xs
xsm
sm
md
lg

“ไบเดน” รวมผู้นำทั่วโลกแห่ถวายพระพร “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” ประชวรโรคมะเร็ง “เจ้าชายแฮร์รี” บินกลับด่วน “โมเดอร์นา” ทดลอง "วัคซีนมะเร็ง" ครั้งแรกในโลกใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ mRNA ในอังกฤษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้ส่งสารถวายพระพรพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ร่วมกับบรรดาผู้นำทั่วโลกหลังพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์การประชวรโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น เจ้าชายแฮร์รีเสด็จบินด่วนจากสหรัฐฯกลับเข้าอังกฤษหลังทราบข่าวทางโทรศัพท์ กลายเป็นข่าวช็อกแดนผู้ดีหนังสือพิมพ์ตีข่าวไปทั่วเรียกร้องความสามัคคีในชั่วโมงที่ยากลำบาก ด้านบริษัทยาโมเดอร์นาของสหรัฐฯเริ่มเฟสการทดลองวัคซีนมะเร็งครั้งแรกในโลกใช้เทคโนโลยี mRNA สำหรับกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งในอังกฤษแล้ว


ดิอิฟนิงสแตนดาร์ดของอังกฤษรายงานวานนี้(5 ก.พ)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แสดงความวิตกออกมาอย่างเปิดเผยหลังโดนถามถึงแถลงการณ์จากพระราชวังบักกิงแฮมระหว่างอยู่ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ถึงการวินิจฉัยพบการประชวรระยะเริ่มต้นในโรคมะเร็งของพระเจ้าชาร์ลส์แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ

และไบเดนยังเปิดเผยกับนักข่าวว่า “ผมมีความวิตกเกี่ยวกับพระองค์” และเขามีแผนจะโทรศัพท์เพื่อถวายกำลังใจแก่พระองค์หลังจากนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางบรรดาผู้นำทั่วโลกต่างออกมาส่งสารถวายพระพรเช่นกัน

ดิอิฟนิงสแตนดาร์ดรายงานว่า ไบเดนกล่าวผ่านทางแพลตฟอร์ม X
“การที่ต้องพบการวินิจฉัยโรคมะเร็ง การรักษา และหายป่วยนั้นต้องใช้ความหวังและความกล้าหาญอย่างที่สุด”

และเสริมต่อว่า “จิลและผมร่วมกับประชาชนอังกฤษสวดอ้อนวอนให้พระองค์นั้นทรงหายประชวรโดยไว”

การถวายพระพรยังออกมาจากคู่แข่งไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม Truthของตัวเองว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นคนที่วิเศษและพวกเราทั้งหมดสวดภาวนาให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทั้งนี้ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแน็ก ได้กล่าวถวายพระพรผ่านทางแพตฟอร์ม X ว่า “ขอถวายพระพรแด่พระองค์สำหรับการการฟื้นจากการประชวรอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์”

พร้อมเสริมต่อว่า “ผมไม่สงสัยเลยว่าพระองค์จะกลับมาอย่างแข็งแกร่งในเวลาอันสั้นและผมรู้ว่าทั้งประเทศจะถวายพระพรพระองค์ให้ทรงหายจากการประชวรโดยไว”

ขณะที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ได้กล่าวถวายพระพรโดยมีใจความว่า “ผมเหมือนเช่นชาวแคนาดาทั่วประเทศและคนทั่วโลกเฝ้าคิดคำนึงถึงพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ระหว่างที่พระองค์กำลังรับการถวายรักษาการประชวรจากโรคมะเร็ง พวกเราขอถวายพรและตั้งความหวังสำหรับการพักฟื้นจากการประชวรอย่างรวดเร็วและโดยสมบูรณ์

ส่วนนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานิส ถวายพระพรว่า “ความคิดคำนึงของประชาชนชาวออสเตรเลียทั้งหมดมาอยู่ที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ”

และเสริมต่อว่า “พวกเราขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวรโดยไว ผมจะส่งสารไปยังพระราชวังในเช้านี้และพวกเราตั้งความหวังว่าพระเจ้าชาร์ล์ที่ 3 จะหายจากการประชวรโดยเร็วและสามารถกลับไปประกอบประพระราชกรณียกิจในไม่ช้า”

ส่วนประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง กล่าวถวายพระพรทางแพลตฟอร์ม X มีใจความว่า “ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ให้หายจากการประชวรโดยไว ความคิดคำนึงของพวกเราอยู่กับประชาชนอังกฤษ Amitiés”

การประชวรโรคมะเร็งกลายเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งของอังกฤษไปในทันที เดอะซันรายงานว่า สื่ออังกฤษหลายสำนักต่างเรียกร้องให้ประชาชนชาวอังกฤษแสดงความเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เดอะมิเรอร์ของอังกฤษรายงานว่า หลังข่าวการประชวรเผยแพร่ออกไปในเช้าวันอังคาร(6) ทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวอังกฤษต่างพากันแสดงความเศร้าสลดต่อข่าวร้ายนี้ หนึ่งในนั้นคือลิซา แนช (Lisa Nash) วัย 61 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เธอถวายพระพรแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมเสริมว่าราชวงษ์อังกฤษได้ทำคุณประโยชน์เป็นอย่างมากต่อประเทศแห่งนี้

เดอะมิร์เรอร์รายงานภาพนักข่าวฝรั่งเศสรายงานจากหน้าพระราชวังในเช้านี้(6)โดยในมือแสดงปกหนังสือพิมพ์เดอะมิร์เรอร์มีข้อความว่า "King's Cancer Shock"

อ้างอิงจาก บีบีซีของอังกฤษพบว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงประทับที่ราชวังหลังเริ่มต้นการรับการถวายการรักษาโรคมะเร็ง

ขณะที่เดลีเมลของอังกฤษรายงานว่า สำนักงานพระราชวังบักกิงแฮมเปิดเผยว่า โรคมะเร็งนี้ถูกค้นพบระหว่างการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต

เดลีเมลกล่าวต่อว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงแจ้งเรื่องผลการวินิจฉัยแก่พระญาติที่ใกล้ชิดผ่านทางโทรศัพท์รวมถึงพระราชโอรสองค์ที่ 2 เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ที่มีรายงานว่ามีการสนทนาระหว่างกันเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีอยู่ระหว่างการเดินทางจากสหรัฐฯกลับเข้ากรุงลอนดอนทันทีเพื่อเข้าเฝ้าพระราชบิดา ซึ่งสกายนิวส์ของอังกฤษรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีจะเสด็จมาถึงอังกฤษในวันนี้(6) โดยสื่อรายงานภาพรถยนต์สีดำปรากฎที่สนามบินแอลเอ LAX ที่เชื่อกันว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งนำดยุกมายังสนามบิน

ตามการรายงานของบีบีซีระบุว่า เจ้าชายจะเสด็จกลับมาเพียงลำพังโดยที่ไม่มีเมแกน ดัสเชสแห่งซัสเซกซ์ และพระราชโอรส เจ้าชายอาร์ชีและเจ้าหญิงลิลิเบตที่จะทรงประทับอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย

ข่าวการประชวรเกิดในช่วงเวลาไร่เรี่ยกับข่าวบริษัทยาโมเดอร์นาของสหรัฐฯกำลังเริ่มทดสอบวัคซีนมะเร็งด้วยเทคโนโลยี mRNA สำหรับกลุ่มคนไข้ในอังกฤษเป็นครั้งแรก

PA News รายงานวันศุกร์(2)ก่อนหน้าว่า บริษัทยาโมเดอร์นาที่โด่งดังจากการคิดค้นวัคซีนโควิด-19 ได้ใช้เทคโนโลยี mRNA ในการพัฒนาวัคซีนโรคมะเร็งได้เป็นครั้งแรกในโลก

นอกเหนือจากโมเดอร์นาแล้วบริษัทยาเยอรมัน BioNTech ที่คิดค้นวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับไฟเซอร์ของสหรัฐฯและบริษัทยา Merck ต่างเร่งแข่งขันการพัฒนาวัคซีนโรคมะเร็งที่มีการทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครจำนวนจำกัดทั่วโลก

PA News รายงานว่า กลุ่มคนไข้ในอังกฤษอยู่ระหว่างการทดลองวัคซีนมะเร็งของโมเดอร์นาที่มีชื่อวัคซีนว่า mRNA-4359 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของช่วงแรกของเฟสการทดลองทางคลินิกที่ดูเหมือนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

วัคซีนมีเป้าหมายไปที่กลุ่มคนไข้โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (malignant melanoma) เป็นมะเร็งจากเซลล์เม็ดสี เมลานิน พบไม่บ่อย แต่มีความร้ายแรง เพราะสามารถกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้รวดเร็ว โรคมะเร็งปอด และโรคมะเร็งก้อน (solid tumour)ต่างๆ

หนึ่งในอาสาสมัครชายชาวอังกฤษวัย 81 ปีที่ร่วมอยู่ในการทดลองที่ร่วมระหว่างวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London)และบริการสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ NHS กลายเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่รับวัคซีนมะเร็งของโมเดอร์นาที่โรงพยาบาล Hammersmith Hospital เมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

ชายที่ไม่เปิดเผยชื่อจากเซอร์เรย์(Surrey)นั้นป่วยโรคมะเร็งผิวหนังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น เขากล่าวว่า “ผมรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมากต่อทั้งโรงพยาบาลและบุคคลที่ทำการทดลองเหล่านี้

PA News รายงานว่าระหว่างการทดลอง วัคซีนจะถูกทดสอบทั้งแบบตามลำพังและผสมกับยา Pembrolizumab ที่มีเดิมอยู่ก่อนหน้าแล้ว (Pembrolizumab เป็นยากลุ่มหนึ่งที่ใช้ในการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ในร่างกายให้ทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น)

อาสาสมัครจำนวนระหว่าง 40 คน – 50 คนถูกรับเลือกจากทั่วโลกเพื่อการรักษารวมถึงในกรุงลอนดอน สเปน สหรัฐฯ และออสเตรเลีย เป็นต้น


























กำลังโหลดความคิดเห็น