กองทัพอิสราเอลแถลงในวันอังคาร (23 ม.ค.) ทหารของฝ่ายตนเสียชีวิตไป 24 นาย ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สุดในรอบวันเดียว นับจากสงครามกาซาเริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 3 เดือนก่อน โดยที่เวลานี้ยังมีความกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ ให้รัฐยิวเร่งหาทางยุติความขัดแย้งครั้งนี้ ซึ่งก่อให้เกิดความหายนะทางมนุษยธรรมอย่างเลวร้ายกับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ที่ถูกประณามจากนานาชาติมากขึ้นทุกที ทั้งนี้สื่ออเมริการายงานว่า อิสราเอลยื่นข้อเสนอใหม่ให้หยุดยิง 2 เดือนแลกเปลี่ยนกับที่ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด
แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงว่า เมื่อวันจันทร์ (22) ทหารของฝ่ายตนเสียชีวิตในวันเดียว 24 นาย โดย 21 นายเสียชีวิตจากเหตุระเบิด และแจงว่า กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่รถถังคันหนึ่ง ขณะเดียวกัน เกิดระเบิดที่อาคารสองหลังที่ทหารติดตั้งระเบิดเพื่อทำลายตึกเหล่านั้น ส่งผลให้ตึกถล่มลงมาทับทหาร
ก่อนหน้านั้นกองทัพอิสราเอลเผยว่า มีทหาร 3 นายเสียชีวิตจากการเข้าโจมตีทางด้านใต้ของฉนวนกาซา
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่กองทัพอิสราเอลลุยลึกเข้าสู่ด้านตะวันตกของเมืองข่านยูนิส ซึ่งรวมถึงการบุกเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งและจับกุมบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งนี้ ข่านยูนิส เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของกาซา และถูกรัฐยิวระบุมาหลายวันว่า กำลังเป็นจุดศูนย์รวมการปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มฮามาสของพวกตนในเวลานี้
อย่างไรก็ดี ในครั้งนี้ทางกองทัพอิสราเอลไม่ได้กล่าวถึงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรงพยาบาลดังกล่าวแต่อย่างใด
ทางด้าน โอซีเอชเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ ระบุว่า การสู้รบ การโจมตี และปฏิบัติการภาคพื้นดิน รอบๆเมืองข่านยูนิส ทวีความรุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า บุกเข้ายึดศูนย์บัญชาการหลายแห่งของฮามาสได้ในเมืองดังกล่าว
สมาคมเสี้ยววงเดือนแดง (กาชาด) ของปาเลสไตน์แถลงว่า สำนักงานใหญ่ของตนในเมืองข่านยูนิสถูกกองทัพอิสราเอลโจมตีด้วยปืนใหญ่และโดรน ส่งผลให้พลเรือนที่เข้าไปหลบภัยได้รับบาดเจ็บ
สงครามในกาซาปะทุขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. เมื่อนักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีในดินแดนอิสราเอล สังหารเหยื่อราว 1,140 คน และจับตัวประกันราว 250 คนกลับไปยังกาซา จากนั้นอิสราเอลได้ตอบโต้ด้วยการถล่มโจมตีกาซาแบบไม่พัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตในดินแดนดังกล่าวนับจนถึงขณะนี้อย่างน้อย 25,490 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
สำหรับตัวประกันที่ถูกฮามาสนำกลับเข้าไปในกาซานั้น จำนวนราว 100 คน ซึ่งรวมถึงชาวไทยและชาวต่างชาติอื่นๆ ได้รับการปล่อยตัวระหว่างการหยุดยิง 1 สัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายน แลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ในอิสราเอล
ในวันจันทร์ กลุ่มชาวอิสราเอลที่เป็นญาติตัวประกันที่ยังไม่ได้รับอิสรภาพ จู่โจมเข้าไปในที่ประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภาอิสราเอลและเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยตัวประกัน
วันเดียวกันนั้น เว็บไซต์ข่าวแอกซิออสของอเมริการายงานว่า อิสราเอลยื่นข้อเสนอให้ฮามาสผ่านทางคณะผู้ไกล่เกลี่ยของกาตาร์และอียิปต์ เกี่ยวกับการหยุดยิงแลกกับการปล่อยตัวประกันทั้งหมด ซึ่งอิสราเอลเชื่อว่า เหลืออยู่ประมาณ 132 คน ซึ่งรวมถึงร่างตัวประกันที่เสียชีวิตอย่างน้อย 28 ศพ
ตามรายงานซึ่งอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อิสราเอลที่ไม่มีการระบุชื่อ ข้อเสนอของอิสราเอลจะดำเนินการเป็นหลายขั้นตอนและเกี่ยวข้องกับการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์จำนวนหนึ่ง
ข้อเสนอนี้ที่คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 2 เดือน ไม่ครอบคลุมถึงการยุติสงคราม แต่อิสราเอลตกลงที่จะลดจำนวนทหารในเมืองใหญ่ๆ ในกาซา และอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์ทยอยเดินทางกลับไปยังตอนเหนือของกาซา
ข่าวนี้ออกมาขณะที่สื่ออเมริกันรายงานด้วยว่า เบร็ตต์ แมคเกิร์ก ผู้ประสานงานด้านตะวันออกกลางของทำเนียบขาว ได้รับการคาดหมายว่า จะเดินทางไปอียิปต์และกาตาร์เพื่อประชุมเกี่ยวกับการผลักดันข้อตกลงปล่อยตัวประกันฉบับใหม่
อย่างไรก็ตาม เวแดนต์ พาเทล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า วอชิงตันเชื่อว่า แนวทางสองรัฐ ซึ่งหมายถึงการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ขึ้นมาอยู่เคียงข้างกับรัฐอิสราเอล คือวิธีเดียวในการหลุดพ้นจากวงจรความรุนแรงที่ไม่สิ้นสุดนี้
ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู คัดค้านการสถาปนารัฐปาเลสไตน์สุดตัว และยืนกรานว่า อิสราเอลต้องยังคงมีอำนาจควบคุมด้านความมั่นคงเหนือดินแดนทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งครอบคลุมถึงดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมด
ด้านบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ที่ร่วมประชุมกับนักการทูตระดับสูงของอิสราเอลและฮามาส รวมทั้งชาติอาหรับรายสำคัญที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์ ได้เรียกร้องให้อิสราเอลเปลี่ยนใจ โดยระบุว่า แนวทางสองรัฐเป็นวิธีเดียวในการคลี่คลายวิกฤต
ทว่า อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลที่ร่วมประชุมด้วย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแนวทางสองรัฐ และบอกว่า อิสราเอลกำลังมุ่งมั่นกับการนำตัวประกันกลับบ้านอย่างปลอดภัย
อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดนที่ร่วมประชุมด้วย วิจารณ์ว่า การปฏิเสธแนวทางสองรัฐของอิสราเอลบ่งชี้อนาคตของตะวันออกกลางว่า จะเผชิญสถานการณ์ความขัดแย้งมากขึ้น
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)