สหรัฐฯ ในวันอังคาร (27 ก.พ.) เรียกร้องให้มุ่งเน้นใช้แนวทางด้านการทูตคลี่คลายความตึงเครียดเกี่ยวกับเลบานอน หลังจากอิสราเอลส่งเสียงเตือนจะไล่ล่าฮิซบอลเลาะห์ แม้หากว่าพวกเขาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาก็ตาม
แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "เราไม่ต้องการเห็นทั้ง 2 ฝ่ายขยายความขัดแย้งในทางเหนือให้ลุกลามบานปลาย" เขากล่าว "รัฐบาลอิสราเอลพูดอย่างเปิดเผยและพวกเขารับประกันกับเราอย่างลับๆ ว่าพวกเขาต้องการบรรลุเป้าหมายในหนทางด้านการทูต นั่นคือสิ่งที่เรากำลังเดินหน้าตามหา และท้ายที่สุดแล้วมันจะทำให้ปฏิบัติการทางทหารไม่มีความจำเป็น"
มิลเลอร์ ระบุต่อว่าอิสราเอลกำลังเผชิญ "ภัยคุกคามด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง" โดยผู้คนหลายหมื่นคนที่อยู่ตามแนวชายแดนใกล้กับเลบานอน ต้องหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัย พร้อมเรียกมันเป็น "ประเด็นความชอบธรรมที่จำเป็นต้องได้รับการจัดการ"
อิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวชีอะห์เลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้เปิดศึกยิงตอบโต้กันไปมานับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ครั้งที่พวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาส พันธมิตรของฮิซบอลเลาะห์ เปิดฉากโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว สังหารผู้คนในดินแดนอิสราเอลไปราว 1,200 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 250 คน
ในการแก้แค้น อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารทิ้งบอมบ์ถล่มและรุกรานฉนวนกาซาที่ปกครองโดยฮามาส ซึ่งในวันอังคาร (27 ก.พ.) กระทรวงสาธารณสุขในกาซา เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจนถึงตอนนี้แล้วอย่างน้อย 29,878 ราย และบาดเจ็บ 70,215 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบ ในขณะที่ในสัปดาห์นี้อิสราเอลยกระดับโจมตีเป้าหมายต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์ ที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนของเลบานอน
โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศกร้าวในวันอาทิตย์ (25 ก.พ.) ว่าจะไม่รามือจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเล่นงานฮิซบอลเลาะห์ แม้ว่าความพยายามทางการทูตประสบความสำเร็จบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา และปล่อยตัวประกันที่ถูกจับไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
ฝรั่งเศส ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าผลักดันแผนการหนึ่ง ซึ่งฮิซบอลเลาะห์และนักรบพันธมิตรจะต้องถอนกำลังออกจากชายแดนไปราว 12 กิโลเมตร แลกกับการที่อิสราเอลจะหยุดโจมตี
(ที่มา : เอเอฟพี)