xs
xsm
sm
md
lg

ยังคุยรู้เรื่องไหม! ไบเดนเบลออีก เรียก 'สี จิ้นผิง' เป็นประธานาธิบดีรัสเซีย (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกอาการเบลออีกรอบ เป็นอีกครั้งที่สับสนประเทศและชื่อพวกผู้นำโลก พูดพาดพิงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนว่าเป็น "ผู้นำรัสเซีย" ยิ่งกว่านั้นยังจำชื่อของบารัค โอบามา อดีตบอสของเขาในสมัยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีไม่ได้เสียอีก

ประธานาธิบดีที่มีอายุมากสุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ปล่อยไก่รอบล่าสุดระหว่างเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับเหล่าผู้ว่าการรัฐสหรัฐฯ ในทำเนียบขาวเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ (24 ก.พ.) โดยอ้างถึงคำบัญชาต่างๆ ที่เขาได้รับจากโอบามา ประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น "ตอนที่ผมเป็นรองประธานาธิบดี ท่านประธานาธิบดี อ่าาาาา (จำชื่อไม่ได้) ประธานาธิบดีของผมบอกกับผมว่า เขาต้องการให้ผมทำความรู้จักกับสี จิ้นผิง เพราะชัดเจนว่าเขาจะก้าวมาเป็นผู้นำรัสเซีย อ่าาา ของจีน และเรากำลังมีปัญหากับรัสเซีย ในช่วงเวลานั้น และประเทศอื่นๆ เช่นกัน"

จากนั้น ไบเดน ก็กล่าวอ้างเป็นเท็จแบบเดียวกับที่เคยทำมาแล้วหลายสิบรอบ ด้วยอ้างว่าเขาได้เดินทางร่วมกับสี ทั้งในสหรัฐฯ และจีน เป็นระยะทางกว่า 17,000 ไมล์ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ พบว่าไบเดนกับสี เคยเดินทางร่วมกันเพียงหนเดียว ครั้งที่พวกเขาไปเยี่ยมเยือนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งรอบนอกกรุงปักกิ่ง ในเดือนสิงหาคม 2021


ปัญหาด้านความทรงจำรอบล่าสุดของผู้นำวัย 81 ปีรายนี้ เกิดขึ้นราว 2 สัปดาห์ หลังอัยการพิเศษรายหนึ่งของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รายงานระบุว่า แม้พบหลักฐานการทำผิดทางอาญาโดยประธานาธิบดี แต่คณะลูกขุนลังเลที่จะตัดสินว่าเขามีความผิดเกี่ยวกับการจัดการเอกสารลับ อันเนื่องจากความทรงจำวัยชราของไบเดน

รายงานผลสอบสวนคดีจัดการเอกสารลับผิดพลาดหลังพ้นตำแหน่งรองประธานาธิบดีในปี 2017 ที่เผยแพร่โดยโรเบิร์ต เฮอร์ อดีตอัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ผู้ดูแลคดี ระบุว่า ไบเดน จงใจเก็บรักษาและเปิดเผยเอกสารลับหลายฉบับ แต่จะไม่มีการตั้งข้อหาหรือดำเนินคดีใดๆ เนื่องจากไบเดนนั้นให้ความร่วมมือและชี้ว่าความทรงจำของผู้นำสหรัฐฯ นั้น "ค่อนข้างจำกัดอย่างมีนัยสำคัญ" และไม่สามารถจดจำหลายเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตได้

ไบเดน ถึงขั้นแถลงข่าวตอบโต้ด้วยความไม่พอใจต่อข้อสันนิษฐานที่ว่าความทรงจำของเขากำลังเสื่อมลง อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าวที่จัดขึ้นอย่างเร่งรีบ เขากลับทำให้สถานการณ์ของตนเองเลวร้ายลงไปอีก ด้วยการเรียกประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาฟ์ อัล-ซิซี แห่งอียิปต์ เป็นผู้นำเม็กซิโก

ก่อนหน้านั้นในสัปดาห์เดียวกัน เขามีปัญหาในการจำชื่อผู้นำฮามาส และอ้างว่าได้พูดคุยกับผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีในปี 2021 แต่ชื่อที่เขาพูดถึงนั้นเป็นผู้นำที่เสียชีวิตไปแล้วหลายปีก่อนหน้านั้น

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น