้นลงในแนวดิ่ง และเหมาะสำหรับประจำการบนเรือรบหรือในสถานที่ซึ่งปราศจากทางวิ่งแบบปกติ จะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพอากาศสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
“F-35A ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูง มีศักยภาพในการบรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเป็นตัวเสริมให้ฝูงบิน F-35B ที่ใช้ทางวิ่งสั้น และขึ้นลงในแนวดิ่งได้” อึ้ง กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภา
มัลคอล์ม เดวิส นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Australian Strategic Policy Institute ระบุว่า การที่สิงคโปร์เตรียมจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35 มาใช้ทดแทนฝูงบิน F-16 หลายสิบลำตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 2030 เป็นต้นไป สะท้อนให้เห็นว่า RSAF ตระหนักถึงภัยคุกคามจากกองทัพอากาศ “จีน” ที่เริ่มนำฝูงบินขับไล่รุ่นก้าวหน้าอย่าง J-20B มาใช้งาน
“มันจะทำให้สิงคโปร์มีเขี้ยวเล็บเหนือชั้นยิ่งกว่ากองทัพอากาศของประเทศใดๆ ในอาเซียน” เดวิส กล่าว
เนื่องจากออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ต่างก็มีฝูงบิน F-35 ใช้งานอยู่ในภูมิภาค จึงมีความเป็นไปได้ที่สิงคโปร์จะเข้าร่วมแผนซ่อมบำรุงและการสนับสนุนต่างๆ กับบรรดาชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ด้วย
อึ้ง ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าการสั่งซื้อฝูงบินเพิ่มครั้งนี้ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ อีกทั้งเครื่องบินขับไล่ F-35 ก็อาจมีสนนราคาที่แตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศผู้สั่งซื้อ
ปีที่แล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงสั่งผลิต F-35 จำนวน 126 ลำกับทางล็อกฮีดมาร์ติน รวมมูลค่าราว 7,800 ล้านดอลลาร์
ที่มา : รอยเตอร์