xs
xsm
sm
md
lg

PLANET#3: รบ.ไบเดน‘แถ’กันดื้อๆ: ตอนปรินซ์แฮร์รีเขียน ‘Spare’ เรื่องเสพยา ทรงไม่ได้อยู่ใต้คำสาบาน - ก็ปกป้องซะเกินเบอร์ คงเจอคุณพ่อขอมา!?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รัฐบาลอเมริกันแสดงพิรุธอย่างชัดเจนว่า ต้องการปกปิดข้อมูลกรณีปรินซ์แฮร์รีทรงตอบคำถามเรื่องที่ว่าเคยเสพยาเสพติดหรือไม่ ในแบบฟอร์มขอวีซาเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2020 ทั้งนี้ ชาวโลกต่างทราบกันทั่วหน้าว่าปรินซ์ทรงเล่าไว้อย่างละเอียดด้วยพระองค์เองในหนังสืออัตชีวประวัติเรื่อง Spare ว่าทรงเคยเสพโคเคน กัญชา อีกทั้งเห็ดหลอนประสาท-แมจิกมัชรูม กระนั้นก็ตาม ตัวแทนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิให้การต่อศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางเมื่อวันพฤหัสบดี 23 กุมภาพันธ์ 2024 แบบแถกันดื้อๆ ว่าข้อเขียนใน Spare มิใช่พยานหลักฐานภายใต้คำสาบาน เพราะอาจจะทรงเขียนเพื่อโปรโมทการขายหนังสือ ท่าทีนี้ของรัฐบาลอเมริกันไม่ใช่เรื่องฉลาดและมีแต่จะสร้างความเดือดดาลขึ้นในใจสาธารณชน
เรื่องอื้อฉาวที่เจ้าชายแฮร์รีเปิดเผยพระองค์เองว่าเสพโคเคน กัญชา เห็ดหลอนประสาทแมจิกมัชรูม อันปรากฏอย่างละเอียดในหนังสืออัตชีวประวัติ เรื่อง Spare นั้น มิใช่หลักฐาน “พิสูจน์” ว่าพระองค์เคยเสพยาอย่างนั้นจริง เพราะข้อเขียนดังกล่าวอาจเป็นลูกเล่นเพื่อ “ขายหนังสือ” รัฐบาลอเมริกันโต้ไว้อย่างนั้นขณะขึ้นให้การที่ศาลชั้นต้นรัฐบาลกลาง เมื่อวันพฤหัสบดี 23 กุมภาพันธ์ 2024 เว็บข่าว NYBreaking.com รายงาน

การกล่าวอ้างของตัวแทนรัฐบาลไบเดน ซึ่งทำท่านผู้ชมอึ้งกันไปทั่วว่า กล้าแถขั้นสุด เป็นคำโต้ตอบประเด็นฟ้องร้องที่มูลนิธิเฮอริเทจฟาวเดชัน (สถาบันคลังสมองสายอนุรักษ์นิยมซึ่งทรงอิทธิพลอย่างยิ่งของสหรัฐอเมริกา) บีบให้รัฐบาลต้องยอมเปิดเผยข้อมูลที่ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ทรงกรอกในแบบฟอร์มคำขอเข้าเมือง DHS DH160 บนข้อโต้แย้งว่าเรื่องนี้พัวพันกับการละเมิดกฎหมายป้องกันปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสาธารชนมีสิทธิ์ที่จะได้ทราบข้อเท็จจริง

ในการนี้ เฮอริเทจตั้งธงที่จะพิสูจน์ให้กระจ่างว่าเอกสารที่เจ้าชายแฮร์รีทรงยื่นขอวีซาเข้าสหรัฐอเมริกา มีการโกหกในเรื่องการใช้ยาเสพติดหรือไม่

แต่เมื่อกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ส่งให้นักกฎหมายของกระทรวงเป็นผู้แทนหน่วยงาน นามว่า จอห์น บาร์โด ไปให้การ เขาแถลงต่อศาลว่า เนื้อหาในหนังสือเรื่อง Spare ของเจ้าชายแฮร์รี ไม่ได้เป็นคำให้การหรือพยานหลักฐานภายใต้คำสาบานว่า พระองค์เคยเสพยา

ทั้งนี้ จอห์น บาร์โด นักกฎหมายแห่งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ตอบข้อซักถามจากทนายของมูลนิธิเฮอริเทจว่า

สิ่งที่บอกเล่าไว้ในหนังสือ ไม่ใช่จะเป็นความจริงไปหมด

พร้อมนี้ยังกล่าวด้วยว่า

คนเราก็จะพูดสิ่งต่างๆ เพื่อ “ขายหนังสือ”

ซึ่งเหล่านี้เป็นตรรกะที่จะตัดประเด็นการผิดกฎหมายในเรื่องการเสพยา และจะได้กลับไปสู่หลักการเดิมว่า รายละเอียดในแบบฟอร์มคำขอเข้าเมือง นำมาเปิดเผยไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าชายแฮร์รีเองก็ทรงมีพิรุธทีเดียวเชียว หากการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มขอวีซาเข้าอเมริกา มีความตรงไปตรงมา พระองค์ก็จะไม่ยอมเป็นจำเลยสังคม รวมทั้งจะไม่ปล่อยอึมครึมให้คนนินทา-หมาดูถูก อย่างยืดเยื้อข้ามปี ทั้งหลายทั้งปวงนี้น่าจะเรียกได้ว่ากรรมติดจรวด เพราะทรงประทับในประเทศที่เป็นหัวหอกระดับโลกในเรื่องปราบปรามยาเสพติด แต่พระองค์กลับนำเรื่องอ่อนไหวอย่างนี้ไปเขียนอัตชีวประวัติเพื่อโจมตีพระราชบิดา แล้วก็ต้องถูกถ้อยคำของพระองค์ย้อนศรมาสร้างความเดือดร้อน
คณะคลังสมองเฮอริเทจ โยงประเด็นที่ปรินซ์แฮร์รีเล็งจะขอสัญชาติอเมริกัน มาดูว่า รบ.ไบเดน จัดเต็มแบบพิเศษสุดๆ ให้ปรินซ์หรือไม่และอย่างไร

ในเวลาเดียวกัน คณะทนายของคณะคลังสมอง เฮอริเทจ ได้ยื่นเอกสารถอดเทปคำให้สัมภาษณ์พิเศษที่ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ทรงพูดออกรายการ กู๊ดมอร์นิงอเมริกา เมื่อศุกร์ 16 กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งดยุกพูดในตอนหนึ่งเกี่ยวกับการขอสัญชาติอเมริกัน โดยทีมทนายบอกว่า

เรื่องนี้จะสนับสนุนการฟ้องร้องให้รัฐบาลต้องเลิกปกปิดว่า ดยุกแฮร์รีแถลงในแบบฟอร์มคำขอเข้าเมืองว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือไม่


ในการยื่นเอกสารของเฮอริเทจมีการบอกว่า บรรดารายงานข่าวอันมากมายของสื่อมวลชน ได้ตั้งคำถามต่อกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิฯ ว่าการอนุมัติคำขอเข้าเมืองให้แก่ดยุกแห่งซัสเซกซ์นั้น เป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ในเมื่อดยุกแฮร์รีตกเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่องการกระทำความผิดด้านยาเสพติดบ่อยครั้งอย่างยิ่ง

โดยทั่วไป เมื่อมีการยื่นขอวีซา ผู้ยื่นเอกสารถูกกำหนดให้กรอกแบบฟอร์มวีซาDHS DH160 ซึ่งจะมีหัวข้อที่ถามว่า “ท่านเคยเสพยาเสพติด หรือเป็นผู้ติดยาเสพติดหรือไม่”

นอกจากนั้น ยังมีคำถามด้วยว่า “เคยละเมิดกฎหมายการควบคุมสารเสพติดหรือไม่”

หากติ๊กข้อที่ตอบว่า “ใช่” ผู้ยื่นขอวีซาสามารถทำเรื่องขอรับการยกเว้น-ผ่อนผัน และเข้าประเทศอเมริกาได้

ในการนี้ เฮอริเทจต้องการพิสูจน์ทราบว่า เจ้าชายแฮร์รีได้ทำการตอบความจริงว่าเคยเสพยาผิดกฎหมายต่างๆ มาแล้ว และติ๊กข้อที่ตอบว่า “ใช่” หรือเปล่า

ยิ่งกว่านั้น เฮอริเทจยังต้องการพิสูจน์ทราบว่า เจ้าชายแฮร์รีได้ทำเรื่องขอรับการผ่อนผัน หรือได้รับสิทธิพิเศษ หรือเปล่า


ทีมทนายความของเฮอริเทจย้ำในการยื่นฟ้องขอให้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสาธารณชน

ในหนังสืออัตชีวประวัติเรื่อง Spare เจ้าชายวัย 39 พรรษาแห่งพระราชตระกูลอังกฤษเขียนไว้อย่างละเอียด ถึงเรื่องราวที่ทรงเสพโคเคน กัญชา และเห็ดหลอนประสาทแมจิกมัชรูม โดยทรงเขียนเล่าไว้ด้วยว่า “ยาเสพติดหลอนประสาททำให้พระองค์รู้สึกดี”

หลังจากที่ Spare ถูกวางแผงในเดือนมกราคม 2023 คณะคลังสมองเฮอริเทจได้ดำเนินการเรียกร้องขอดูข้อมูลที่เจ้าชายแฮร์รีทรงแถลงในแบบฟอร์มขอวีซา ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคำร้องที่เจ้าชายแฮร์รีขอยกเว้น

แต่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลไบเดนต่อสู้ในแนวทางปิดบังข้อมูล พร้อมใช้ข้ออ้างในเรื่องสิทธิของผู้ยื่นขอวีซาที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล มาโดยตลอด


โดยในเดือนมิถุนายน 2023 กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิฯ ปฏิเสธคำร้องขอจากเฮอริเทจฯ ที่ขอดูข้อมูลของเจ้าชายแฮร์รีในการขอวีซาเข้าเมือง โดยอ้างว่าการเปิดเผยข้อมูลจะเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเจ้าชาย

“ข้อมูลนี้มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ เพราะการเผยแพร่ออกไป แม้เพียงบางส่วน จะเปิดเผยให้ทราบถึงสถานภาพของเจ้าชายแฮร์รีขณะประทับอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งพระองค์ยังมิได้ออกมาเปิดเผยเลย

“เอกสารทั้งหลายนี้จะเปิดเผยให้ทราบถึงประเภทของวีซาที่เจ้าชายแฮร์รีใช้เดินทางเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนสถานภาพของวีซาที่ได้รับ อีกทั้งความช่วยเหลือพิเศษอื่นๆ ที่ทรงร้องขอทั้งในส่วนที่เป็นการเข้าเมืองและทั้งในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

กระนั้นก็ตาม ทั้งๆ ที่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็จ่อจะเข้ามาแทรก

กล่าวคือ ขณะที่ปมปริศนาว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงใช้แท็กติกใด วิธีใด ช่องทางใด ฯลฯ จึงได้รับวีซาเข้าสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้กันไม่จบ เงื่อนปมใหม่ก็ผุดขึ้นมาว่า ดยุกแห่งซัสเซกซ์บอกออกสื่อโทรทัศน์เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ว่า คิดๆ อยู่แว่บๆ ในใจ ที่จะขอสัญชาติอเมริกัน

ดังนั้น วี่แววแห่งวิกฤติก็ตั้งเค้าขึ้นมาแล้วว่า คนอเมริกันตงิดๆ จะขัดเคืองอย่างยิ่งว่า รัฐบาลอเมริกันจะลดมาตรฐาน เพื่อมอบสิทธิพิเศษแก่ชนชั้นอภิสิทธิ์จากอังกฤษถึงขั้นให้สัญชาติกันเชียวหรืออย่างไร ในเมื่อกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิฯ เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า ชาวต่างชาติที่เข้าสหรัฐฯ และยอมรับว่าเคยเสพยาเสพติด อาจ “ถูกห้ามเดินทางเข้าอเมริกา”

เจ้าชายแฮร์รีทรงบอกออกสื่อโทรทัศน์เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2024 ว่า คิดๆ อยู่แว่บๆ ในใจ ที่จะขอสัญชาติอเมริกัน ในระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษแก่รายการ Good Morning America เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาว่า ขณะที่ปมปริศนาที่รัฐบาลไบเดนยังไฝ้วกับคณะคลังสมอง เฮอริเทจ ไม่จบนั้น ปรินซ์ผู้ที่รัฐบาลไบเดนกางปีกปกป้องอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ก็เปิดแนวรบใหม่ให้เหนื่อยเพิ่ม ในภาพนี้ ปรินซ์แฮร์รีทรงจูงมือพระชายาเมแกน มาร์เคิล ที่แคมป์เทรนนักกีฬาในเมืองวิสต์เลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2024 ในพระภารกิจโปรโมทมหกรรมกีฬานานาชาติอินวิคตัส เกมส์ แวนคูเวอร์ วิสต์เลอร์ 2025 เพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ทหารบาดเจ็บจากปฏิบัติการ โดยอินวิคตัส เกมส์ ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในปีหน้าระหว่างวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2025 และจะมีการเพิ่มกีฬาฤดูหนาวเข้าไปเป็นครั้งแรก
ด้านผ.อ.ไนล์ การ์ดิเนอร์ แห่งมูลนิธิเฮอริเทจ ประณามการแถของรัฐบาลอเมริกัน ที่ถือว่าคำบอกเล่าในหนังสือ Spare นั้นไม่ใช่หลักฐานยืนยันว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงมีประวัติการเสพโคเคน

“ผมคิดว่านั่นเป็นข้อโต้แย้งที่ฮาๆ ขำๆ นี่เป็นข้อเขียนที่พระองค์ทรงบันทึกเอง เป็นถ้อยคำของพระองค์เอง และที่ผ่านมา ก็มิได้ปฏิเสธเนื้อหาในหนังสือไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน อีกทั้บไม่เคยมีการปฏิเสธเนื้อหาเรื่องการเสพยาด้วย

ส่วนทนายแซม ดิวอี้ แห่งเฮอริเทจ บอกว่า “ปรินซ์เขียนไว้ในหนังสือด้วยพระองค์เอง ภายใต้กฎแห่งการชี้ขาดความเป็นหลักฐาน ข้อเขียนคือหลักฐาน และเราล้วนแต่ได้เห็นแล้วว่า ตอนที่ปรินซ์ถูกไต่สวนโดยศาลสูงอังกฤษในคดีที่พระองคฺฟ้องหมิ่นประมาทสื่อมวลชน พระองค์มิได้ปฏิเสธความถูกต้องของสิ่งที่ทรงเขียนในอัตชีวประวัติของพระองค์

“โดยปกติแล้ว รัฐบาลก็สอบสวนประชาชนจากสิ่งต่างๆ รวมถึงข้อเขียนทั้งหลาย โดยจะถือไว้เลยว่าสิ่งที่เขียนไว้นั้นมีความถูกต้อง ดังนั้น ผมคิดว่าข้ออ้างนี้ไม่สะท้อนความเป็นจริงครับ

“ปรินส์คิดทบทวนเรื่องราว ปรินซ์เขียนไว้ในหนังสือ ปรินซ์นำไปตีพิมพ์เผยแพร่ เสร็จแล้วคนของกระทรวงก็จะไม่ยอมรับรู้กับข้อเท็จจริงที่ชัดเจนอย่างยิ่งนี้ คนเราอาจจะเขียนโน่นนี่เพื่อทำให้เรื่องราวน่าสนใจมากขึ้น แต่สำหรับหนังสืออัตชีวประวัติ การเขียนไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง”

และที่สำคัญเหนืออื่นใด ทนายดิวอี้เสริมว่า เขาจะช็อกแน่ ถ้าการณ์ปรากฏออกมาว่าเจ้าชายแฮร์รีเดินทางเข้าสหรัฐฯ ด้วยวีซานักการทูต

“ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ เรื่องนี้ต้องไปไต่สวนกันในรัฐสภาล่ะครับ” ทนายดิวอี้กล่าวอย่างนั้น


“เรื่องนี้ต้องเอาไปไต่สวนให้กระจ่างเลยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อนุมัติออกมาได้อย่างไร” ทนายดิวอี้วิเคราะห์อย่างละเอียด และบอกด้วยว่า รัฐมนตรีทั้งสองกระทรวงที่ต้องถูกไต่สวนคือ สองคนที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2020 อันเป็นศักราชที่เจ้าชายแฮร์รีเดินทางย้ายถิ่นฐานมาปักหลักในสหรัฐฯ นั่นเอง

ขณะที่คนอเมริกันโปรดปรานกันมากกับการติดตามเรื่องราวจักรๆ วงศ์ๆ ในพระราชสำนักอังกฤษ แต่ถ้าสมาชิกพระราชวงศ์ผู้ที่ทำผิดกฎหมายยาเสพติด จะได้อภิสิทธิ์แบบเอื้อเฟื้อพิเศษนั้น กระแสต่อต้านจะรุนแรงอย่างยิ่ง โดยองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่รู้กันในใจแต่ไม่พูดออกมา คือ ผู้เสพยามักที่จะกลับไปเสพอีก ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมอุปสงค์-อุปทานให้แก่ธุรกิจอาชญากรรม ที่สหรัฐฯ เป็นหัวเรือใหญ่ในการต่อสู้และกวาดล้าง

ขณะชมการแข่งขันฟุตบอลระหว่างอินเตอร์ไมอามี ที่มีลิโอเนล เมสซี เป็นซูเปอร์กองหน้า กับลอสแอนเจลิสฟุตบอลคลับ เมื่อเดือนกันยายน 2023 เจ้าชายแฮร์รีทรงออกพระอาการหลุดแบบไม่มีสติคุมพฤติกรรม และมีคลิปของแอปเปิลทีวีบันทึกพระอาการไว้ได้ว่าหลุดอย่างผิดปกติจริงจัง ช็อตตรงนี้ถูกสื่อนำไปตั้งข้อสังเกตว่าทรงยังไม่สร่างจากยา


ณ วินาทีที่ 9 ของคลิปนี้ จะเห็นเจ้าชายแฮร์รีทรงมีพระอาการกระตุกสะหยึยกึ๋ยแบบหลุดโลก ซึ่งผิดปกติไปจากบุคลิกบุรุษวัยกลางคนที่สุขุมของพระองค์

ยิ่งกว่านั้น การที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับปมปัญหาของเจ้าชายแฮร์รีในการได้รับวีซาเข้าเมือง แสดงท่าทีไม่โปร่งใส โดยล่าสุด ยังไปแถลงต่อศาลว่าคำสารภาพเรื่องเสพยาของเจ้าชายแฮร์รีในหนังสือ Spare ไม่อาจถือเป็นพยานหลักฐานนั้น สาธารณชนก็ดูเกมออกได้เลยว่า มีพิรุธชัดเจน และปมปัญหานี้ มีเงื่อนงำอย่างแน่นอน พร้อมนี้ ก็มักที่จะตั้งคำถามไว้ด้วยว่าเงื่อนงำนี้ต้องเกี่ยวกับอภิสิทธิ์พิเศษสำหรับอภิสิทธิ์ชน ซึ่งอาจเป็นข้อตกลงอัปลักษณ์ระหว่างชนชั้นสูงทางสังคมและทางการเมืองแห่งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก

หากเหตุการณ์ถูกเฉลยออกมาในท้ายที่สุดว่า เป็นเรื่องมุ้งมิ้งประเภท “คุณพ่อขอมา” หรือ “ผู้ใหญ่ฝากเลี้ยง” ไปพลางก่อน จนกว่าเจ้าตัวพร้อมจะกล่าวคำขอโทษและกลับบ้าน ทว่า คนอเมริกันน่าจะไม่เห็นเป็นเรื่องมุ้งมิ้งไปด้วย เพราะผิดหลักการอย่างร้ายแรง และมันเป็นเรื่องยาเสพติดนั่นเอง

คอลัมน์ PLANET No.3

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า


(ที่มา: NYBreaking.com)

กำลังโหลดความคิดเห็น