Hundreds of Ukrainian Troops Feared Captured or Missing in Chaotic Retreat
By Julian E. Barnes, Thomas Gibbons-Neff and Eric Schmitt, THE NEW YORK TIMES.
20/02/2024
การสูญเสียเมืองอัฟดิอิฟกาให้แก่รัสเซีย อาจมีความสำคัญมากกว่าที่เคยคาดคิดกันเอาไว้ในตอนแรกๆ ในขณะที่เวลานี้ยูเครนต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักกับปัญหาขวัญกำลังใจทหารตกต่ำ และการระดมเกณฑ์ทหารใหม่ก็อยู่ในภาวะชะงักงัน
ทหารยูเครนหลายร้อยคนน่าจะถูกจับกุมโดยพวกหน่วยทหารรัสเซียที่กำลังบุกเข้ามาหรือไม่ก็สูญหายไปในระหว่างการล่าถอยอย่างอลหม่านวุ่นวายของยูเครนจากเมืองอัฟดิอิฟกา (Avdiivka) ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ทั้งนี้ตามปากคำของพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของฝ่ายตะวันตกหลายคน ตลอดจนของทหารที่กำลังสู้รบให้ยูเครนหลายๆ นาย ถือเป็นความสูญเสียระดับหายนะที่อาจเป็นการตีกระหน่ำอย่างรุนแรงใส่กองทัพยูเครน ซึ่งอยู่ในสภาพที่ขวัญกำลังใจไม่ค่อยดีอยู่ก่อนแล้ว
การที่ฝ่ายรัสเซียสามารถยึดเมืองอัฟดิอิฟกาได้ กำลังกลายเป็นความสูญเสียเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับพวกทหารยูเครน และก็เป็นสัญญาณประการหนึ่งซึ่งชี้ให้เห็นผลกระทบที่มีต่อสมรภูมิจากความบกพร่องล้มเหลวของรัฐสภาสหรัฐฯ ที่จวบจนถึงเวลานี้ยังคงไม่อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารให้แก่เคียฟเพิ่มเติมขึ้นอีก ขณะที่พวกซัปพลายของกระสุนปืนใหญ่ซึ่งร่อยหรอลงไปทุกทีๆ ทำให้ยูเครนประสบความลำบากขึ้นมากแม้กระทั่งการที่จะตรึงแนวรบเอาไว้ให้อยู่
มีการประมาณการอย่างแตกต่างหลากหลายทีเดียว เกี่ยวกับจำนวนทหารยูเครนที่ถูกจับหรือสูญหายไป และการนับจำนวนที่แม่นยำแน่นอนอาจจะยังไม่สามารถกระทำได้จนกว่ายูเครนสามารถทำให้แนวป้องกันใหม่ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาบริเวณนอกเมืองอัฟดิอิฟกามีความเข้มแข็งเหนียวแน่นเพียงพอเสียก่อน กระนั้นทหาร 2 นายซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับการถอยทัพของยูเครนได้ประมาณการคร่าวๆ ออกมาว่า น่าจะอยู่ระหว่าง 850 จนถึง 1,000 นาย และพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกบอกว่าระดับที่ว่านี้ดูเหมือนจะถูกต้อง
พวกเจ้าหน้าที่อเมริกันหลายคนพูดว่า การสูญเสียอัฟดิอิฟกาไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดเป็นการเพลี่ยงพล้ำทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และให้เหตุผลข้อโต้แย้งของพวกเขาในเรื่องนี้ว่า การที่ฝ่ายรัสเซียจะบุกอย่างได้ผลในยูเครนตะวันออกเช่นนี้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องนำไปสู่การล่มสลายของแนวป้องกันทั้งหมดของฝ่ายยูเครน โดยที่มอสโกยังไม่น่าที่จะสามารถติดตามเก็บเกี่ยวผลด้วยการเปิดการรุกใหญ่อีกระลอกหนึ่ง
อย่างไรก็ดี การที่มีทหารยูเครนถูกจับไปหลายร้อยนายเช่นนี้ อาจทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงการคิดคำนวณกันเสียใหม่ก็เป็นได้ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเจ้าหน้าที่อเมริกันพูดเอาไว้ว่าขวัญกำลังใจในหมู่ทหารยูเครนกำลังลดน้อยถอยลงอยู่แล้ว สืบเนื่องจากความล้มเหลวของการรุกตอบโต้ในปีที่แล้ว และการโยกย้ายเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการของกองทัพ เจ้าหน้าที่เหล่านี้กล่าวต่อไปว่า เพราะปัญหาต่างๆ เหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ฝ่ายทหารของยูเครนเวลานี้ต้องสาละวนดิ้นรนกับปัญหาการเกณฑ์ทหารใหม่ๆ เข้ากองทัพ
พวกนายทหารชาวยูเครนบอกกันเอาไว้ว่า พวกเขาต้องการระดมเกณฑ์ทหารเพิ่มเข้ามาอีก 500,000 คน ทว่าคำขอดังกล่าวนี้ประสบกับแรงต่อต้านทางการเมือง และเวลานี้จอดนิ่งคาอยู่ในรัฐสภา มาถึงตอนนี้ เมื่อมีทหารถูกจับไปหลายร้อยคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพวกที่ผ่านประสบการณ์ในสมรภูมิมาแล้วด้วย จึงทำให้ความจำเป็นต้องมีกำลังทหารเพิ่มมากขึ้น ยิ่งกลายเป็นเรื่องเคร่งเครียดร้ายแรง เวลาเดียวกันนั้นก็เพิ่มความยุ่งยากให้แก่ความพยายามที่จะระดมกะเกณฑ์ทหารใหม่เข้ามา
ผลก็คือ เรื่องอัฟดิอิฟกาแตกจึงอาจจะมีความสำคัญมากยิ่งกว่าที่ขบคิดกันเอาไว้ในตอนแรกๆ
ทางฝ่ายกองบัญชาการทหารของยูเคตรนนั้น ขณะที่ยอมรับว่ามีทหารบางส่วนถูกจับจากการถอยทัพออกจากอัฟดิอิฟกา แต่ก็พยายามที่จะลดทอนทั้งตัวเลขและความสำคัญของเรื่องนี้
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พลจัตวา โอเล็กซานดร์ ทาร์นาฟสกี (Oleksandr Tarnavsky) ผู้บัญชาการของทหารยูเครนที่สู้รบอยู่ในบริเวณนี้ กล่าวทางแอปรับส่งข้อความ “เทเลแกรม” ว่า การล่าถอยดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ ทว่า “ในช่วงสุดท้ายของการปฏิบัติการ ภายใต้แรงกดดันจากกองกำลังที่เหนือกว่าของข้าศึก ทหารยูเครนบางนายได้ถูกจับกุมตัว” เขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่ามีทหารถูกจับไปเป็นจำนวนเท่าใด
ขณะที่ ดมิโตร ลีโควี (Dmytro Lykhovii) ผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษกให้แก่นายพลทาร์นาฟสกี ก็ออกมาโต้แย้งรายงานข่าวที่ว่ามีทหารถูกจับไปหลายร้อยนาย โดยเรียกข่าวดังกล่าวว่าเป็นข่าวสารเท็จ กระนั้นเขายอมรับว่ารัสเซียได้จับกุมทหารไปได้บางคนจริง รวมทั้งมีทหาร “จำนวนหนึ่ง” ที่ยังคงสูญหายอยู่
มีนายทหารอาวุโสชาวยูเครนผู้หนึ่งยืนกรานว่า ระหว่างการถอยทัพออกไปจากอัฟดิอิฟกา ทหารถูกจับไปเป็นเชลยเพียงแค่ 6 คนเท่านั้น ทหารเหล่านั้นซึ่งสังกัดกองพลน้อยโจมตีส่วนแยกที่ 3 (Third Separate Assault Brigade) ถูกจับ หลังจากที่พวกเขาหมดเครื่องกระสุน และสูญเสียการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายทหารของยูเครน นายทหารผู้นี้ยืนยัน
แต่ทหารบางนายรวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกระบุว่า ความบกพร่องล้มเหลวไม่สามารถดำเนินการถอยทัพอย่างมีระเบียบ รวมทั้งความอลหม่านวุ่นวายซึ่งเผยให้เห็นเมื่อวันที่ 16 และวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ขณะที่แนวป้องกันพังครืนลง คือตัวการสำคัญที่สุดซึ่งต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อการที่ดูเหมือนมีทหารเป็นจำนวนมากถูกฝ่ายรัสเซียจับไป
พวกเขาบอกว่า การถอยของฝ่ายยูเครนนั้นทั้งวางแผนกันออกมาอย่างย่ำแย่มาก แล้วก็เริ่มต้นช้าเกินไปอีกด้วย ทั้งทหารและพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกเหล่านี้พูดให้ฟังโดยขอสงวนนามเนื่องจากเป็นการแสดงความเห็นประเมินค่าข่าวกรองที่มีความอ่อนไหว ในลักษณะเป็นทัศนะที่แตกต่างไปจากคำแถลงของทางการรัฐบาลยูเครน
การถอยทัพในขณะที่ฝ่ายข้าศึกระดมยิงปืนใหญ่, มีการใช้โดรน, และใช้การโจมตีทางอากาศคอยกระหน่ำลงใส่อย่างไม่ขาดสายนั้น ถือเป็นหนึ่งในการเคลื่อนกำลังทหารซึ่งยากลำบากที่สุด เป็นการท้าทายพวกผู้บังคับบัญชาให้ต้องพยายามลดการสูญเสียชีวิตให้เหลือน้อยที่สุด และเปิดทางให้หน่วยต่างๆ ถอยหลังกลับไปได้โดยไม่ต้องสูญเสียดินแดนมากกว่าที่ตั้งใจกันไว้
เมื่อพิจารณาโดยอาศัยการสัมภาษณ์พวกทหาร กองกำลังของยูเครนไม่ได้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมรับมือเลยว่า ฝ่ายรัสเซียซึ่งบุกเข้าไปในอัฟดิอิฟกาคราวนี้ จะสามารถรุกได้อย่างรวดเร็วขนาดไหน
ยูเครนพยายามที่จะซื้อเวลาเพื่อให้กองทหารราบปกติของตนสามารถถอยทัพออกไปจากเมืองได้อย่างปลอดภัย ด้วยการใช้กองกำลังทหารปฏิบัติการพิเศษ และกองพลน้อยโจมตีหน่วยแยกที่ 3 ที่เป็นกองทหารชั้นนำของตน เป็นกำลังคอยคุ้มกันการล่าถอย ทว่าหน่วยทหารเหล่านี้ไม่สามารถชะลอการบุกของฝ่ายรัสเซีย หรือนำเอาทหารยูเครนทุกๆ นายออกไปได้ทั้งหมด
พวกนายทหารอาวุโสของยูเครนยังอ้างว่า กองกำลังฝ่ายรัสเซียก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนักหน่วงในการสู้รบ พวกเขาบอกว่ารัสเซียเข้ายึดอัฟดิอิฟกาโดยอาศัยการหักหาญด้วยกำลังพล โดยส่งกองทหารและยานเกราะรุกเข้าใส่จนกระทั่งแนวป้องกันของฝ่ายยูเครนพังลงไป พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้บอกว่าทหารรัสเซียถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนพันๆ นายทีเดียว
การล่าถอยอย่างอลหม่านวุ่นวายนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การถอยทัพที่ไม่ต้องประสบการสูญเสียอย่างหนักหน่วงเป็นเรื่องทำได้ยากก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ถ้าหากกระทำกันโดยผ่านการขบคิดอย่างรอบด้านและไม่เร่งรีบผลีผลาม ทั้งนี้ตามความเห็นของพวกนักยุทธศาสตร์ชาวอเมริกัน
ในอัฟดิอิฟกา ยูเครนดูเหมือนรอคอยนานเกินไปกว่าจะเริ่มการถอย และการถอยทัพอย่างหวาดกลัวลนลานก็เปลี่ยนเป็นการสูญเสียราคาแพงได้อย่างรวดเร็วมาก
สำหรับฝ่ายยูเครนแล้ว ความท้าทายของการถอยทัพออกจากอัฟดิอิฟกามีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่ารัสเซียสามารถล้อมเมืองนี้เอาเอาไว้เกือบๆ 3 ด้านเต็มๆ มีถนนที่เคลียร์เอาไว้แล้วสายเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับการเข้าไปและออกมาจากอัฟดิอิฟกา เส้นทางสายนี้ซึ่งพวกทหารยูเครนตั้งฉายาให้ว่าถนนแห่งชีวิต (the road of life) ตกอยู่ใต้การคุกคามโดยตรงของฝ่ายรัสเซียตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ของเดือนนี้ ทำให้การถอยยิ่งเป็นเรื่องอันตรายมากขึ้นไปอีก
เมื่อตอนที่กองกำลังยูเครนเริ่มต้นถอนตัวออกมานั้น ภาพจากคลิปวิดีโอและรูปถ่ายต่างๆ ซึ่งเผยแพร่กันทางสื่อแบบเปิดกว้างและยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบยืนยัน แสดงให้เห็นว่าหน่วยทหารเหล่านี้กำลังล่าถอยท่ามกลางห่ากระสุนปืนใหญ่ และมีศพจำนวนหนึ่งกระจายเกลื่อนไปตามถนนและไปตามแนวแถวต้นไม้ ทั้งนี้ พวกหน่วยทหารของยูเครนประสบกับปัญหาในเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างพวกเขากันเองมานานแล้ว เพราะพวกเขามักมีอุปกรณ์วิทยุสื่อสารที่แตกต่างกัน พวกทหารซึ่งมีความรู้เรื่องการถอยทัพคราวนี้กล่าวว่าปัญหาการติดต่อสื่อสารคือปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการล่าถอย และนำไปสู่สภาพที่ทหารถูกจับ ถูกสังหาร และได้รับบาดเจ็บ
พวกทหารที่นิวยอร์กไทมส์ได้สอบถามสัมภาษณ์ เล่าเรื่องซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่ามีหน่วยทหารบางหน่วยรีบเร่งถอนตัวออกไปก่อนที่หน่วยอื่นๆ จะรู้ว่ามีการถอยทัพด้วยซ้ำ ในสภาพเช่นนี้จึงทำให้หน่วยที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกปิดล้อมจากฝ่ายรัสเซีย
ตั้งแต่ที่สงครามคราวนี้เริ่มต้นขึ้นมาเมื่อเกือบๆ 2 ปีก่อน กองกำลังฝ่ายรัสเซียได้พยายามที่จะเคลื่อนกำลังเข้าปิดล้อมและจับกองกำลังฝ่ายยูเครนเป็นเชลย แต่ด้วยเหตุที่มีการเตรียมตัวป้องกันเอาไว้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีโดรนซึ่งบินอยู่เหนือศีรษะคอยตรวจการณ์และเตือนภัย จึงได้ช่วยปัดเป่าไม่ให้ความพยายามจำนวนมากในลักษณะนี้ของฝ่ายรัสเซียประสบความสำเร็จ ทว่าสำหรับในอัฟดิอิฟกาคราวนี้ การเคลื่อนเข้าปิดล้อมของฝ่ายรัสเซียดูเหมือนจะได้ผล พวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกบ่งชี้ว่าการเคลื่อนกำลังเข้ามาของฝ่ายรัสเซียคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทหารยูเครนถูกจับในระหว่างการถอยทัพ
พวกคลิปวิดีโอที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบยินยันซึ่งโพสต์กันบนโซเชียลมีเดีย ยังแสดงให้เห็นว่ากำลังทหารรัสเซียได้เข่นฆ่าประหารชีวิตกองทหารยูเครนทั้งภายในและรอบๆ เมืองอัฟดิอิฟกา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สำนักงานอัยการในแคว้นโดเนตสก์ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ระบุในข้อความที่โพสต์ทาง เทเลแกรม ว่า พวกเขากำลังเปิดการสอบสวนกรณี “การยิงใส่เชลยศึกชาวยูเครนปราศจากอาวุธ ทั้งที่เกิดขึ้นในอัฟดิอิฟกา และ เวเซเล (Vesele)”
ทำเนียบเครมลินเองก็ดูเหมือนไม่ได้ทันตั้งตัวเตรียมพร้อมรับกับการล้มครืนลงไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ของฝ่ายยูเครนในอัฟดิอิฟกา บ่อยครั้งทีเดียว การโฆษณาชวนเชื่อของเครมลินซึ่งกระทำผ่านทางสื่อมวลชนด้านข่าวที่รัฐควบคุมอยู่ จะเป็นตัวนำของธีมทางโซเชียลมีเดียรัสเซีย โจนาธาน เทิบเนอร์ (Jonathan Teubner) ซีอีโอของ ฟิลเตอร์แล็บส์ เอไอ (FilterLabs AI) ซึ่งศึกษาเรื่องการส่งข้อความแมสเซสจิ้ง และมติมหาชนของรัสเซีย กล่าวอธิบาย ทว่าในขณะที่การป้องกันของฝ่ายยูเครนในอัฟดิอิฟกาล้มครืนลงนั้น การแสดงความคิดเห็นถกเถียงกันบนโซเชียลมีเดียรัสเซียได้เริ่มต้นปรับเปลี่ยนแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เครมลินตั้งเนื้อตั้งตัวได้และปล่อยข้อความใหม่ๆ ออกมา
“รัสเซียก็ไม่ได้เตรียมตัวพรักพร้อมรับมือจริงๆ กับเรื่องนี้เหมือนกัน ในแง่ของการเตรียมโฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ก่อนเพื่อโหมระดมโจมตี” เทิบเนอร์ กล่าว “ตอนนี้พวกเขาตีกระหน่ำใส่เรื่องนี้กันใหญ่ กระนั้นก็ยังไม่ได้มีแคมเปญระดมส่งข้อความแบบประสานงานกันพรักพร้อมอย่างประสบความสำเร็จออกมาให้เห็นกันเลย”
เรื่องเชลยศึก ถือเป็นความท้าทายใหญ่โตที่สุดเรื่องหนึ่งต่อขวัญกำลังใจ สำหรับสงครามทุกๆ สงคราม ยูเครนนั้นพยายามบีบคั้นกดดันรัสเซียซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ยอมตกลงแลกเปลี่ยนเชลยศึกกัน
นับจนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลยูเครนแถลงว่ารัสเซียมีบุคลากรทางทหารชาวยูเครนคุมขังเอาไว้เป็นจำนวน 3,574 คน
ในเดือนมกราคมปีนี้ ยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธแพทริออต (Patriot) ที่ฝ่ายตะวันตกจัดหาจัดส่งให้ ยิงเครื่องบินขนส่งรัสเซียลำหนึ่งตก โดยที่พวกเจ้าหน้าที่คิดว่ามันกำลังลำเลียงขีปนาวุธและพวกเครื่องกระสุน พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่าเครื่องบินดังกล่าวกำลังบรรทุกเชลยศึกชาวยูเครนต่างหาก ทางด้านพวกเจ้าหน้าที่อเมริกันก็กล่าวว่าดูเหมือนมีความเป็นไปได้ที่จะมีเชลยศึกชาวยูเครนบางคนอยู่บนเครื่องบินลำนั้น
จูเลียน อี. บาร์นส์ (Julian E. Barnes) ทำหน้าที่รายงานข่าวเกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองต่างๆ ของสหรัฐฯและเรื่องราวความมั่นคงระหว่างประเทศให้แก่นิวยอร์กไทมส์ โดยที่ได้เขียนข่าวเกี่ยวกับประเด็นปัญหาความมั่นคงมาแล้วกว่า 2 ทศวรรษ
โธมัส กิบบอนส์-เนฟฟ์ (Thomas Gibbons-Neff)เป็นผู้สื่อข่าวชาวยูเครน และเป็นอดีตทหารราบนาวิกโยธิน (Marine infantryman)
อีริค ชมิตต์ (Eric Schmitt) เป็นผู้สื่อข่าวด้านความมั่นคงแห่งชาติให้นิวยอร์กไทมส์ โดยโฟกัสที่กิจการทางทหารของสหรัฐฯ และประเด็นปัญหาการต่อต้านการก่อการร้ายในต่างแดน ซึ่งเป็นหัวข้อที่เขาทำหน้าที่รายงานข่าวมาเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษ
ทั้งนี้ จูเลียน อี. บาร์นส์ และ อีริค ชมิตต์ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ขณะที่ โธมัส กิบบอนส์-เนฟฟ์ รายงานจากเมืองซูมี (Sumy) ประเทศยูเครน