สหรัฐฯ ได้เสนอร่างมติต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เรียกร้องให้มีการหยุดยิงชั่วคราว (temporary ceasefire) ในสงครามอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงคัดค้านแผนของอิสราเอลที่จะเปิดปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินที่เมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ ขู่จะ “วีโต” ร่างมติของแอลจีเรียที่เรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมทันที (immediate humanitarian ceasefire) เนื่องจากเกรงว่าจะไปกระทบการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ อียิปต์ อิสราเอล และกาตาร์ กำลังที่พยายามต่อรองให้มีการพักรบ และปลดปล่อยตัวประกันของฮามาสทั้งหมดออกมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ มักตั้งแง่กับคำว่า “หยุดยิง” ในมติต่างๆ ของยูเอ็นที่เกี่ยวพันกับสงครามกาซา ทว่าร่างมติของสหรัฐฯ คราวนี้สะท้อนถ้อยคำที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน อ้างว่าได้คุยกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เนื้อหาในร่างมติระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น “ขอเน้นย้ำการสนับสนุนให้หยุดยิงชั่วคราวในกาซาเร็วที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้จริง โดยตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าตัวประกันทั้งหมดต้องถูกปลดปล่อย และเรียกร้องให้ขจัดอุปสรรคทั้งหมดในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”
ร่างมติที่สหรัฐฯ เสนอยังเตือนด้วยว่า “ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การเปิดปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินครั้งใหญ่ในเมืองราฟาห์จะทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง และทำให้คนเหล่านั้นต้องพลัดถิ่นฐานไกลออกไปอีก ซึ่งอาจรวมถึงการอพยพไปสู่ประเทศข้างเคียง”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนหนึ่งให้ข้อมูลเมื่อวันจันทร์ (19 ก.พ.) ว่า วอชิงตัน “ไม่รีบร้อน” ที่จะให้มีการโหวตร่างมตินี้โดยเร็ว และพร้อมจะให้เวลาในการเจรจาเพิ่มเติม
ร่างมตินี้จะต้องได้รับการโหวตสนับสนุนจากรัฐสมาชิก UNSC อย่างน้อย 9 เสียงจึงจะผ่าน และต้องไม่ถูกวีโตโดยสมาชิกถาวรทั้ง 5 ชาติ ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย และจีน
อิสราเอลมีแผนที่จะส่งทหารบุกเมืองราฟาห์ ซึ่งเวลานี้มีชาวปาเลสไตน์ในกาซาอาศัยอยู่กว่า 1 ล้านคนจากทั้งหมด 2.3 ล้านคน ทำให้นานาชาติหวั่นเกรงว่าวิกฤตมนุษยธรรมในกาซาจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก และยูเอ็นนั้นถึงขั้นใช้คำเตือนว่า “มันจะนำไปสู่การสังหารหมู่”
ร่างมติของสหรัฐฯ ชี้ว่า การโจมตีราฟาห์ “จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และนั่นหมายความว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินครั้งใหญ่ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน”
สหรัฐฯ มีธรรมเนียมปฏิบัติเรื่อยมาที่จะต้องปกป้องหนุนหลังอิสราเอลในเวทียูเอ็น และเคยใช้อำนาจ “วีโต” คัดค้านร่างมติของ UNSC มาแล้ว 2 ครั้งนับตั้งแต่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ เคย “งดออกเสียง” อยู่ 2 ครั้งเพื่อเปิดทางให้ UNSC สามารถออกมติสนับสนุนการส่งความช่วยเหลือสู่กาซา และเรียกร้องให้ขยายการพักรบออกไป
ที่มา : รอยเตอร์