นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย เป็นประธานเมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.) ในพิธีเปิดวัดใหญ่แห่งใหม่ที่สร้างถวายแด่พระราม เทพเจ้าที่ได้รับความเคารพบูชาอย่างสูงของศาสนาฮินดู ณ สถานที่ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ ถือเป็นเหตุการณ์ทรงความสำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับชาวฮินดูที่เป็นชนส่วนใหญ่ของชาติที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้
งานใหญ่งานนี้ ซึ่งพรรคภารตียชนตา (บีเจพี) ของโมดี พยายามวาดภาพให้เห็นว่า คือการที่คนฮินดูตื่นรู้ขึ้นมาจากระยะเวลาหลายร้อยปีของการถูกกดขี่ปราบปรามโดยมุสลิมและพวกมหาอำนาจนักล่าอาณานิคม ดังนั้นจึงกำลังถูกมองว่ามันคือส่วนประกอบที่สำคัญยิ่งยวดส่วนหนึ่งสำหรับเป็นอารัมภบทสู่การรณรงค์หาเสียงของโมดี เพื่อให้พรรคได้รับชัยชนะเป็นสมัยที่สามติดต่อกันซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้พบกันในอินเดีย ในการเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจัดขึ้นเดือนพฤษภาคมนี้
โมดี ซึ่งเตรียมตัวเข้าพิธีนี้ด้วยการอดอาหารและเดินทางไปบูชาตามวัดพระรามแห่งต่างๆ เป็นเวลา 11 วัน ได้โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ไม่กี่นาทีก่อนเริ่มต้นพิธีเปิด ซึ่งก็คือพิธีถวายวัดใหม่แห่งนี้แด่พระราม ที่ถือเป็นปางอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ โดยเขาบอกว่า “ช่วงขณะเหนือธรรมชาติแห่งพิธีถวายวัดครั้งนี้ ... กำลังทำให้ทุกๆ คนเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก” พร้อมกับย้ำว่า “เป็นความปิติยินดีอย่างยิ่งใหญ่ของผมที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้”
เขาสวดมนตร์ด้วยถ้อยคำทางศาสนาฮินดู ก่อนที่จะวางพวงดอกไม้ที่พระบาทของเทวรูปพระรามซึ่งสร้างด้วยหินสีดำความสูง 1.3 เมตร แล้วพนมมือแสดงความเคารพ จากนั้นจึงโค้งคำนับและถือไฟศักดิ์สิทธิ์เวียนรอบๆ องค์เทวรูป เวลาเดียวกันนั้นทางด้านนอก เฮลิคอปเตอร์ทหารลำหนึ่งโปรยปรายกลีบดอกไม้ลงมาที่วัด
ระหว่างพิธีที่เมืองอโยธยา ทางตอนเหนือของอินเดียแห่งนี้ มีการเเป่าปี่ตามประเพณีอินเดียเล่นเพลงบูชาแด่พระราม ขณะที่เหล่านักการเมือง, นักธุรกิจ, ดารานักกีฬาและแวดวงบันเทิงสื่อต่างๆ ที่ได้รับเชิญ พากันเฝ้าชม เช่นเดียวกับผู้คนนับล้านๆ ทั่วอินเดียซึ่งสามารถรับชมการถ่ายทอดพิธีทางทีวีแบบสดๆ
มีผู้คนจำนวนเป็นหมื่นๆ ที่นุ่งห่มด้วยผ้าสีเหลืองอมส้ม ร่ายรำไปตามท้องถนนอย่างปรีดาปราโมทย์ พวกเขาโบกธงสีเหลืองอมส้มที่ถืออยู่ในมือพร้อมๆ กับที่เปล่งถ้อยคำทางศาสนา
พิธีเปิดวัดแห่งนี้ถือว่าเป็นการที่พรรคบีเจพีของโมดี ซึ่งเป็นพรรคแนวทางชาตินิยมฮินดู ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ตั้งแต่เมื่อ 35 ปีก่อน โดยที่เรื่องนี้เองยังกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ก่อให้เกิดการขัดแย้งกันหนักหน่วง และมีส่วนอย่างมากในการช่วยขับดันให้บีเจพีกลายเป็นพรรคที่มีฐานะอันสำคัญและทรงอำนาจในปัจจุบัน
ในอดีตที่ผ่านมา สถานที่ตั้งวัดแห่งนี้ได้เป็นจุดของการต่อสู้ขัดแย้งกันอย่างขมขื่นเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิมที่เป็นชนส่วนน้อยในแดนภารตะ จนกระทั่งนำไปสู่การจลาจลใหญ่ระดับทั่วประเทศในปี 1992 ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 2,000 คน ส่วนมากเป็นชาวมุสลิม หลังจากที่ฝูงชนชาวฮินดูได้ลุกฮือบุกเข้าไปทำลายมัสยิดอิสลามซึ่งสร้างขึ้นตรงนี้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16
ชาวฮินดูของอินเดียบอกว่า สถานที่นี้คือสถานที่ประสูติของพระราม และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของฮินดูมายาวนานแล้ว ก่อนที่จักรวรรดิโมกุลซึ่งเป็นมุสลิมจะเข้าปกครองอินเดีย และได้รื้อถอนทำลายวัดที่อยู่ตรงนี้ แล้วสร้างสุเหร่าที่มีชื่อว่ามัสยิดบาบรี ขึ้นแทนที่ในปี 1528
ในปี 2019 ศาลสูงสุดของอินเดียตัดสินให้มอบที่ดินตรงนี้แก่ชาวฮินดู พร้อมกับสั่งให้แบ่งสรรที่ดินอีกผืนหนึ่งแยกห่างออกไปมอบให้แก่ชาวมุสลิมเพื่อสร้างมัสยิดแห่งใหม่ ซึ่งจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการเริ่มสร้างแต่อย่างใด
พิธีในวันจันทร์ มีผู้ได้รับเชิญเข้าร่วมเกือบๆ 8,000 คน ขณะที่มีตำรวจกว่า 10,000 คอยรักษาดูแลความปลอดภัยในเมืองอโยธยา ซึ่งมีประชากรราวๆ 3 ล้านคน
ขณะเดียวกันยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่น้อยที่ในอดีตเคยเกิดความตึงเครียดบาดหมางระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิมมาก่อน
วัดใหม่แห่งนี้ถึงแม้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งทำให้มีผู้รู้ด้านศาสนาฮินดูคนสำคัญจำนวนหนึ่งปฏิเสธไม่มาเข้าร่วมพิธีเปิด โดยระบุว่าการทำเช่นนี้ขัดกับหลักในคัมภีร์ของฮินดู แต่คณะบริหารจัดการวัดก็มีกำหนดเปิดให้สาธารณชนเข้าสักการะได้ตั้งแต่วันอังคาร (23) โดยคาดหมายว่าจะมีผู้มาเคารพบูชากันวันละ 100,000 คนในตลอดช่วงสองสามเดือนข้างหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกระแสความศรัทธาในศาสนาไปทั่วอินเดีย รัฐบาลกลางของแดนภารตะนั้นประกาศหยุดงานในวันจันทร์ (22) ครึ่งวันบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่ทำพิธีเปิด ทว่าหลายรัฐของอินเดียประกาศให้เป็นวันหยุดทั้งวัน ขณะที่ตลาดหุ้นก็ปิดทำการ และบ้านเรือนตลอดจนธุรกิจตางๆ มีการประดับประดาแสงไฟสว่างไสว ตามคำเรียกร้องชักชวนของนายกรัฐมนตรีโมดี
(ที่มา: รอยเตอร์, เอพี, วิกิพีเดีย, เอเจนซีส์)