xs
xsm
sm
md
lg

PLANET#3: สุดหฤโหด-แซ่บสะใจ ดรามารัฐสภามะกันไล่ต้อนซัคเคอร์เบิร์ก-สี่บิ๊กซีอีโอ ปล่อยวายร้ายบูลลี่-ค้ายา-ทำร้ายเด็ก แต่น้องๆ จะเล่นโซเชียลฯปลอดภัยขึ้น? ยังต้องลุ้น!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก เป็นคนมี “ของ” ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ พลังจิตแข็งแกร่ง-คุณภาพดี ที่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยพัฒนาให้ความคิดจิตใจทำงานได้เปี่ยมประสิทธิภาพ ทั้งนี้การตอบรับหนังสือเชิญไปให้ปากคำแก่คณะกรรมาธิการยุติธรรมแห่งวุฒิสภา (โดยไม่งอแงให้คณะกรรมาธิการต้องส่งหมายศาลบีบคอให้เข้าร่วม เฉกเช่น ซีอีโอค่ายเอ็กซ์และสแนป) เป็นเวทีสำคัญที่ได้ “ลองวิชา” ผลปรากฏออกมาเป็นการสอบตกครึ่งหนึ่ง ซึ่งได้แก่ สติและสัมปชัญญะ หลุดกระเจิงบ่อยเหลือเกิน กระนั้นก็ตาม อาจจะควรแถม คะแนนเห็นใจ ให้แก่ ซัคเคอร์เบิร์ก บ้าง เพราะคำถามที่ต้องเผชิญนั้น เป็นความจริงด้านลบที่ต้องปกปิดและยากที่จะปฏิเสธ แต่ในส่วนของการสอบผ่านนั้น ซัคเคอร์เบิร์กก็มีความจิตแข็ง ที่สามารถรวบรวมสติกลับขึ้นมาได้ ขณะเดียวกัน ชายเจ้าของแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ทำผลทดสอบได้ค่อนข้างดี ในด้านการระงับความโกรธ ตลอดจนการระงับความกลัวและความเอ๋อต่างๆ ลองอ่านดู แล้วจะรู้ว่า ซัคเคอร์เบิร์ก มีของขนาดไหน
มหกรรม ไล่ต้อนปิ้งย่าง มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอแห่ง เมตา เจ้าของแอปเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรม และอีก 4 บิ๊กบอสแห่งโซเชียลมีเดียค่ายใหญ่ยักษ์ เป็นมหกรรมที่แซ่บหฤโหดเพราะดำเนินการโดยเหล่าสมาชิกวุฒิสภาอเมริกันระดับยอดฝีมือ โดยได้ทำให้มหาเศรษฐีพันล้าน ซัคเคอร์เบิร์ก ทั้งเครียด ทั้งช็อก-แถไม่ออก-ไปไม่เป็น อีกทั้งยังกริ้วขั้นสุด (แต่คอยระงับอาการไว้ตลอด) เนื่องจากอับจนต่อข้อเท็จจริงว่าผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มทั้งหลายที่ให้บริการอยู่นั้น ดกดื่นด้วยอันตรายที่เข้าถึงเด็กเล็กและทีนเอจได้ง่ายๆ ตลอดจนทำร้ายเด็กจนถึงขั้นเสียสุขภาพ เสียผู้เสียคน ตลอดจนเสียชีวิตกันมากมาย

ปัญหาหนักหนาจากแอปโซเชียลมีเดีย ถูกสังคมก่น.. มานานปี แต่บรรดาซีอีโอทำเมินทำมึน กระทั่งมีการแฉไส้บริษัทเฟซบุ๊กครั้งมโหฬารเมื่อกลางปี 2021 ว่าแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กรู้เห็นเป็นใจและเอื้ออวย ด้วยอัลกอริทึมที่คอยเชื่อมโยงคอนเทนต์อนาจารเด็กทีนเอจ ไปยังพรานล่าเหยื่อและพวกหัวงูที่มีกำลังซื้อ ซึ่งวอลล์สตรีทเจอร์นัล นำข้อมูลวงในลึกสุดล้ำจากวีรสตรี-อดีตผู้บริหารระดับกลางของเฟซบุ๊ก มานำเสนอเป็นซีรีส์

เมื่อกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าขนาดนั้น บรรดาสมาชิกวุฒิสภาไม่ยอมทน จับมือกันทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน จัดทำร่างกฎหมายขึ้นหลายฉบับเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของเด็กเมื่อเข้าใช้งานออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่างกฎหมาย Kids Online Safety Act (KOSA) และนำเสนอโดย ส.ว.ริชาร์ด บลูเมนทัล แห่งพรรคเดโมแครตรัฐคอนเนทิคัต และ ส.ว.มาร์ชา แบล็กเบิร์น แห่งพรรครีพับลิกันรัฐเทนเนสซี ตั้งแต่ปี 2021/22

คุณแม่ของน้องแมทธิว ไมเนอร์ ร่ำไห้ปวดร้าวใจ ขณะที่คุณพ่อจูบปลอบขวัญ ทั้งสองรับฟังการไต่สวน 5 ซีอีโอแห่งบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียซึ่งมีระบบที่นำภัยอันตรายไปถึงเด็กและเยาวชนได้อย่างมหาศาล โดยในส่วนของครอบครัวไมเนอร์นั้น ติ๊กต๊อก เป็นแอปที่นำวิดีโอสาธิต เกมชาเลนจ์ท้ารัดคอให้หมดสติ (Blackout Challenge) ไปเสนอให้แก่น้องแมทธิว เกมนี้ทำให้น้องเสียชีวิตในวัยเพียง 12 ปี ทั้งนี้ วอชิงตันโพสต์รายงานว่าอัลกอริทึมของติ๊กต๊อกจะส่งวิดีโอสาธิตไปให้เด็กๆ ดูวิธีรัดคอให้หมดสติเพราะภาวะขาดออกซิเจนในสมอง พร้อมกับท้าทายให้เล่นว่าจะทำสถิติหมดสติได้นานกว่าคนอื่นหรือไม่ พร้อมนี้ วอชิงตันโพสต์ระบุว่าเกม Blackout Challenge นำไปสู่การตายของเด็กๆ ไม่น้อยกว่า 20 รายแล้วนับจากที่เผยแพร่กันเป็นไวรัลบนติ๊กต๊อกในปี 2021
พร้อมกันนี้ เหล่า ส.ว. มุ่งมั่นจะคว่ำกฎหมายปัจจุบันอายุ 28 ปี มาตรา 230 ที่คุ้มครองบริษัทเจ้าของแอปว่า ไม่ต้องรับผิดกับคอนเทนต์ที่ยูสเซอร์นำไปโพสต์ เช่น โพสต์ข้อความด่าทอประณามหยามเหยียดเล่นงานยูสเซอร์รายอื่นๆ หรือโพสต์ภาพอนาจารเด็กวัยรุ่นซึ่งมักจะเป็นสิ่งที่ได้มาจากการหลอกล่อ/หักหลัง/ข่มขู่ ฯลฯ โดยมาตรา 230 นี้กลายเป็นโล่กำบังให้บริษัทเจ้าของแอปทำเนียน แอบสร้างระบบที่เชื่อมโยงผู้โพสต์คอนเทนต์ทำร้ายเด็ก ให้ไปเจอะเจอกับผู้ซื้อได้อย่างสะดวกรวดเร็วง่ายดาย

ปัญหาภัยอันตรายจากโซเชียลมีเดียกลับมาฮ็อตระเบิดระเบ้ออีกหน ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว (2023) ส่งอานิสงส์ให้ความพยายามผลักดันร่างกฎหมายนี้ได้เดินเครื่องครั้งใหญ่ เมื่ออาร์ตูโร เบจาร์ อดีตผู้บริหารระดับอาวุโสใน อินสตาแกรม ตระหนักชัดขึ้นมาว่า ซีอีโอซัคเคอร์เบิร์ก ของเขา ไม่ได้สนใจจะป้องกันภัยอันตรายให้แก่เด็กๆ ที่เข้าใช้แอป เขาจึงเข้าให้ปากคำแก่คณะอนุกรรมการด้านความเป็นส่วนตัว เทคโนโลยี และกฎหมาย ที่วุฒิสภาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2023 เอพีรายงานพร้อมกับระบุด้วยว่า

เอกสารระดับวงในสุดๆ ดังกล่าวแสดงชัดว่า ซีอีโอซัคเคอร์เบิร์ก ของเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ทราบดีถึงปัญหาที่อินสตาแกรมนำพาอันตรายไปยังยูสเซอร์วัยทีน แต่กลับละเลยที่จะดำเนินการป้องกันหรือบรรเทาลงมา

ความฉาวโฉ่ลุกลามสู่การที่คณะกรรมาธิการยุติธรรมแห่งวุฒิสภา ลงมือไต่สวนครั้งประวัติศาสตร์ โดยเรียกตัวจำเลยสังคม 5 ค่ายยักษ์ มาให้ปากคำต่อปัญหาความไม่ปลอดภัยที่เด็กๆ เผชิญขณะเข้าใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เมื่อวันพุธที่ 31 มกราคม 2024 ได้แก่ ค่ายเมตา ค่ายเอ็กซ์ ค่ายติ๊กต๊อก ค่ายสแนป และค่ายดิสคอร์ด


ในโอกาสดีๆ อย่างเน้ ส.ว.ผู้เป็นนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่างลินด์ซีย์ แกรห์ม พรรครีพับลิกันรัฐเซาท์แคโรไลนา ถึงกับประณามกันตรงๆ ว่า “เลือดแปดเปื้อนบนมือพวกคุณ เพราะพวกคุณไม่ได้ดำเนินการป้องกันเด็กๆ ให้รอดพ้นภัยคุกคามจากพวกจอมล่าเหยื่อบำเรอกามในเวลาที่เด็กๆ เข้าไปใช้แพลตฟอร์มของพวกคุณ” เอบีซีนิวส์รายงานอย่างละเอียด

ความทุ่มเทของสภาคองเกรสอเมริกาที่เรียกบรรดาจอมยักษ์โซเชียลมีเดียผู้เป็น “จำเลยสังคม” ทั้ง 5 ค่าย มาไต่สวนแบบถลกหนัง ไม่มีการเห็นแก่หน้าค่าชื่อ น่าจะนำพาอเมริกาไปถึงการผ่านกฎหมายสำเร็จได้เร็วไว ภายในปี 2024 อันเป็นศักราชแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นวาระแห่งการสร้างผลงานให้เป็นที่ประทับใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แม้จะต้องฝ่าแรงต่อต้านจากกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ที่อ้างเสรีภาพแห่งการแสดงออก

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ การอัปเปหิกฎหมายมาตรา 230 อันเป็นอุปสรรคตัวเอ้ที่กางกั้นผู้ปกครองของเหยื่อแอปโซเชียลมีเดีย ไม่ให้ประสบความสำเร็จในการฟ้องร้องบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์ม ผู้ซึ่งถูกคณะกรรมาธิการการยุติธรรมแห่งวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ตราหน้าว่าเห็นแก่เงินกำไร มากกว่าความปลอดภัยของเด็กวัยทีน

จำเลยสังคม 5 สำนัก: (จากขวามาซ้าย) มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอแห่งเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์; ลินดา ยัคคาริโน ซีอีโอแห่งเอ็กซ์(ทวิตเตอร์);  โชว ซื่อ ชิว ซีอีโอแห่งติ๊กต๊อก; เอแวน สปีเกล ซีอีโอแห่งสแนป; และ “เจสัน ซิตรอน” ซีอีโอแห่งดิสคอร์ด ซึ่งเข้าให้ปากคำแก่คณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่าด้วยความปลอดภัยของเด็กๆ ขณะใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ณ ห้อง Senate Press Gallery รัฐสภาอเมริกัน แคปิตอลฮิลล์ เมื่อวันพุธที่ 31 มกราคม 2024
“คุณมีผลิตภัณฑ์ที่สังหารผู้คน” ส.ว.อเมริกันประณาม มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ท่ามกลางเสียงตบมือและร้องเชียร์จากครอบครัวเหยื่ออายุน้อยของ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และแอปทั้งหลาย

นักเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมสิทธิเด็ก ตลอดจนสมาชิกรัฐสภา ฟันธงแล้วว่าบริษัทที่บริหารแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทั้งเมต้า ติ๊กต๊อก เอ็กซ์ (ชื่อใหม่ของทวิตเตอร์) สแนป และดิสคอร์ด ไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อให้แน่นอนว่าแพลตฟอร์มของพวกตนจะไม่เป็นอันตรายต่อเด็กๆ ได้แก่

=ภัยจากพวกล่าเหยื่อบำเรอกาม

=ภัยแห่งการบูลลี รังแกกันด้วยถ้อยคำ-ภาพ-เสียง

=ภัยจากโพสต์มอมเมาจนเด็กๆ เสพติดแอปกันงอมแงม

=ภัยคุกคามข่มขู่ทางเพศรวมทั้งนานาการแบล็กเมลที่บีบคั้นกดดันหนักหนา กระทั่งว่าเด็กๆ ตัดสินใจปลิดชีพตนเอง

=ไปจนถึงภัยจากการยั่วยุให้เด็กๆ อยากจะผอมเพรียวจนกลายเป็นโรคเบื่ออาหารรุนแรง ผ่านการแพร่ความเชื่อในมาตรฐานความสวยที่ไม่มีอยู่จริง

“คุณซัคเคอร์เบิร์ก คุณและผู้บริหารบริษัททั้งหลายที่นี่ ผมทราบว่าคุณไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้ แต่มือคุณแปดเปื้อนด้วยเลือดแล้ว คุณมีผลิตภัณฑ์ที่สังหารผู้คน” ส.ว.ลินด์ซีย์ แกรห์ม พรรครีพับลิกันรัฐเซาท์แคโรไลนา ประณามอย่างไม่อ้อมค้อมใส่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอแห่งเมตา ท่ามกลางเสียงตบมือสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ ทีนเอจที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรโลกไซเบอร์หลังจากไปเล่น “เฟซบุ๊ก” เอบีซีนิวส์รายงาน

ทั้งนี้ ในบรรดาขาใหญ่ของแพลตฟอร์มทรงอิทธิพลแห่งโซเชียลมีเดีย ที่ถูกเรียกมาให้ปากคำที่สภาคองเกรส เมื่อ 31 มกราคม 2024 นอกจาก ซัคเคอร์เบิร์ก แห่งเมตาแล้ว ยังมีคนโด่งคนดังอื่นๆ อีก 4 ราย ได้ “ลินดา ยัคคาริโน” ซีอีโอสาวสวยแห่งเอ็กซ์ “โชว ซื่อ ชิว” ซีอีโอหน้าหยกแห่งติ๊กต๊อก ตลอดจน “เอแวน สปีเกล” ซีอีโอรูปหล่อแห่งสแนป และ “เจสัน ซิตรอน” ยอดเซียนเกมและคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ ผู้เป็นซีอีโอแห่งดิสคอร์ด

ขณะนี้ การข่มขู่ทางเพศบนอาณาจักรไซเบอร์ มีอัตราขยายตัวพุ่งทะยานเสียดฟ้า โดยที่อาชญากรนักล่าใช้วิธีหลอกล่อเหยื่อกลุ่มเด็กให้ส่งภาพและวิดีโอไปแชร์กันในฐานะเพื่อนบ้าง ไปประกวดบ้าง หรือไปแลกสิ่งของบ้าง ซึ่งเด็กๆ ไม่รู้ทันเภทภัยก็ทำตามคำล่อลวง ส.ว.ดิ๊ก เดอร์บิน แห่งพรรคเดโมแครต ผู้เป็นประธานกรรมาธิการการยุติธรรมแห่งวุฒิสภาอเมริกัน ประกาศใส่หูใส่ใจของเหล่าซีอีโอ โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์เด็กหายและถูกล่อลวง-ถูกค้ากำไรทางเพศ

“บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหลาย เป็นต้นเหตุให้เกิดอันตรายต่างๆ ที่เด็กๆ ของเราต้องเผชิญทางออนไลน์” ส.ว.เดอร์บิน กล่าวอย่างนั้น พร้อมกับระบุว่า

บริษัทพวกนี้เป็นผู้ออกแบบช่องทางที่อาชญากรเข้าไปใช้ แล้วบริษัทพวกนี้ก็ไม่ลงทุนให้แก่การสร้างระบบป้องกัน ซึ่งจะต้องมี เพื่อให้แพลตฟอร์มที่เด็กๆ เข้าไปเล่นนั้น ปลอดภัยไว้วางใจได้ บริษัทพวกนี้เอาแต่ไล่ล่าเงินกำไรมากกว่าจะดูแลความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งทำให้ลูกๆ ของเรา หลานๆ ของเรา ตกอยู่ในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเสี่ยงอย่างร้ายกาจ เอบีซีรายงาน

“อัตราขยายตัวของการล่อลวงและค้ากำไรจากเด็กในทางบำเรอกาม ซึ่งน่ารังเกียจเหลือเกิน ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยประการเดียว คือ ความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี” ประธานกรรมาธิการยุติธรรมแห่งวุฒิสภา ประจานไว้โดยไม่อ้อมค้อม

ผู้เข้าร่วมรับฟังการไต่สวนที่ห้อง Senate Press Gallery ในอาคารรัฐสภาอเมริกัน เป็นผู้ปกครองของเด็กๆ ที่ได้รับความเสียหายและทุกข์ตรมจากอาชญากรบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทั้งพวกนักล่าเหยื่อเด็กบำเรอกาม พวกลามกหัวงูจอมกินเด็ก เหล่าอาชญากรล่อลวงขู่กรรโชกเด็ก ในภาพนี้ เป็นโมเมนต์ที่ทุกคนชูรูปของลูกๆ หลานๆ ที่บาดเจ็บเดือดร้อนหรือกระทั่งเสียชีวิตเพราะเล่นโซเชียลมีเดียโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า พวกคนชั่วทั้งปวงใช้อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเข้าถึงเด็กๆ เข้าไปล่อลวงได้อย่างง่ายดาย โดยที่เจ้าของแพลตฟอร์มก็ไม่ทำการปรับแก้อย่างแท้จริงในอันที่จะปกป้องเด็ก

คุณแม่คริสทีน แมคโคมาส (เสื้อสีดำ) ชูภาพของน้องเกรซ แมคโคมาส ซึ่งฆ่าตัวตายในปี 2012 หลังถูกพวกพ้องของคนร้ายระดมกันด่าทอบูลลีออนไลน์ ซึ่งหนักข้อขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงขั้นขู่ฆ่า คุณแม่คริสทีนเดินทางจากรัฐแมริแลนด์ มาช่วยผู้ปกครองท่านอื่นๆ รณรงค์ให้รัฐสภาผ่านกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยของเด็กเมื่อเข้าใช้งานออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่างกฎหมาย Kids Online Safety Act (KOSA)

ส.ว.ลินด์ซีย์ แกรห์ม พรรครีพับลิกันรัฐเซาท์แคโรไลนา ประณาม มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม โดยตอกย้ำว่า “มือคุณแปดเปื้อนด้วยเลือดแล้ว คุณมีผลิตภัณฑ์ที่สังหารผู้คน”
เรื่องราวน่าสะเทือนใจของเด็กๆ เหยื่ออาชญากรไซเบอร์ ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะมันป้องกันได้

ในช่วงต้นของเซสชันไต่สวน มีการฉายวิดีโอเล่าเรื่องราวของเด็กๆ และผู้ปกครอง ที่ตกเป็นเหยื่อซึ่งแชร์ประสบการณ์การถูกล่วงละเมิดทางเพศบนโซเชียลมีเดีย

“ฉันถูกบังคับทางเพศบนเฟซบุ๊ก ... ฉันถูกแบล็กเมล์ทางเพศบนอิสสตาแกรม ... ฉันถูกรังแกทางเพศบนเอ็กซ์

เหล่านี้เป็นคำบอกเล่าของเหยื่อ บางคนเผยใบหน้าให้เห็นกันชัดๆ บางคนออกมาเล่าในความมืด ส่วนบางคน ใบหน้าถูกเบลอให้มองเห็นไม่ชัดหรือไม่ก็คาดด้วยสีดำ เพื่อเป็นการปกป้องรูปลักษณ์ นิวยอร์กโพสต์รายงาน

กรณีโหดร้ายต่างๆ ถูกถ่ายทอดออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ

“ไรลีย์ ลูกชายดิฉัน ฆ่าตัวตาย น้องถูกแบล็กเมลทางเพศบน ‘เฟซบุ๊ก’ ค่ะ”

คุณแม่ แมรี โรดี เล่าขณะชูภาพลูกชายวัย 15 ปีซึ่งปลิดชีวิตตัวเองเมื่อปี 2021 เพียง 6 ชั่วโมงหลังจากถูกอาชญากรนักล่าเหยื่อโลกไซเบอร์บังคับข่มขู่จะแบล็กเมล

โดย ไรลีย์ เด็กอ่อนต่อโลก ไม่เกเร เข้าโบสถ์กับคุณแม่ทุกสัปดาห์ แม้จะซุกซนบ้างแต่คุณครูรัก เขาต้องตกเป็นเหยื่อของเฟซบุ๊กหลอกลวงจากต่างแดน ซึ่งใช้ภาพวัยรุ่นสาวหน้าตาสวยเป็นรูปโปรไฟล์ มาขอเป็นเฟรนด์ แล้วก็ขอแลกเปลี่ยนภาพแบบไม่สวมเสื้อผ้า

เมื่อ ไรลีย์ หลงกล เจ้าของแอคเคานท์ตัวจริงที่เป็นอาชญากร ก็ข่มขู่และเรียกร้องเงิน มิเช่นนั้นจะแบล็กเมลด้วยการประจาน แต่น้องไม่มีเงิน และรู้สึกจนตรอก

หกชั่วโมงต่อมา ไรลีย์ ติดรถคุณแม่ไปถึงบ้านคุณพ่อ และเมื่ออยู่ตามลำพัง เขาตัดสินใจยิงตัวตาย ยูเอสเอทูเดย์รายงาน


น้องไรลีย์ แบสฟอร์ด (นามสกุลของคุณพ่อ) อายุ 15 ปี ลูกชายคุณแม่แมรี โรดี ถูกล่อลวงให้มอบภาพโป๊เปลือย แล้วก็ถูกแบล็กเมลขู่เข็ญทรัพย์ น้องรู้สึกจนตรอก และเมื่ออยู่ลำพังที่บ้านคุณพ่อ น้องเอาปืนมาปลิดชีพตนเองให้พ้นจากปัญหา
โลกของ น้องเกรซ แมคโคมาส ถล่มทลายเพราะน้องถูกมอมยาและข่มขืนในวัยเพียง 14 ปี แต่เนื่องจากบิดาของชายชั่วคนนั้นเป็นผู้มีอิทธิพลของชุมชน จึงเกิดแคมเปญด่าทอบูลลีออนไลน์ใส่น้องเกรซ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนแพลตฟอร์ม ‘ทวิตเตอร์’ ที่ไปฟ้องร้องดำเนินคดี แคมเปญนี้หนักข้อขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงขั้นขู่ฆ่า และดำเนินไปไม่จบสิ้น เมื่อมาถึงวันอาทิตย์อีสเตอร์ปี 2012 น้องเกรซซึ่งสิ้นหวังและทดท้อ ขอตัดจบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย กลายเป็นสาวทีนเอจ 15 ปีไปตลอดกาล

กระนั้นก็ตาม รัฐแมริแลนด์ยังมากมายด้วยมนุษย์เดินดินดวงใจเทวดา โดยที่ยังไม่เต็มหนึ่งปีหลังการฆ่าตัวตายซึ่งเป็นข่าวสะเทือนขวัญสะเทือนใจกันไปทั่ว รัฐแมริแลนด์ได้ผ่านกฎหมาย “เกรซ ลอว์” ในเดือนเมษายน 2013 ซึ่งกำหนดให้การใช้อินเทอร์เน็ตในการรังควาญด่าทอรังแกผู้เยาว์ เป็นอาชญากรรม นิวยอร์กโพสต์รายงาน

หลังจากที่น้องเกรซ แมกโกมาส ฆ่าตัวตายในเดือนเมษายน 2012 รัฐแมริแลนด์ผ่านกฎหมายให้ที่กำหนดให้การใช้อินเทอร์เน็ตไปรังควาญด่าทอรังแกผู้เยาว์ เป็น “อาชญากรรมที่ทำร้ายผู้เยาว์” ได้สำเร็จในเดือนเดียวกันของปี 2013 หลังจากนั้น คุณแม่คริสทีนเดินหน้ารณรงค์ให้เกิดกฎหมายคุ้มครองเด็กๆ ในระดับประเทศ โดยตัวคุณแม่เองและคุณแม่ท่านอื่นๆ อีกมากมาย รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐสภากำหนดให้บริษัทไฮเทคใหญ่ๆ ต้องใช้อัลกอริทึมและให้ออกแบบโค้ด ที่ช่วยปกป้องเด็กวัยรุ่นปลอดภัยจากเมื่อใช้งานออนไลน์
‘สแนปแชท’ เชื่อมต่อให้ชายแปลกหน้าเข้าถึง โอลิเวีย โพรโดรมิดิส วัย 15 ปีได้อย่างง่ายดาย ไม่นานนัก น้องเสียชีวิตหลังถูกชักจูงโน้มน้าวให้กินยาเม็ดชนิดหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่ามันคือยาเสพติดเฟนทานีลบริสุทธิ์ คุณแม่เดสพินา โพรโดรมิดิส เล่าอย่างนั้น

คุณแม่ได้เตือนภัยแก่สังคมด้วยว่า ทุกวันนี้ สแนปแชทก็ยังคงเชื่อมโยงให้ยาเสพติดและพวกอาชญากรที่เป็นผู้ใหญ่เข้าถึงเด็กๆ ได้อย่างมหาศาล แต่ที่สำคัญ บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มไม่ยอมหยุดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พวกผู้บริหารแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบกพร่องอย่างยิ่งในด้านการปกป้องเด็กๆ คุณแม่เดสพินาพูดไว้กับยูเอสเอทูเดย์

ส่วนคุณพ่อทอดด์ ไมเนอร์ เล่าว่าลูกชายวัย 12 ปี แมทธิว ไมเนอร์ เสียชีวิตขณะเล่นเกมท้ารัดคอบนแพลตฟอร์ม “ติ๊กต๊อก” โดยติ๊กต๊อกให้น้องดูคลิปวิดีโอการเล่นชาเลนจ์นี้ และบอกว่าเด็กๆ เล่นได้ ไม่อันตราย

“ลูกผมลองเล่นเกมชาเลนจ์นี้ มันฆ่าเขา แต่แล้วติ๊กต๊อกและแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ยังปล่อยให้คลิปวิดีโอฆาตรกรได้ระบาดเป็นไวรัลต่อไปอีก เป็นเวลามากกว่า 10 ปี” นิวยอร์กโพสต์รายงาน

คุณแม่อีกรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยนาม เล่าถึงลูกชายวัย 13 ปี ซึ่งเล่นแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)” แล้วเจอกับอาชญากรที่เข้าถึงน้องได้ ลงท้าย คือ น้องถูกแบล็กเมล

หนุ่มน้อยวัยทีนติดต่อ เอ็กซ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถูกปฏิเสธด้วยคำตอบเดิมซ้ำๆ น้องเครียดหนัก ทดท้อสิ้นหวัง และล็อกตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน

“คำตอบที่ได้รับจาก เอ็กซ์ ก็คือ ‘ขอขอบคุณที่ติดต่อมา เราได้ทบทวนคอนเทนต์แล้ว และเราไม่พบว่ามีการละเมิดนโยบายของเรา ดังนั้นจึงจะไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้นในครั้งนี้’

“มีเด็กๆ มากมายกว่านี้อีกเท่าไหร่ที่เหมือนๆ กับ แมทธิว... เหมือนๆ กับโอลิเวีย... เหมือนๆ กับไรลีย์ ... ต้องมีเด็กๆ มากมายกว่านี้อีกเท่าไหร่ที่จะต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานและตายเพราะโซเชียลมีเดีย?” วิดีโอนำถ้อยคำของคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองจำนวนมากมาสรุปเช่นนี้

น้องแมทธิว ไมเนอร์ วัย 12 ปี เสียชีวิตเพราะเล่นเกมท้ารัดคอให้หมดสติ ที่เผยแพร่กันเป็นไวรัลบนแพลตฟอร์ม ติ๊กต๊อก ซึ่งวอชิงตันโพสต์รายงานว่าอัลกอริทึมของติ๊กต๊อกจะส่งวิดีโอสาธิตไปให้เด็กๆ ดูวิธีรัดคอให้หมดสติเพราะภาวะขาดออกซิเจนในสมอง พร้อมกับท้าให้เล่นว่าจะทำสถิติหมดสติได้นานกว่าคนอื่นหรือไม่

(ภาพบน) น้องโอลิเวีย โพรโดรมิดิส วัย 15 ปี ลูกสาวคุณแม่เดสพินาถูก สแนปแชท เชื่อมให้เจอกับคนแปลกหน้า ซึ่งมาล่อลวงให้น้องกินยาเม็ดหนึ่ง มันเป็นยาเสพติดเฟนทานีลบริสุทธิ์ (ภาพล่าง) คุณแม่เนวีน แร้ดแวน  เปิดเผยว่า ติ๊กต๊อก และ เฟซบุ๊ก สามารถดูดเอาน้องแมเรียม ฟอว์วี (นามสกุลคุณพ่อ) เด็กหญิงวัย 15 ปี หลุดเข้าไปในหลุมดำซึ่งเต็มไปด้วยคอนเทนต์อันตรายเกี่ยวกับการบริโภคอาหารอย่างผิดปกติ อีกทั้งการล่อใจให้น้องเข้าร่วมชาเลนจ์พิสูจน์ความผอมแบบสุดโต่ง ผลที่ตามมาคือ ภายในไม่กี่เดือน การทำงานของหัวใจน้องเริ่มมีปัญหา อาการลุกลามเป็นภาวะหัวใจหยุดทำงาน คุณครูที่โรงเรียนขอเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินนำน้องส่งโรงพยาบาล ช่วยชีวิตได้ทัน กระนั้นก็ตาม แม้น้องแมเรียมรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็จะต้องเป็นผู้ป่วยนั่งรถเข็น อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับการกำเริบของโรคหัวใจหยุดทำงาน ที่จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ไปตลอดทั้งชีวิต

อดีตเหยื่อที่เล่นอินสตาแกรมแล้วถูกขู่กรรโชกแบล็กเมลเมื่อเธอมีอายุเพียง 17 ปี (สตรีบนจอวิดีโอ) โดยอาชญากรนำภาพอนาจารของเธอไปขาย ตัดสินใจให้ข้อมูลแก่กรรมาธิการแห่งวุฒิสภา และร่วมจัดทำวิดีโอ เล่าถึงชะตากรรมเลวร้ายที่เคยประสบ เธอบอกว่าหลังจากหวาดหวั่นคำขู่กรรโชก เธอตัดสินใจหันมาต่อสู้ เธอเลิกส่งภาพอนาจารไปตามที่ถูกแบล็กเมล ทั้งนี้ เธอพูดตรงๆ ว่า “บริษัทโซเชียลมีเดียรายใหญ่ๆ บกพร่อง ไม่ช่วยปกป้องดิฉันจากพวกล่อลวง”
มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก โกรธจัด-ไปไม่เป็น ขณะถูก ส.ว. กดดัน ‘ได้จ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวเหยื่อแล้วไหม’ ลงท้ายกัดฟันยอมลุกขึ้นขอโทษเจ้าทุกข์

ยังแน่ใจไม่ได้ว่าประดาซีอีโอคนเก่งฉกาจและโด่งดังแห่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้ง 5 ราย จะสะเทือนใจจริงแท้เพียงใดกับความทุกข์ตรมปวดร้าวใจของคุณพ่อคุณแม่เด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพโลกไซเบอร์ จนล้มป่วย หรือกระทั่งไม่ต้องการทนความกดดันและเลือกที่จะดับชีพตนเองเสียชีวิตกันไปมากมาย

ในการนี้ ภาพของซีอีโอทั้ง 5 ที่สำนักข่าวต่างๆ บันทึกไว้ได้ จะมีสีหน้าว่าสะเทือนใจไปกับเรื่องราวบนจอภาพ แต่พวกเขาคิดอะไรในจิตใจ ก็ยากจะฟันธง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซีอีโอของเมตา ซึ่งเครียดจัดชัดเจน

แต่ความเครียดจัดของซีอีโอ ซัคเคอร์เบิร์ก ไปถึงขั้นสุดในบรรยากาศ “ดรามาเลือดเดือด” แห่งการไต่สวนโดย วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน รัฐมิสซูรี นาม จอช ฮอว์ลีย์ ซึ่งซักไซ้ไล่เรียงแบบฟันแสกหน้า จิกไม่ปล่อยด้วยคำถามเชิงข้อเท็จจริงที่ยากจะตอบออกไปโดยไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน

“นี่เป็นข้อมูลบางส่วนจากท่านผู้กล้าที่เตือนสังคมถึงภัยใหญ่หลวง เขามาให้ปากคำภายใต้คำสาบานที่วุฒิสภาโดยมีการถ่ายทอดสด ท่านผู้นี้เคยทำงานให้คุณ เป็นผู้บริหารระดับอาวุโส แผ่นชาร์ตนี้คือบางส่วนของรายงานผลการศึกษาแพลตฟอร์มของคุณ” ส.ว.ฮอว์ลีย์ หันไปมองแผ่นชาร์ตที่เจ้าหน้าที่นำขึ้นขาตั้งพรีเซนเตชัน และนำเสนอปัญหาว่า

“ในจำนวนเด็กผู้หญิงวัยระหว่าง 13 ถึง 15 ปี
- มี 37% บอกว่าไปเจอภาพเปลือยบนแพลตฟอร์มโดยที่ไม่ได้ไปเสิร์จหา ในห้วง 7 วันก่อนการสัมภาษณ์
- มี 24% บอกว่าโดนทักเข้าไปในลักษณะของข้อเสนอในเรื่องเพศ โดยที่เด็กไม่ได้ไปเสิร์จหา ในห้วง 7 วันก่อนการสัมภาษณ์
- มี 17% บอกว่าเจอคอนเทนต์การทำร้ายร่างกายตัวเองแบบที่จู่ๆ ก็มาผุดบนจอ ในห้วง 7 วันก่อนตอบแบบสอบถาม” ส.ว.ฮอว์ลีย์ ให้ข้อมูลปัญหาก่อนจะเปิดฉากไต่สวนว่า

“คุณคุ้นเคยกับสถิติเหล่านี้ดีใช่ไหม อดีตผู้บริหารระดับอาวุโสของคุณ ส่งข้อมูลพวกนี้ไปให้คุณทางอีเมล เรามีสำเนามาให้ดูด้วย” เสียงของ ส.ว.ฮอว์ลีย์ กล่าวอยู่ในคลิปวิดีโอที่ เอบีซีนิวส์ นำเสนอทางยูทูป

เจ้าหน้าที่นำแผ่นชาร์ตแผ่นใหม่ไปวางบนขาตั้ง ข้อความบนแผ่นชาร์ตเป็นสำเนาอีเมล์ บรรทัดแรกเขียนว่า ‘จาก อาร์ตูโร’ หรือก็คือ อาร์ตูโร เบจาร์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของเมตา และบรรทัดต่อๆ มาเขียนว่า ‘เรียน มาร์ก’

“คำถามของผม คือ ใครกันที่คุณไล่ออกจากงานเพราะข้อมูลนี้ ใครครับที่ถูกไล่ออกเพราะเรื่องนี้” ส.ว.ฮอว์ลีย์ ยิงคำถามใส่ ซัคเคอร์เบิร์ก

“ท่านวุฒิสมาชิกครับ เราทำการศึกษาเรื่องนี้เพราะมันสำคัญ และเราต้องปรับปรุงบริการของเรา” ซีอีโอแห่งเมตาตอบไม่ตรงคำถามด้วยท่าทีตั้งใจชี้แจง

“เอาล่ะ คุณบอกผมว่าคุณทำการศึกษา แต่ที่คุณบอกมาไม่เกี่ยวข้องกับคำถาม คุณไล่ใครออก

“ผมบอกว่าท่านตั้งโจทย์มาไม่ถูกต้อง”

ส.ว.จอช ฮอว์ลีย์ พรรครีพับลิกัน รัฐมิสซูรี เปิดปัญหาอัปลักษณ์ที่อินสตาแกรมสร้างขึ้นแก่ยูสเซอร์วัย 13-15 ปี ใส่หน้าผู้รับผิดชอบหมายเลข 1 นามว่า มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ซึ่งก็พยายามจะปรุงจิตให้แข็ง และโต้ตอบด้วยคำยืนยันว่าบริษัทเมตาของตนได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว กระนั้นก็ตาม ในเมื่อผลกระทบที่ส่งไปถึงเด็กวัยทีนเอจมีความรุนแรงอย่างเหลือเกิน เด็กๆ มากมายถึงกับฆ่าตัวตาย ดังนั้น เมื่อ ส.ว.ฮอว์ลีย์ ท้าทายให้ ซัคเคอร์เบิร์ก รับผิดชอบด้วยการจ่ายค่าชดเชย ซัคเคอร์เบิร์ก ก็สติหลุด อึกๆ อักๆ อยู่ในการเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริง
ส.ว.ไม่สนถ้อยคำแก้ตัว และรุกซ้ำด้วยคำถามสำคัญ
“37% ของเด็กวัยรุ่นวัยระหว่าง 13 ถึง 15 ปี ไปเจอภาพเปลือยบนอินสตาแกรมโดยที่ไม่ได้ไปเสิร์จหาในห้วง 7 วันก่อนตอบแบบสอบถาม ใครที่คุณไล่ออก

“ท่านวุฒิสมาชิกครับ นี่คือสาเหตุที่เราสร้างเครื่องมือเหล่านี้ขึ้นมา” ซีอีโอซัคเคอร์เบิร์กยังคงตอบไม่ตรงคำถามตามเดิม

“ใครที่คุณไล่ออก” ส.ว.ฮอว์ลีย์ ยิงคำถามเดิมสวนกลับทันที

“ท่านวุฒิสมาชิก นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราถึงสร้างเครื่องมือทั้งหมดนี้ขึ้นมา”
ซัคเคอร์เบิร์กยังยึดแน่นกับแท็กติกเดิม ตอบไม่ตรงคำถามเพื่อไม่ให้เข้าเนื้อ

“ใครที่คุณไล่ออก” ในเมื่อ ซัคเคอร์เบิร์ก อับจนถ้อยคำเกินกว่าจะหาคำตอบที่พลิกพลิ้วได้ ส.ว.ฮอว์ลีย์ จึงยิ่งรุกคืบด้วยคำถามสำคัญนี้ แบบจิกไม่ปล่อย

“ท่านวุฒิสมาชิก นั่น.. ผมไม่ทราบ นั่น... นั่น..” ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอผู้ทรงอิทธิพล จู่ๆ ก็เริ่มออกอาการเสียขวัญ เริ่มเครื่องรวน ไปไม่เป็น พูดไม่ออก ตะกุกตะกักอยู่ในความรู้สึกเครียดและหวั่นระรัว

“ใครที่คุณไล่ออก” ส.ว.ฮอว์ลีย์ อัดซ้ำอีก

“เอ่อ... เอ่อ... ผมจะไม่ตอบคำถามนั่น อึ่ม... นั่น... อึ่ม..นั่น..” ซัคเคอร์เบิร์ก พยายามจะคิดเหตุผลสนับสนุนการที่จะไม่ตอบ แต่ไม่มีข้ออ้างใดๆ ผุดขึ้นมาในศีรษะ หนำซ้ำ ในการถูกไต่สวนที่รัฐสภา จะไม่ตอบก็ไม่ได้

ส.ว.ฮอว์ลีย์ผ่อนเกม ด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ส่งผลให้ ซัคเคอร์เบิร์ก ขยับกลับมาโล่งใจ หัวเราะพรวดตามไปด้วยหนึ่งลมหายใจ

แต่แล้ว ส.ว.ฮอว์ลี โถมเข้าใส่อีกรอบ

“คุณไม่ได้ไล่ใครออกจากงานเลย ใช่มั้ย? คุณไม่ได้ลงมือดำเนินการเป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลย”

ซัคเคอร์เบิร์กได้ยินประโยคกล่าวหาที่แสนจะอันตราย ก็รีบแย่งพูดทับเข้าไปกลบเกลื่อน

ผมไม่คิดว่ามันเหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้”

“คุณทราบไหมว่าบรรดาผู้ที่นั่งด้านหลังคุณ เป็นใครบ้าง”

“เอิ่บ...”


“ครอบครัวมากมายจากทั่วประเทศ ล้วนแต่เป็นครอบครัวที่ลูกๆ ของพวกเขาถูกทำร้ายอย่างรุนแรง หรือหลายๆ รายถึงกับเสียชีวิต แล้วคุณพูดว่าคุณไม่คิดว่ามันเหมาะสมที่จะพูดถึงว่าใครที่ถูกคุณไล่ออก”

หลายประโยคแห่งความเป็นจริงดังกล่าว ทำให้ ซีอีโอของเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอตส์แอปป์ ได้แต่เม้มปาก อับจนด้วยถ้อยคำ ภาพและเสียงเหล่านี้ปรากฏบนคลิปวิดีโอที่ เอบีซีนิวส์ นำขึ้นเผยแพร่ทางยูทูป


มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก มีสีหน้ากะเรี่ยกะราดเพราะอยู่ในภาวะแถไม่ออก ไปไม่เป็น โดยเมื่อสติหลุดเพราะหาข้อแก้ตัวไม่ได้จริงๆ ก็พูดโพล่งออกมาดื้อว่า ผมจะไม่ตอบคำถามนี้ ซึ่งเท่ากับยอมรับว่าได้ดำเนินการไล่ออกผู้บริหารระดับสูงของเมตาที่ส่งอีเมลเตือนถึงผลกระทบจากปัญหานั่นเอง
หลังเสร็จประเด็นแรกที่ทำซีอีโอจนมุม ส.ว.ฮอว์ลีย์ก็เปิดประเด็นใหม่ บาดใจกว่าเดิม “คุณเคยจ่ายเงินชดเชยให้แก่เหยื่อรายใดบ้างหรือยัง”

“ให้ผมถามคุณอย่างนี้แล้วกัน คุณเคยจ่ายเงินชดเชยให้แก่เหยื่อรายใดบ้างหรือยัง”

หลังจากที่ส.ว.ฮอว์ลีย์ ชำแหละข้อเท็จจริงที่ทำให้ซีอีโอซัคเคอร์เบิร์กจนมุม ไปหนึ่งประเด็นแล้ว จึงเปิดประเด็นใหม่ บาดใจกว่าเดิม


ซีอีโอผู้สุดแสนร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ ได้ยินเรื่องเสียเงิน ถึงกับแป้ว ส่งสายตาไปยัง ส.ว.ฮอว์ลีย์ ประมาณว่าไม่อยากเชื่อเลย ต้องได้ยินอะไรอย่างนั้น

“อะไรนะครับ!!” ซัคเคอร์เบิร์กย้อนถาม

“คุณเคยจ่ายค่าชดเชยแก่เหยื่อรายใดบ้างหรือยัง” ส.ว.ฮอว์ลีย์ ถามซ้ำด้วยเสียงทุ้ม

ซัคเคอร์เบิร์กตอบพึมพำ “ผม... เอิ่บ...” พร้อมกันนั้น สองคิ้วถูกขมวดปมตึงขั้นสุด!!

“เด็กผู้หญิงทั้งหลายที่ตกเป็นเหยื่อน่ะ คุณเคยจ่ายค่าชดเชยไปให้รายใดบ้างหรือยัง”

“ผม... ผม... ผมไม่คิดว่าเคยครับ”

วิกฤติดังกล่าวของ ซัคเคอร์เบิร์ก ทำให้ใบหน้าของคุณพ่อของเหยื่อ ซึ่งนั่งด้านหลัง ปรากฏยิ้มบางๆ ขณะส่งสายตาลงมองมือตนเอง

“ทำไมไม่ล่ะ”

“เอิ่บ... เอิ่บ... เอ่อ...”

“คุณไม่คิดรึ พวกเขาสมควรจะได้รับเงินชดเชยสำหรับสิ่งที่แพลตฟอร์มของคุณได้ทำไป เช่น จะได้เอาเงินไปใช้จ่ายเพื่อรับคำปรึกษา หรือเอาไปช่วยค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาที่บริการของแพลตฟอร์มคุณสร้างขึ้น”

ด้าน ซีอีโอซัคเคอร์เบิร์ก ฟังไป ก็อึดอัดคับข้องใจไป พลางพึงพำ เอิ่บ... เอิ่บ... บ้าง เม้มปาก-คลายปากบ้าง ก่อนจะตั้งสติกลับเข้าสู่สภาพเปี่ยมวุฒิภาวะ และดึงเอาประโยคสำเร็จรูปกลับมาใช้ในการตอบกลับไปให้ตนเองพ้นภาระไป

“หน้าที่ของพวกเรา คือการสร้างความมั่นใจว่าเราได้สร้างเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนปลอดภัย” ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวประโยคสำเร็จรูปออกไปอีกรอบหนึ่ง

“คุณจะจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาไหม”

“ท่านวุฒิสมาชิกครับ งานของเราและสิ่งที่เรายึดถือจริงจังคือ ดำเนินการให้แน่ใจได้ว่าเราสร้างเครื่องมือชั้นเยี่ยมกว่าใครในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อจะค้นหาคอนเทนต์ที่...”

“เพื่อทำรายได้” ส.ว.ฮอว์ลีย์ กล่าวแทรก

“...เป็นอันตราย และดึงมันออกไป เพื่อจะ...” ซัคเคอร์เบิร์กไม่ยอมให้เสียงแทรกมาชะงักการพูดของตน และก็ถูกแทรกอีก

“เพื่อจะทำรายได้” ส.ว.ฮอว์ลีย์ กล่าวแทรกซ้ำ

“...เพื่อจะเสริมพลังให้แก่ผู้ปกครองของเด็กๆ” ซัคเคอร์เบิร์กรักษาสติและเดินหน้าพูดต่อเนื่อง

ด้าน ส.ว.ฮอว์ลีย์ ไม่ยอมให้ ซัคเคอร์เบิร์ก พร่ำพูดประโยคสำเร็จรูปทั้งหลายวนไปวนมา โดยพูดแซงเข้าไปย้ำถึงบรรดาปัญหาที่ เมตา อิงค์ และ ซัคเคอร์เบิร์ก สร้างความทุกข์ตรมแก่ประชาชน สถานการณ์หลายวินาทีตรงนั้นจึงกลายเป็นการสวนหมัดไปมาเสียงดังเซ็งแซ่ด้วยประโยคต่างๆ เป็นชุดยาว 6-7 วินาทีกันเลยทีเดียว อาทิ

“ดังนั้น คุณก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย คุณไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น คุณไม่ได้ไล่ใครออกจากงาน คุณยังไม่จ่ายค่าชดเชยแก่เหยื่อแม้สักราย” ภาพและเสียงของ ส.ว.ฮอว์ลีย๋ ปรากฏคมชัดบนคลิปวิดีโอที่ เอบีซีนิวส์ นำขึ้นเผยแพร่ทางยูทูป

ขณะเดียวกัน ซัคเคอร์เบิร์ก จดจ่อเปล่งวาจาพร่ำบริกรรมประโยคเดิม คู่ขนานไปพร้อมกับ ส.ว.ฮอร์ลีย์ กระนั้นก็ตาม มันเป็นประโยควิ่นๆ แหว่งๆ ที่ ซัคเคอร์เบิร์ก ก็พูดไม่ค่อยออก โต้ตอบก็ไม่ค่อยทัน และคอยแต่จะส่ายหน้าปฏิเสธ

วินาทีที่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ทั้งช็อกประมาณว่าเห็นแววจะต้องเสียเงิน และทั้งกริ้วประมาณว่าเฮ้ย.. ต้องด้วยเหรอ เนื่องจากถูก ส.ว.ฮอว์ลีย์ ไต่สวนว่า เคยจ่ายค่าชดเชยแก่เหยื่อรายใดบ้างหรือยัง ขณะที่พูดไม่ออก เปล่งได้แค่ “ผม... เอิ่บ...” นั้น สองคิ้วถูกขมวดปมตึงขั้นสุด!! แล้วเมื่อถูกไต่สวนย้ำว่า เด็กผู้หญิงทั้งหลายที่ตกเป็นเหยื่อน่ะ คุณเคยจ่ายค่าชดเชยไปให้รายใดบ้างหรือยัง ซัคเคอร์เบิร์กจึงต้องหลุดประโยคที่ยอมรับว่ายังไม่เคย ทั้งนี้ในวิกฤติดังกล่าวของ ซัคเคอร์เบิร์ก สีหน้าของคุณพ่อเหยื่อ ซึ่งนั่งด้านหลัง (เนคไทแดง) ปรากฏยิ้มบางๆ ขณะส่งสายตาลงมองมือตนเอง
‘มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก’ เจ็บหัวใจอีกรอบใหญ่ เพราะถูกรุกเร้ากดดันให้กล่าวขออภัยครอบครัวเหยื่อ

ณ จังหวะนี้ ส.ว.ฮอร์ลีย์ ยกระดับการไล่ต้อนปิ้งย่างขึ้นทันที โดยเข้าสู่อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือ การบีบให้ ซีอีโอซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวขออภัยผู้ปกครองของเด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งจะเป็นการขีดเส้นใต้ว่า บริษัทเมตา เจ้าของผลิตภัณฑ์เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอตส์แอปป์ ยอมรับว่าทำผิด

“ขอผมถามคุณอย่างนี้ละกัน มีครอบครัวของเหยื่อทั้งหลายมาฟังในรัฐสภากันมากเลย คุณได้ขออภัยเหยื่อทั้งหลายหรือยัง” เสียงฮือฮากระหึ่มทันควันทั้งจากครอบครัวเหยื่อและกองทัพช่างภาพกับนักข่าว แต่ยุติโดยพลันด้วยเกรงใจความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐสภา

“เอิ่บ...” ซัคเคอร์เบิร์กพึมพำ

“คุณอยากจะกล่าวขอโทษเดี๋ยวนี้เลยมั้ย”

ซัคเคอร์เบิร์ก ออกท่าว่าระงับความโกรธ เม้มปาก กลั้นลมหายใจ แล้วนิ่งไปในสีหน้าชั่งใจ สูดลมหายใจ กลั้นลมหายใจในอารมณ์ว่าตั้งสติขึ้นมาสำเร็จ ก่อนจะเปล่งเสียงเบาๆ ตอบออกไปว่า

“ก็ได้ ” พร้อมยกมือซ้ายประกอบ ในภาษากายที่ว่า จะยอมให้แก่ครั้งนี้

ใน 3-4 วินาทีต่อมาแห่งความดรามาสุดๆ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งตั้งสติขึ้นมาสำเร็จแว่บหนึ่ง ก็สติหลุดไปในความกริ้วพุ่ง แล้วสูดลมหายใจสลับกับเลียริมฝีปากหลายครั้ง และโดยที่ยังนั่งอยู่นั้น เขาขยับกายไปทางขวาเล็กน้อย เม้มปากชั่งใจสีหน้านิ่งยอมรับสภาพ

“เอาเลย พวกเขาอยู่กันที่นี่แล้ว ตัวคุณก็ออกโทรทัศน์ถ่ายทอดทั่วประเทศอยู่ คุณอยากจะทำตอนนี้มั้ย ขออภัยเหยื่อทั้งหลายที่ถูกทำร้ายโดยผลิตภัณฑ์ของคุณ”

เสียงดังกล่าวจาก ส.ว.ฮอว์ลีย์ ดึงให้ ซัคเคอร์เบิร์ก หันหน้าไปมองต้นเสียง แล้วยกมือขวาขึ้นทำนองว่า จะพูดอะไรอีก ก็ผมจะยอมแล้วไง

เมื่อถูกกดดันให้ยอมลุกขึ้นไปกล่าวขอโทษ:- “คุณอยากจะกล่าวขอโทษเดี๋ยวนี้เลยมั้ย” ซัคเคอร์เบิร์ก ออกท่าว่าระงับความโกรธ เม้มปาก กลั้นลมหายใจ แล้วนิ่งไปในสีหน้าชั่งใจ สูดลมหายใจ กลั้นลมหายใจ ในสีหน้าว่าตั้งสติขึ้นมาสำเร็จ ก่อนจะเปล่งเสียงเบาๆ ตอบออกไปว่า “ก็ได้ ”

ใน 3-4 วินาทีต่อมาแห่งความดรามาสุดๆ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งตั้งสติขึ้นมาสำเร็จแว่บหนึ่ง(ซ้ายบน) ก็สติหลุดไปในความกริ้วพุ่ง(ขวาบน) แล้วสูดลมหายใจสลับกับเลียริมฝีปากหลายครั้ง และโดยที่ยังนั่งอยู่นั้น เขาขยับกายไปทางขวาเล็กน้อย เม้มปากชั่งใจสีหน้านิ่งยอมรับสภาพ(ซ้ายล่าง) “คุณอยากจะทำตอนนี้มั้ย ขออภัยเหยื่อทั้งหลายที่ถูกทำร้ายโดยผลิตภัณฑ์ของคุณ” เสียงดังกล่าวจาก ส.ว.ฮอว์ลีย์ ดึงให้ ซัคเคอร์เบิร์ก หันหน้าไปมองต้นเสียง แล้วยกมือขวาขึ้นทำนองว่า จะพูดอะไรอีก ก็ผมจะยอมแล้วไง(ขวาล่าง)
เจ้าของธุรกิจยักษ์ เมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ผู้เป็นจำเลยสังคมรายสำคัญ หันขวาไปข้างหลังเพียงประมาณ 45 องศา ท้าวข้อศอกซ้ายพักจังหวะ พลางมองไปทั่วๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เผชิญหน้าโดยตรงกับเจ้าทุกข์ทั้งปวง

ขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่มากมายหลายรายลุกขึ้นยืน พร้อมกับชูภาพลูกๆ หลานๆ เหยื่อโซเชียลมีเดีย ขึ้นสูงเด่นอย่างที่สมควรจะทำในการรับคำขออภัย

“ยกรูปน้องๆ ให้ดูกันครับ”
ส.ว.ฮอว์ลีย์ ประกาศกับคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ ผู้ตกเป็นเหยื่อ เท่านั้นเอง เสียงเฮและตบมือเชียร์ดังกึกก้องห้อง Senate Press Gallery

แล้วกล่าวย้ำกับ ซัคเคอร์เบิร์ก

“คุณอยากจะขออภัยหรือไม่ สำหรับสิ่งที่คุณได้ทำกับประชาชนคนดีเหล่านี้”

เสียงเฮและตบมือเชียร์ยังกระหึ่มต่อเนื่อง

ตลอดหลายวินาทีไคลแมกซ์นี้ คุณพ่อเน็คไทแดง ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังซัคเคอร์เบิร์ก เอียงคอมองด้วยสีหน้าที่ยากจะพรรณนา คล้ายจะสะใจ

ซัคเคอร์เบิร์ก เริ่มอย่างตะกุกตะกักในการกล่าวขออภัยครอบครัวของผู้เสียหาย เป็นความตะกุกตะกักทั้งๆ ที่ว่าเขามีประสบการณ์โชกโชนในการกล่าวขอโทษต่อสาธารณชน โดยตลอดสิบกว่าปีมานี้เขาเดินสายกล่าวขอโทษมาแล้วหลายๆ กรรม หลายๆ วาระ

“ผม... ผม... ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณต้องประสบมาโดยตลอด ไม่มีใครควรจะต้องประสบกับสิ่งที่พวกคุณและครอบครัวได้เจ็บปวดกันมา”

แต่แล้ววิญญาณนักธุรกิจก็ผงาดขึ้น เอพีบอกอย่างนั้นและรายงานถ้อยคำโปรโมทบริษัทที่เอื้อนออกมาโดย ซัคเคอร์เบิร์ก ว่า

“และนี่เองคือเหตุผลที่ทำไมเราจึงได้ลงทุนไปตั้งมากมายและกำลังจะใช้ความพยายามที่นำให้อุตสาหกรรมนี้ ทำอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเลยที่จะต้องเจอะเจอพบพานสิ่งต่างๆ ดังที่ครอบครัวของพวกคุณต้องได้รับความเจ็บช้ำมา” ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวให้ได้ยินจากคลิปที่ บิสซิเนส ไทมส์ นำขึ้นเผยแพร่ทางยูทูป (ดูที่คลิป1)

ทั้งนี้ แม้จะโปรยถ้อยคำหรูหราหลายประโยค แต่ ซัคเคอร์เบิร์ก มิได้หลุดคำสัญญาที่จะรับผิดชอบความเสียหายที่ทำร้ายเหยื่อและครอบครัวของเหยื่อ เอพีรายงาน

มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอแห่งเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ยืนขึ้นเผชิญหน้ากับผู้ปกครองของเด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของเหล่าร้ายเพราะไปเล่นแอปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ฯลฯ ในภาพนี้จะเห็นคุณพ่อของเด็ก (นั่งด้านหน้าสุดทางซ้าย ผูกเน็คไทน้ำเงิน) ส่งสายตาเจ็บแค้นขณะฟังจำเลยสังคมหมายเลข 1 กล่าวขออภัยพร้อมอวดอ้างว่าได้ทำการป้องกันเต็มที่แล้ว ราวกับไม่คิดว่าผู้คนได้อ่านข้อมูลจากอดีตคนวงในของเมตา มาอย่างมากมายแล้ว


บรรยายคลิปที่1
คลิปที่บิสซิเนส ไทมส์ รวบรวมช่วงการไต่สวนดุเดือดต่างๆ ก่อนจะปล่อยคลิปยาว 1-2 นาทีที่ ส.ว.จอช ฮอว์ลีย์ กดดันให้ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ลุกขึ้นกล่าวขออภัยโดยตรงไปยังครอบครัวของเหยื่อ โดยมีการสวนหมัดไปมาเสียงดังเซ็งแซ่ด้วยประโยคเผ็ดร้อนต่างๆ เป็นชุดยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาทีที่ 2 นาที 45 วินาที ถึง 3 นาที 20 วินาที

สติป่วนรวนอีกหน: ‘ซัคเคอร์เบิร์ก’ ถูกกดดันให้รับผิดชอบโดยตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้เสียหายด้วยเงินส่วนตัว

แม้ซีอีโอแห่งเมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ มิได้ออกปากว่าจะรับผิดชอบความเสียหายจากแอปทั้งสามแพลตฟอร์มของตน กระนั้นก็ตาม ส.ว.ฮอว์ลีย์ ได้นำเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ดังนี้

“คุณซัคเคอร์เบิร์ก บอกหน่อยสิ ทำไมบริษัทของคุณไม่ควรถูกฟ้องร้องดำเนินคดีที่ได้สร้างอันตรายแก่เด็กๆ บริษัทของคุณซ่อนตัวอยู่หลังเครื่องกำบังจึงไม่ต้องรับผิดชอบ คุณควรจะรับผิดชอบด้วยตัวคุณเองมิใช่หรือ คุณจะมารับผิดชอบด้วยตัวคุณเองมั้ย?

“ท่านวุฒิสมาชิกครับ ผม.. ผมคิดว่าผมตอบเรื่องนี้ไปแล้ว ผมหมายถึงว่าเรื่องนี้.. ซึส.. ซึส..” ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวไม่จบประโยค เพราะเริ่มจะเครื่องรวนอีก เสียงที่เปล่งออกมาจึงไม่เป็นถ้อยคำ แค่เป็นเสียงซึส.. ซึส.. ที่พยายามจะพูดแต่ไร้วาจา ก่อนจะตั้งสติขึ้นสำเร็จเมื่อได้ยินคำถามย้ำ

วุฒิสมาชิกฮอว์ลีย์ ย้ำคำถามเดิม

“คุณจะมารับผิดชอบด้วยตัวคุณเองมั้ย?”

“ท่านวุฒิสมาชิกครับ ผมทำงานของผม และงานของบริษัทก็คือการสร้างเครื่องมือที่ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถ เพื่อจะรักษาให้ชุมชนของเราปลอดภัย”

“แต่คุณล้มเหลวในเรื่องนี้” ส.ว.ฮอว์ลีย์แย้ง

“ท่านวุฒิสมาชิกครับ เราทำงานทุ่มเทล้ำหน้าอยู่ในอุตสาหกรรม เราสร้างเครื่องมือเอไอ..”

ถ้อยคำของซีอีโอถูกเบรกด้วยประโยคเด็ดของ ส.ว.ฮอว์ลีย์

“เหลวไหลน่ะสิ ผลิตภัณฑ์ของคุณสังหารผู้คน คุณจะรับปากเป็นผู้จ่ายค่าชดเชยแก่เหยื่อหรือไม่ คุณเป็นเศรษฐีพันล้าน คุณจะเต็มใจจ่ายค่าชดเชยให้แก่เหยื่อทั้งหลายหรือไม่ คุณจะตั้งกองทุนเงินชดเชยโดยใช้เงินของคุณเองหรือไม่”

“ผมคิดว่านี่มัน.. นี่มัน..” ซัคเคอร์เบิร์กพูดแทรกแย้งเข้าไประรัว

“โดยใช้เงินของคุณเอง” ส.ว.ฮอว์ลีย์พูดต่อ ขณะที่ ซัคเคอร์เบิร์พยายามจะเถียง แต่ก็ไม่เป็นถ้อยคำอะไรนอกจากเสียง ซึส.. ซึส.. ซึส.. ห้วงหนึ่งสั้นๆ

“ท่านวุฒิสมาชิก นี่มันซับซ้อน.. ”

ส.ว.ฮอว์ลีย์พูดแซงทันควัน

“ไม่หรอก นี่ไม่ใช่คำถามซับซ้อนอะไรเลย คุณจะจัดตั้งกองทุนเงินชดเชยแก่เหยื่อด้วยเงินของคุณเองหรือไม่ เงินที่ทุกได้มาบนความทุกข์ของครอบครัวเหล่านี้ จะเยสหรือจะโน”

ด้านซีอีโอแห่งเมตาก็พยายามเถียงกลบแบบวิ่นๆ แหว่งๆ สีหน้าเลิ่กลั่ก

“ท่านวุฒิสมาชิก ผมไม่คิดว่า.. เออะ.. เอ่อ..” แล้วนึกได้ จึงปล่อยประโยคสูตรสำเร็จ “งานของผมคือทำเครื่องมือที่ดี งะ.. งะ.. งานของผมคือต้องทำให้แน่ใจได้ว่า...”

แต่เมื่อถูก ส.ว.ฮอว์ลีย์ แทรก ก็หยุดความพยายามพูด เม้มปากในอาการเสียขวัญอ่อนๆ

“งานของคุณคือการออกมารับผิดชอบต่อสิ่งที่บริษัทของคุณได้กระทำลงไป คุณทำเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากความเดือดร้อนของผู้คนที่นั่งเบื้องหลังคุณ แต่คุณยังไม่ได้ทำสิ่งใดที่จะช่วยเหลือพวกเขาเลย คุณยังไม่ได้ทำสิ่งใดที่จะชดเชยให้แก่พวกเขา คุณยังไม่ได้ทำสิ่งใดที่จะแก้ไขเรื่องผิดให้ถูกต้องขึ้นมา คุณต้องทำ คุณต้องทำ ที่นี่เลย วันนี้เลย” ส.ว.ฮอว์ลีย์ กล่าวให้ได้ยินในคลิปที่ เอบีซีนิวส์ นำขึ้นเผยแพร่ทางยูทูป

มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ไม่สามารถตอบรับหรือปฏิเสธต่อประเด็นบาดใจของ ส.ว.จอช ฮอว์ลีย์ ที่ว่าจะยอมจัดตั้งกองทุนเงินชดเชยแก่เหยื่อด้วยเงินของตนเองหรือไม่ หนำซ้ำความพยายามที่จะพูดบ่ายเบี่ยงก็เต็มไปด้วยความตะกุกตะกักขาดๆ แหว่งๆ และจึงหยุดความพยายามพูด เม้มปากในอาการเสียขวัญอ่อนๆ
สองอดีตผู้บริหารของเมตา ยืนยัน ซัคเคอร์เบิร์ก ทราบดี เฟซบุ๊ก & อินสตาแกรม เปิดทางให้คนชั่วและอาชญากร เข้าถึงเด็กทีนเอจออนไลน์

บริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ รู้อยู่เต็มอกว่า อินสตาแกรม ของตนไม่เหมาะสำหรับเด็กวัย 13 ปี และในเวลาเดียวกัน เมตาก็ชักจูงให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่า อินสตาแกรมเป็นแอปปลอดภัยแก่การที่เด็กหญิงเด็กชายวัยทีนจะเข้าไปแชร์รูปภาพ ข้อมูลน่าตกใจนี้มาจาก วิศวกรอาร์ตูโร เบจาร์ อดีตผู้บริหารระดับอาวุโสในสังกัดเมตา แพลตฟอร์ม ของ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งไปให้ปากคำแก่คณะกรรมาธิการแห่งวุฒิสภาอเมริกัน ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว (2023) เดอะเทเลกราฟ รายงาน

อาร์ตูโร เบจาร์ หนุ่มใหญ่วัย 52 ปี อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของเมตา บอกว่ารู้สึกสะเทือนใจและผิดหวังอย่างยิ่งในตอนที่ต้องพ้นจากบริษัทยักษ์แห่งนี้เมื่อปลายปี 2021

ข้อมูลที่บอกว่าอินสตาแกรม ไม่เหมาะสำหรับเด็กทีนเอจวัยตั้งแต่ 13 ปีขั้นไปนั้น เป็นประสบการณ์ตรงของอดีต ผ.อ. เบจาร์ ซึ่งเป็นคุณพ่อคนหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองจำนวนมหาศาล ที่พบว่าลูกสาววัยทีนของตน ตลอดจนเพื่อนๆ ของลูก เจอกับการถูกคนไม่รู้จัก เข้าไปทักในเชิงลามกขณะเล่นอินสตาแกรม อันเป็นแพลตฟอร์มที่ห้ามหนูเล็กเด็กน้อยวัยตั้งแต่ 12 ปีลงไป ไม่ให้เข้าใช้อินสตาแกรม

อดีต ผ.อ.เบจาร์บอกว่าเมื่อพ้นจากเมตาแล้ว ก็ตัดสินใจเปิดเผยสิ่งที่สาธารณชนควรได้รับรู้ โดยให้สัมภาษณ์แก่เดอะเทเลกราฟว่าที่ผ่านมา ตนได้แจ้งปัญหาภัยอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็กวัยทีน ให้เป็นที่รับทราบของผู้บริหารระดับอาวุโสแห่งเฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม ตลอดจนแจ้งไปยังนายใหญ่ คือ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ด้วย

ผลปรากฏออกมาไม่ดีเลย เบจาร์บอกว่าคำเตือนที่แจ้งไป ถูกเมิน ซึ่งทำให้เขาทุกข์ใจกับความนิ่งเฉย

ในอันที่จะให้ตระหนักถึงอันตรายที่แพลตฟอร์มของเมตามีต่อเด็กวัยรุ่นทั้งหลาย อาร์ตูโร เบจาร์ เน้นไปยังกรณีโศกนาฏกรรมของเด็กหญิงมอลลี รัสเซลล์ วัยรุ่นอังกฤษวัย 14 ปีซึ่งฆ่าตัวตายเมื่อศักราช 2017 โดยการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้องมอลลีเซฟโพสต์แนวหดหู่ท้อแท้และการทำร้ายตัวเองไว้กว่า 2,100 โพสต์ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งต้องตั้งข้อสังเกตเป็นอย่างยิ่งว่ามากมายของโพสต์สุดโหดสุดหดหู่เหล่านี้ลอยนวลอยู่บนแพลตฟอร์มอินสตาแกรมได้อย่างไร โดยไม่ถูกลบออกในฐานะที่ละเมิดกฎอินสตาแกรม เดอะเทเลกราฟรายงาน

ทั้งนี้ ผลการชัณสูตรศพชี้ชัดว่าน้องมอลลีเสียชีวิตจาก “การทำร้ายตนเองขณะอยู่ในภาวะทุกข์ทรมาน ภายใต้ความรู้สึกหดหู่ท้อแท้ และผลกระทบเชิงลบต่างๆ ที่โดนจากคอนเทนต์ออนไลน์


เคสของน้องมอลลีเป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นอย่างแจ่มชัดว่า นโยบายของเมตาได้นำภยันตรายไปถึงเด็กวัยรุ่น

กรณีของน้องมอลลี รัสเซลล์ เป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นอย่างแจ่มชัดว่า นโยบายของเมตาได้นำภยันตรายไปถึงเด็กวัยรุ่น
อดีต ผ.อ.ฝ่ายวิศวกรรม บอกว่าภายใต้กฎกติกาของอินสตาแกรมในปัจจุบัน มีแอคเคาท์เยอะเลยที่โพสต์ “เนื้อหาที่แย่มากๆ แต่ก็ไม่ถูกนับว่าละเมิดกติกา” เด็กวัยรุ่นที่พบปัญหาก็จึงไม่มีตัวช่วยให้ได้ร้องทุกข์หรือขอความช่วยเหลือ

“ขณะที่เมตาบอกว่าบนแพลตฟอร์มมีตัวช่วยดูแลความปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้จัดเตรียมเครื่องมือไว้ช่วยในเวลาที่เด็กๆ เจอคอนเทนต์ไม่น่าพึงปรารถนาที่ยัดเยียดเข้าไป” อดีต ผ.อ.ฝ่ายวิศวกรรมของเมตา บอกอย่างนั้น และบอกด้วยว่า ในภาพรวมแล้ว อินสตาแกรมไม่ได้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและไม่เอื้อเฟื้อบรรยากาศที่ทำให้เด็กๆ คลายความวิตกเมื่อจะเข้าไป ร้องเรียนเวลาที่เจอสิ่งต่างๆ ที่ทำให้พวกเขาอึดอัด

ในการนี้ เบจาร์อธิบายว่าเด็กวัยรุ่นมักจะกลัวการไปร้องเรียนเรื่องที่พวกยูเซอร์ร้ายๆ ทั้งหลายเข้ามารบกวน ในเวลาเดียวกัน เครื่องมือร้องเรียนที่จัดไว้ให้เด็กๆ ใช้บนแพลตฟอร์ม ก็ซับซ้อนเกินไป

ที่สำคัญคือพวกผู้บริหารระดับสูงของเมตาต่างทราบดีในเรื่องภัยอันตรายที่อินสตาแกรมนำไปสู่เด็กๆ เพราะเบจาร์ให้ข้อมูลแจ้งเตือนไปแล้ว Ffpในเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งเป็นห้วงที่ อาร์ตูโร เบจาร์ เขียนรวบรวมผลการวิจัยถึงภัยอันตรายทั้งหมดนั้น เขาเขียนอีเมล์รายงานไปยัง มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ เดอะเทเลกราฟยืนยันไว้อย่างนั้น

สองปีต่อมา เบจาร์พบว่าแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้น เขาบอกสมาชิกวุฒิสภาทั้งหลายว่า “ไม่มีทางหรอกที่จะรายงานไปถึงผู้ดูแลอินสตาแกรมได้ง่ายๆ เมื่อต้องการร้องเรียนว่าถูกคุกคามทางเพศ”

เมื่อนักข่าวเดอะเทเลกราฟถามว่าอินสตาแกรมเหมาะสมกับเด็กวัย 13 ปีหรือไม่ อาร์ตูโร เบจาร์ บอกเลยว่า “ไม่เหมาะอย่างยิ่งครับ”

อาร์ตูโร เบจาร์ อดีตผู้อำนวยการฝายวิศวกรรมในสังกัดเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ เป็นผู้เชี่ยวชาญการขจัดปัญหาการคุกคามทางเพศบนอินเทอร์เน็ต เขาบอกว่าลูกสาววัยทีนเอจ ตลอดจนเพื่อนๆ ของลูก ต้องเจอกับการถูกคนไม่รู้จัก เข้าไปทักในเชิงลามกขณะเล่นอินสตาแกรมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพนี้บันทึกไว้ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2023 เมื่อ อาร์ตูโร เบจาร์ ให้ปากคำต่อสมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของเด็กๆ ขณะใช้แพลตฟอร์มของเมตา
ก่อนที่ อาร์ตูโร เบจาร์ ซึ่งอยู่ในส่วนงาน “อินสตาแกรม” จะลุกขึ้นทำหน้าที่ผู้กล้าเป่านกหวีดเตือนภัย มีผู้กล้าอีกรายหนึ่งซึ่งอยู่ในยูนิตของ “เฟซบุ๊ก” ลงมือเป่านกหวีดเตือนภัยอย่างครึกโครมแล้ว

เรื่องราวการเปิดโปงครั้งใหญ่เพื่อให้สาธารณชนได้ตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงจากแพลตฟอร์มของเมตา อุบัติขึ้นด้วยการเสนอข่าวหลุดข่าวรั่วซึ่งวอลล์สตรีทเจอร์นัลรวบรวมขึ้นมาเผยแพร่เป็นสกู๊ปร้อนฉ่าซีรีส์ยาวๆ ในเดือนกันยายน 2021 โดยข่าวหลุดข่าวรั่วดังกล่าวถูกปล่อยออกมาจาก “ฟรานเชส ฮาวเก้น” ผู้บริหารระดับกลางของเมตาซึ่งพ้นจากเฟซบุ๊กในเดือนพฤษภาคม 2021


ฟรานเชส ฮาวเก้น สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ในปี 2006 และได้ปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด บิซสิเนส สกูล ในปี 2011 เธอมีประสบการณ์การทำงานมากมายจากหลายค่ายยักษ์ อาทิ กูเกิล ก่อนจะเข้าทำงานกับเฟซบุ๊กในปี 2019 ในตำแหน่งผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์ โดยรับผิดชอบทีมงานการสร้างความไว้วางใจในหมู่ประชาชน

แต่หลังมหกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาปี 2020 เสร็จสิ้น ทีมงานนี้ถูกยุบ ซึ่งสาวฮาวเก้นบอกว่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง เพราะมองว่าเฟซบุ๊กทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ที่เธอยังอยู่กับเฟซบุ๊ก เธอคิดทบทวนอุดมการของตนเอง แล้วตัดสินใจเป็นผู้เป่านกหวีดเตือนภัยให้สาธารณชนได้รู้ได้เท่าทัน

ฟรานเชส ฮาวเก้น ติดต่อขอความสนับสนุนจากบริษัทกฎหมายโปรโบโน ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรและให้บริการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ที่ทำงานเตือนภัย อาทิ ช่วยนำส่งข้อมูลไปสู่สื่อมวลชนและประสานงานกับสมาชิกสภาคองเกรส ฯลฯ ซึ่งทำให้ตัวเธอหลบในเงามืดได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องถูกเล่นงาน นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อตุลาคม 2021

ในการนี้ ก่อนที่จะโบกมือลาบริษัทเมตา สาวฮาวเก้นใช้เวลาสองสามเดือนในการสแกนข้อมูลสองหมื่นกว่าหน้าโดยไม่มีใครสนใจสังเกต เธอเล่าไว้กับนิตยสารโวคเมื่อพฤศจิกายน 2021 ว่าเธอเองก็ใจหายใจคว่ำทีเดียวที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา

เมื่อฮาวเก้นเตรียมการพรักพร้อม เธอก้าวออกจากเฟซบุ๊กในเดือนพฤษภาคม 2021 เดอะเทเลกราฟรายงาน

ในเวลาต่อมา เธอได้รับการประสานให้พบกับ ส.ว.ริชาร์ด บลูเมนธอล และส.ว.มาร์ชา แบล็กเบิร์น ซึ่งศึกษาข้อมูลอย่างลึกซึ้งจนกระทั่งมั่นใจที่จะไต่สวน มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก เมื่อ 31 มกราคม 2024 ว่าแพลตฟอร์มต่างๆ ของเมตาช่วยเหลือสนับสนุนพวกเฒ่าหัวงูในการค้ามนุษย์

ในด้านของสื่อมวลชน ข้อมูลของฮาวเก้นถูกส่งไปยังสื่อธุรกิจค่ายใหญ่ยักษ์ คือ วอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งเริ่มตีพิมพ์เรื่องราวเจาะลึกความไม่ชอบมาพากลของเฟซบุ๊กในเดือนกันยายน 2021 อาทิ ประเด็นการยกเว้นกฎต่างๆ ให้เป็นพิเศษแก่บรรดายูสเซอร์รายใหญ่!! ประเด็นผลกระทบของเฟซบุ๊กต่อเด็กวัยรุ่น!! ประเด็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมในปี 2018 ประเด็นความอ่อนแอของเฟซบุ๊กในปัญหาค้ามนุษย์และปัญหากลุ่มผูกขาดค้ายาเสพติด ไปจนถึงประเด็นการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ในเรื่องวัคซีน

ขณะที่สาธารณชนฮือฮากันอย่างสุดๆ คณะอนุกรรมการด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ในสังกัดของคณะกรรมาธิการพาณิชย์ แห่งวุฒิสภาอเมริกัน ได้จัดการไต่สวนครั้งใหญ่ในวันที่ 5 ตุลาคม 2021

ในการนี้ ฮาวเก้นเลือกที่จะเปิดตัวต่อสาธารณชนและให้ข้อมูลปูพื้นก่อนการให้ปากคำที่รัฐสภา โดยเธอให้สัมภาษณ์แก่รายการ 60 minutes ซึ่งออกอากาศในวันที่ 3 ตุลาคม 2021

“สิ่งที่ดิฉันได้เห็นที่เฟซบุ๊กครั้งแล้วครั้งเล่าคือ มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายในระหว่างสิ่งที่ถูกต้องดีงามต่อสาธารณชน กับ สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเฟซบุ๊ก แล้วเฟซบุ๊กก็เลือกที่จะสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเอง คือการสร้างรายได้ให้สูงขึ้น” ฟรานเชส ฮาวเก้น กล่าวในตอนหนึ่งของรายการ 60 minutes

ยิ่งกว่านั้น หัวใจของสิ่งที่ฮาวเก้นรายงานออกมา ก็คือผลการวิจัยในส่วนของแพลตฟอร์มอินสตาแกรม
ซึ่งคนของบริษัทเมตาเป็นผู้จัดทำ และพบว่า อินสตาแกรม ทำให้เด็กสาววัยทีนเอจรู้สึกไม่ดีกับตนเอง เพราะถูกท่วมท้นไปด้วยคอนเทนต์ที่ทำให้เชื่อว่า ต้องผอม ต้องสวยในแบบนั้นแบบนี้ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของมนุษย์

ฟรานเชส ฮาวเก้น ให้ปากคำแก่คณะอนุกรรมการด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ในสังกัดของคณะกรรมาธิการพาณิชย์ แห่งวุฒิสภาอเมริกัน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2021
ด้าน ซัคเคอร์เบิร์ก ออกมาปฏิเสธปากแข็งขัน บอกว่า “ข้อใหญ่ใจความของข้อกล่าวหาเหล่านี้คือแนวคิดที่ว่า เราให้ความสำคัญแก่เรื่องผลกำไร เหนือกว่าความปลอดภัยและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งนั่นไม่จริงเลย”

อย่างไรก็ตาม ในห้วงเดียวกันนั้น อาร์ตูโร เบจาร์ ก็พยายามผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก โดยแจ้งปัญหาไปยัง เชอริล แซนด์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของเฟซบุ๊ก และอาดัม มอสเซอรี ของอินสตาแกรม

ในวันเดียวกับที่ฟรานเชส ฮาวเก้น เข้าให้ปากคำที่วุฒิสภา นั้น อาร์ตูโร เบจาร์ ส่งอีเมลไปยังนายใหญ่ ซัคเคอร์เบิร์ก แจ้งถึงผลการวิจัยอย่างละเอียดว่าจากการวิจัยเชิงสถิติพบว่า ยูเซอร์วัยรุ่นประสบกับอันตรายขณะเล่นอินสตาแกรม ในระดับที่มากมายกว่าที่เคยคิดกัน โดย เบจาร์ ระบุชัดเจนว่าเด็กวัยรุ่นหลายล้านรายเจอปัญหาด้านความปลอดภัยขณะใช้แอปต่างๆ ของเมตา เดอะเทเลกราฟรายงาน

อีเมลดังกล่าวของ ผ.อ.เบจาร์ ไม่ได้รับความสนใจ และ ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ไม่ได้เขียนอะไรตอบกลับไป ส่งผลให้เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยเชื่อว่า ที่ผ่านมา ไม่มีการขยับทำอะไรที่ช่วยป้องกันยูสเซอร์วัยทีน เป็นเพราะบรรดาผู้ใหญ่ของบริษัทไม่ทราบขนาดของปัญหา แต่ตอนนี้ทุกคนยังคงนิ่งเฉย ทั้งที่ได้ทราบผลการวิจัยอย่างละเอียดกันแล้ว

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ร้ายกาจส่วนใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้ละเมิดกฎกติกาของอินสตาแกรม และแม้กระทั่งคอนเทนต์ที่ละเมิดกฎกติกาชัดเจน ก็มีมากที่ไม่ถูกรายงาน อาทิ ครึ่งหนึ่งของผู้เล่นอินสตาแกรมประสบกับคอนเทนต์เลวร้ายกันในช่วง 7 วันก่อนการตอบแบบสอบถาม แต่จำนวนการรายงานแจ้งปัญหานั้น ปรากฏเพียง 1% ที่แจ้งเป็นรายงานขึ้นมา และมีเพียง 2% ของจำนวนอันน้อยนิดเหล่านั้นที่มีการดำเนินการ

ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว (2023) ซึ่ง อาร์ตูโร เบจาร์ เข้าไปให้ปากคำแก่สมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของเด็กๆ ที่ใช้แพลตฟอร์มของเมตา เขาได้พูดคุยกับมากมายของผู้ปกครองเด็กทีนเอจที่ตกเป็นเหยื่อ แล้วก็ถ่ายทอดให้นักข่าวของเอพีว่า

อันตรายที่เด็กๆ ประสบ ที่ทำให้ชีวิตของหลายคนดับสูญนั้น เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ทั้งสิ้น

นอกจากนั้น สิ่งที่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ออกมาบอกว่า ‘งานของเมตาคือการสร้างเครื่องมือที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถพัฒนาขึ้นได้’ เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ นั้น มันไม่เป็นความจริงเลย


“พวกเขาทราบดีว่าเด็กวัยรุ่นต้องประสบกับอันตรายมากมายเพียงใด กระนั้นก็ตาม พวกเขาก็ไม่ทุ่มเทที่จะลดปัญหา และที่สำคัญกว่าอื่นใด คือ ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา พวกเขามีโครงสร้างพื้นฐานที่จะนำมาดำเนินการได้ มีผลการวิจัยที่จะนำมาใช้งานได้ มีผู้คนพร้กพร้อม ประเด็นหลักอยู่ที่การให้ความสำคัญ” เบจาร์ ประกาศปัญหาออกมาตรงๆ

โดย เบจาร์ บอกว่า มีอีเมลต่างๆ และมีคำให้การของ ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทเมตาและตัว ซักเคอร์เบิร์ก ไม่ใส่ใจกับอันตรายที่เด็กวัยรุ่นเจอขณะใช้แพลตฟอร์มของเมตานั่นเอง เอพีรายงาน

ในการนี้ อาร์ตูโร เบจาร์ ย้ำถึงคำเตือนของ นิค เคล็กก์ ประธานฝ่ายกิจการทั่วโลกของเมตา ที่ส่งอีเมลไปยัง ซัคเคอร์เบิร์ก ว่าผลิตภัณฑ์ของเมตาส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็กวัยรุ่น ซึ่งทำให้นักการเมืองในอเมริกา อังกฤษ สหภาพยุโรป และออสเตรเลียหันมาจับตาพฤติกรรมของเมตา พร้อมกับเสนอขอวิศวกร 84 รายจากกำลังพลที่มีอยู่ 30,000 ราย มาดำเนินการแก้ไข

แต่ ซัคเคอร์เบิร์ก ไม่สนใจอีเมลนี้ของ นิค เคล็กก์ เลย ปัญหาของเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องที่ ซัคเคอร์เบิร์ก ให้ความสำคัญ เอพีรายงานคำพูดของ เบจาร์ ไว้อย่างนั้น


คุณพ่อไฮเม่ ปวยร์ตา จากซานตาคลาริตา รัฐแคลิฟอร์เนีย ถือภาพของบุตรชาย แดเนียล ปวยร์ตา-จอห์นสัน หนุ่มทีนเอจวัย 16 ปี ที่เล่นสแนปแชท และสแนปแชทเชื่อมโยงให้ผู้ค้ายาเสพติด อ็อกซีคอนติน และกลายเป็นกรณีเสียชีวิตเพราะยาอันตรายดังกล่าวในเดือนเมษายน 2020
ไล่ต้อนปิ้งย่าง ‘ซัคเคอร์เบิร์ก’: อัลกอริทึมของเมตาเชื่อมต่อให้ผู้โพสต์คอนเทนต์อนาจารเด็กทีนเอจ พบกับผู้สนใจซื้อ ได้อย่างฉลุยสะดวกรวดเร็ว

ขณะที่อันตรายมากมายยังเกิดขึ้นต่อเด็กวัยทีนที่เข้าไปใช้แอปต่างๆ ของเมตาอยู่ทุกวี่ทุกวัน โดยที่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ยืนกรานปากแข็งขันว่าเครื่องมือป้องกันของเมตานั้น เลิศล้ำกว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน นั้น ซัคเคอร์เบิร์ก ก็โดนกรรมาธิการของวุฒิสภาชำแหละเละเทะว่า “เครื่องมือปกป้องเด็กวัยทีน” ของเมตา ที่แท้แล้วสุดแสนจะอัปลักษณ์และน่าตกใจ เพราะมันกลับเปิดโอกาสให้ยูสเซอร์หัวงูและลามก สามารถเข้าไปดูภาพโป๊เด็กได้อย่างเหลือเชื่อ ประมาณเดียวกับการเป็นแหล่งรวมแคตาล็อกเด็กวัยรุ่นโป๊เปลือยกันเลยทีเดียว ตามรายละเอียดดังนี้

ส.ว.เท็ด ครูซ จัดหนักใส่บรรดาไททันผู้ยิ่งใหญ่แห่งซิลิคอนแวลเลย์ ว่าแพลตฟอร์มทั้งหลายยังมากมายด้วยพิษภัยจากพวกหัวงูและตลอดจนพวกคอนเทนต์อันตรายทั้งปวง
ขณะที่เหล่าจำเลยสังคมทั้งห้าก็อ้างนักหนาว่าทำสุดความสามารถกันแล้ว ในอันที่จะสร้างโล่ป้องกันเด็กๆ จากสิ่งที่ไม่เหมาะสม แล้วก็อ้างว่าไม่สามารถดูได้ทั่วถึงเพราะแพลตฟอร์มต่างๆ ของพวกตนมีขนาดและปริมาณมหึมาเหลือเกิน

ค่ายที่โดนอ่วมเละหน้าแตก คือ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก จำเลยสังคมหมายเลข 1 ซึ่งถูก ส.ว.เท็ด ครูซ สาดคำประณามเครื่องมือป้องกันของเมตาอย่างดุดันขั้นสุด ออกโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า

“คุณคิดอะไรของคุณ มันนรกจกเปรตแท้ๆ”


ในการนี้ ส.ว.เท็ด ครูซ เปิดฉากด้วยประเด็นว่าคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองทั่วอเมริกาต่างหวาดหวั่นกับคอนเทนต์ขยะที่ถูกป้อนเข้าไปยังลูกๆ หลานๆ

“ผมมีเด็กทีนเอจที่บ้านสองคน โทรศัพท์มือถือของน้องๆ คือช่องทางเชื่อมกับพวกพรานล่าเหยื่อ เชื่อมกับความชั่วร้ายทั้งหลาย เชื่อมกับการรังแกหยามหยาบใส่กัน และยังเชื่อมกับการทำร้ายตัวเอง... พวกคุณต้องดำเนินการเพิ่มมากขึ้นอีกมหาศาลเลยเพื่อจะป้องกันภัย” เสียงและภาพของ ส.ว.เท็ด ครูซ ปรากฏบนคลิปวิดีโอที่ ฟอร์บส์ นำขึ้นเผยแพร่ทางยูทูป

ส.ว.เท็ด ครูซบอก แล้วชี้ไปถึงสกู๊ปซีรีส์ยาวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อกลางปี 2021 ที่ระบุว่าบรรดาระบบแนะนำคอนเทนต์ของอินสตาแกรมนั่นแหละที่ช่วยเชื่อมโยงพวกเฒ่าหัวงูไปยังถึงแอคเคาท์ต่างๆ ที่โฆษณาขายคอนเทนต์เด็กวัยทีนโป๊ๆ เปลือยๆ

โดยบางแอคเคาท์เป็นของเด็กๆ บริหารจัดการกันเอง ซึ่งมักจะใช้คำรหัสกับอิโมจิในการโฆษณาขายภาพ-เสียงยั่วกาม นอกจากนั้น บางแอคเคาท์จะระบุเลยว่าเหยื่อทีนเอจที่เห็นในภาพเป็นกลุ่มที่นำเสนอเพื่อขายบริการทางเพศ ส.ว.เท็ด ครูซนำเสนอสภาพการณ์อันตรายบนอินสตาแกรมอย่างละเอียด

ส.ว.เท็ด ครูซ แฉแท็กติกที่ใช้บนอินสตาแกรม ที่ส่งผลเป็นการเอื้ออำนวยให้คนลามกและอาชญากรเข้าถึงภาพอนาจารเด็กวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะได้มาจากการล่อลวง รายละเอียดอยู่ในภาพ 23

แผ่นป้ายข้อความตัวหนังสือขนาดใหญ่ถูกวางบนขาตั้ง ให้เห็นกันชัดๆ ว่าเครื่องมือของอินสตาแกรมที่อ้างว่าเป็นตัวป้องกัน ที่แท้แล้ว มีความฉ้อฉลโจ่งแจ้งสุดๆ คือ พอเขียนคำเตือนไว้แล้ว (บรรทัดแรกของคำเตือนว่า ผลการค้นหาอาจมีภาพการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก) แล้วก็ยอมให้กดเข้าไปดูภาพอนาจารเด็กทีนเอจได้ตามอัธยาศัย ด้วยลิงก์บรรทัดล่างสุด (ในกรอบเส้นแดง) ภาพจากคลิปการไต่สวนเมื่อ 31 ม.ค. 2024 ที่ฟอร์บส์นำขึ้นเผยแพร่บนยูทูป
“ผมทราบว่าอินสตาแกรมมีทีมงานป้องกันการทำร้ายเด็กและการค้ากำไรจากร่างเปลือยของเด็กๆ วัยรุ่นบนแอป แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคืออัลกอริทึมของอินสตาแกรมนั่นแหละที่ส่งเสริมให้ยูสเซอร์หัวงูสามารถเสิร์จพบคอนเทนต์ที่ทำร้ายเด็กหากินจากเด็กๆ ได้อย่างง่ายดายและมากมาย

“ผมบอกได้เลยว่าคอนเทนต์แบบนี้ไม่ได้แอบแฝงในมุมมืดของอินสตาแกรมกันแล้ว เพราะอินสตาแกรมนั่นแหละช่วยให้เฒ่าหัวงูหาเจอได้ด้วยแฮชแท็ก มีกระทั่งแฮชแท็กคำว่า #เซ็กเด็กก่อนวัยทีน ที่ดึงดูดผู้ซึ่งมีแววชัดเจนว่ามุ่งจะมาหาซื้อบริการ”
ส.ว.เท็ด ครูซ กระชากหน้ากากของเมตากันตรงๆ

โดย ส.ว.เท็ด เผยแท็กติกที่ใช้บนอินสตาแกรมว่า

“อินสตาแกรมจะขึ้นข้อความเป็นเชิงเตือนยูสเซอร์ที่กำลังเสิร์จหาภาพของเด็กเหยื่อกาม ว่า ผลการค้นหาอาจมีภาพการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก”


ในจังหวะนั้น เจ้าหน้าที่ก็นำแผ่นป้ายข้อความตัวหนังสือขนาดใหญ่ขึ้นวางบนขาตั้ง ให้เห็นกันชัดๆ ว่าเครื่องมือของอินสตาแกรมที่อ้างว่าเป็นตัวป้องกัน ที่แท้แล้ว มีความฉ้อฉลโจ่งแจ้งสุดๆ คือ พอเขียนเตือนไว้แล้ว ก็ยอมให้กดเข้าไปดูได้ตามอัธยาศัย

“เสร็จแล้วคุณซัคเคอร์เบิร์ก! คุณให้ยูสเซอร์ 2 ทางเลือก ‘ต้องการขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่’ (เพื่อรายงานคอนเทนต์อันตราย) หรือ ‘ยังไงก็จะขอดูผลการค้นหา’!!

“คุณซัคเคอร์เบิร์ก คุณคิดนรกจกเปรตอะไรของคุณ” ส.ว.เท็ด ครูซ ถามตรงไปที่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ในน้ำเสียงเหยียดหยาม โดยมีเสียงโห่สะใจดังขึ้นภายในห้องควบคู่ไปด้วย


กล้องของนิตยสารฟอร์บส์ ตัดไปจับใบหน้าของ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งพยายามพูดช้าๆ พลางคิดไม่ค่อยออก บอกว่าการที่ขึ้นคำเตือน เป็นเพราะอยากจะพาให้ยูสเซอร์หันไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ดีกว่าจะบล็อกกันตั้งแต่ต้น

ส.ว.เท็ด ครูซ โวยกลับเสียงเหลืออดเหลือทนว่า

“คุณ! อะไรนะ! ผมเข้าใจแหละ คำว่าขอความช่วยเหลือน่ะ แต่เฮ้ย มันจักรวาลไหนที่สติสัมปชัญญะดีๆ จะให้ลิงก์เข้าไปดูภาพอนาจารเด็ก!!”


สีหน้าของซีอีโอแห่งเมตาออกอาการเกร็งๆ ช็อกๆ ทั้งเลียริมฝีปาก ทั้งกระพริบตาปริบๆ กล้ำกลืนความละอายแก่ใจ หลังจากนั้นจึงเลิกพยายามคิดประเด็นแก้ตัว และยอมรับผิดด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“ก็.. เพราะเรา...อาจจะผิดครับ” มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ตอบอย่างนั้น แต่ก็ไม่วายจะตะกุกตะกักต่อไปแบบไม่มีเนื้อหาอยู่ในถ้อยคำว่า “เราพยายามให้มีคำเตือน ตอนนั้นเราคิดว่ายังมีโอกาสที่จะ...”

ประโยคขาดตอนเพราะ ส.ว.เท็ด ครูซ ตัดบทเข้าไปว่า

“เอาล่ะ คุณอาจจะผิดนะ ... ขอผมถามว่า จอข้อความเตือนแบบนี้ปรากฏขึ้นมากี่ครั้งแล้ว”

“ผมไม่ทราบครับ”

“ทำไมจะไม่ทราบ”

“ผมไม่ทราบคำตอบจริงๆ คิดหาไปจนหมดศีรษะแล้วครับ”

ส.ว.เท็ด ครูซ ล้งเล้งอัดหนักว่า กรรมาธิการเคยส่งหนังสือสอบถามเรื่องนี้ไปยังเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ตั้งแต่เมื่อมิถุนายน 2023 แต่เมตาไม่ยอมแจ้งกลับมา

ปฏิกิริยาของมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ขณะถูก ส.ว.เท็ด ครูซ ถามล้งเล้งว่า “ผมเข้าใจแหละ คำว่าขอความช่วยเหลือน่ะ แต่เฮ้ย มันจักรวาลไหนที่สติสัมปชัญญะดีๆ จะให้ลิงก์เข้าไปดูภาพอนาจารเด็ก!!”


บรรยายคลิปที่2
คลิปเผ็ดร้อนที่ ส.ว.เท็ด ครูซ อัดหนักไต่สวน มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งแฉชัดว่าคอนเทนต์อนาจารเด็กทีนเอจไม่ได้แอบแฝงในมุมมืดของอินสตาแกรมกันแล้ว เพราะอินสตาแกรมนั่นแหละช่วยให้คนลามก-เฒ่าหัวงู-และตัวกินเด็ก หาเจอได้ด้วยแฮชแท็ก

ปมปัญหาว่าจอมยักษ์เมตาสร้างระบบดังกล่าวนี้ ที่ช่วยเชื่อมโยงให้ยูสเซอร์กลุ่มหัวงูสามารถเข้าถึงคอนเทนต์เด็กทีนเอจโป๊เปลือย ถูก ส.ว.มาร์ชา แบล็กเบิร์น ซึ่งศึกษาและผลักดันการแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยของเด็กวัยรุ่นขณะใช้อินเทอร์เน็ตมาอย่างเนิ่นนานแบบจิกติดจิกไม่ปล่อย นำไปตั้งคำถามใส่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก อย่างดุเดือดว่า

“คุณซัคเคอร์เบิร์ก ดูเหมือนว่าคุณกำลังพยายามเป็นแหล่งค้ามนุษย์บำเรอกามชั้นแนวหน้าของอเมริกา”


และเมื่อซัคเคอร์เบิร์กปฏิเสธเสียงแข็ง ส.ว.แบล็กเบิร์นจึงถามว่า “แล้วทำไมคุณไม่เอาออก”

“เราเอาออกครับ” ซีอีโอแห่งเมตากล่าวอ้างอย่างนั้น เดลิเมลออนไลน์รายงาน

“ไม่เลย คุณไม่ได้เอาออก กรรมาธิการทำงานเรื่องนี้นานเป็นทศวรรษ คุณมีกองทัพนักกฎหมายกับนักล็อบบี้มาคอยสู้กับกรรมาธิการในเรื่องนี้ในทุกขั้นตอนมาโดยตลอดเลย” ส.ว.แบล็กเบิร์นกล่าว

พร้อมกันนี้ อัยการสูงสุดแห่งรัฐนิวเม็กซิโกก็อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ว่าเป็น “ตลาดซื้อขายใหญ่ที่สุดที่ให้บริการแก่อาชญากรจอมล่าเหยื่อและบรรดาพวกหัวงูลามกจากทั่วโลก”

ปัจจุบันนี้ ร่างกฎหมายส่งเสริมความปลอดภัยของเด็กๆ ขณะใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ อันได้แก่ Kids Online Safety Act (KOSA) ซึ่งสาธารณชนให้ความสนใจอย่างยิ่งยวด ได้เข้าสู่กำหนดการพิจารณาของวุฒิสภาปี 2024 แล้ว โดยได้รับการบรรจุตั้งแต่ 13 ธันวาคม 2023 เว็บไซต์ www.congress.gov/bill/118th-congress ให้ข้อมูลไว้อย่างนั้น

ทั้งนี้ การไต่สวนเมื่อ 31 มกราคม 2024 เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพิจารณา ซึ่งอาจชี้ได้ว่า มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก อับจนต่อข้อเท็จจริงที่คณะกรรมาธิการวุฒิสภามีอยู่ในมือ จนกระทั่งแก้ต่างได้น้อยเหลือเกิน ในเวลาเดียวกัน โอกาสจึงมีสูงลิ่วที่ร่างกฎหมายนี้จะผ่านเป็นกฎหมายออกมา พร้อมกับยกเลิกกฎหมายมาตรา 230 ที่คุ้มครองพฤติกรรมในปัจจุบันของแพลตฟอร์มต่างๆ มาโดยตลอด แม้จะต้องไฝว้หนักกับพวกที่ ส.ว.แบล็กเบิร์ก เรียกว่า กองทัพนักกฎหมายกับนักล็อบบี้ที่คอยสู้กับกรรมาธิการในเรื่องนี้ในทุกขั้นตอนมาโดยตลอด

ช็อตต่อๆ ไปในอนาคตอันไม่ไกล จะต้องมีทีเด็ดทีขาดต่างๆ ออกมาจากคณะกรรมาธิการฯ ให้สาธารณชนได้ฮือฮากันอย่างเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อปี 2024 เป็นศักราชแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นปีทองที่นักการเมืองจะเร่งทำผลงานเพื่อผลกระทบดีๆ ต่อการเลือกตั้ง

ส.ว.ริชาร์ด บลูเมนธอล พรรคเดโมแครตรัฐคอนเนทิคัต  และส.ว.มาร์ชา แบล็กเบิร์น พรรครีพับลิกันรัฐเทนเนสซี ประสานความร่วมมือกันจัดทำและนำเสนอร่างกฎหมาย Kids Online Safety Act (KOSA) เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาตั้งแต่ปี 2021/22 และในวาระแห่งการไต่สวน ส.ว.แบล็กเบิร์น คำถามใส่ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก อย่างดุเดือดว่า “คุณซัคเคอร์เบิร์ก ดูเหมือนว่าคุณกำลังพยายามเป็นแหล่งค้ามนุษย์บำเรอกามชั้นแนวหน้าของอเมริกา” ทั้งนี้ ส.ว.แบล็กเบิร์น หมายถึงการที่อัลกอริทึมของ อินสตาแกรม จะสนับสนุนและเชื่อมโยงคนลามกหมกมุ่นในกาม ให้ได้เจอกับแอคเคาท์ที่เสนอภาพอนาจารเด็ก ซึ่งในทางปฏิบัติ มันคือแคตาล็อกนำเสนอสินค้านั่นเอง
คอลัมน์ PLANET No.3

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า


(ที่มา: เอบีซีนิวส์ ยูเอสเอทูเดย์ นิวยอร์กโพสต์ บิสซิเนสไทมส์ วอชิงตันโพสต์ เทเลกราฟ เดลิเมลออนไลน์ วอลล์สตรีเจอร์นัล โวค ฟอร์บส์ เอพี รอยเตอร์ เว็บไซต์ของรัฐสภาอเมริกัน)

กำลังโหลดความคิดเห็น