ตำรวจรัสเซียประกาศขึ้นบัญชีดำล่าตัวนายกรัฐมนตรี คายา คัลลาส แห่งเอสโตเนีย รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมลิทัวเนีย และอดีตสมาชิกสภาลัตเวียอีกหลายคน ในความผิดฐานทำลายอนุสาวรีย์ทหารที่สร้างขึ้นในยุคสหภาพโซเวียต
ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่า คัลลาส ถูกออกหมายล่าตัวเนื่องจาก “กระทำการดูหมิ่นอนุสรณ์สถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์”
สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐริมทะเลบอลติกเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่า “ทำลายอนุสาวรีย์ทหารโซเวียต” ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญารัสเซีย
นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022 ทั้งเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนียต่างก็สั่งรื้อทำลายอนุสาวรีย์ยุคโซเวียตออกแทบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารโซเวียตที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ประเทศทั้ง 3 นี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของมอสโกมาก่อน แต่ปัจจุบันเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และยังเป็นรัฐสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ด้วย
ทั้ง 3 ชาติประกาศจุดยืนสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน และมักออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังมองว่าอนุสาวรีย์ยุคโซเวียตเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของพวกอดีตเจ้าอาณานิคม
“รัฐบาลเครมลินคิดว่าทำเช่นนี้จะปิดปากดิฉันและคนอื่นๆ ได้ แต่ไม่สำเร็จหรอก” คัลลาส โพสต์ข้อความผ่าน X “ดิฉันจะยังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป และจะเรียกร้องให้มีการยกระดับป้องกันยุโรปเพิ่มขึ้นด้วย”
นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ แห่งสเปน ก็ได้เข้าไปโพสต์ให้กำลังใจนายกฯ หญิงเอสโตเนีย โดยบอกว่า “(ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน) ไม่สามารถบูลลี่พวกเราได้หรอก ชาวสเปนและยุโรปยืนอยู่ข้างหลังคุณ”
นักการเมืองบอลติกเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกจับกุมหากเดินทางเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย แต่นอกนั้นแล้วประกาศ “ล่าตัว” ของมอสโกก็แทบไม่มีผลอะไรในทางปฏิบัติ
อเล็กซานเดอร์ บาสทรีกิน หัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย ได้ออกคำสั่งสอบสวนคดีอาญากรณีอนุสาวรีย์ยุคโซเวียตถูกรื้อถอน ขณะที่ มาเรีย ซาราโควา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาระบุวานนี้ (13) ว่า “นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น”
“ผู้ที่กระทำความผิดอาญาต่ออนุสรณ์สถานผู้ปลดปล่อยโลกจากนาซีและลัทธิฟาสซิสต์จะต้องถูกลงโทษ” เธอกล่าว
ตามฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย นอกจาก คัลลาส แล้ว ยังมี ไทมาร์ ปีเตอร์คอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเอสโตเนีย ซิโมนาส ไครีส รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมลิทัวเนีย และอดีตสมาชิกสภาลัตเวียชุดที่แล้วอีกประมาณ 60 คนที่ถูกทางการรัสเซียสั่งขึ้นบัญชีดำ
ที่มา : รอยเตอร์