เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แถลงนโยบายรัฐบาลชุดใหม่วานนี้(17 ม.ค.)ยืนยันประชาชนแดนน้ำหอมทุกวัยต้องเรียนรู้ฝรั่งเศสทุกด้าน สั่งทดลองบังคับใช้เครื่องแบบนักเรียนในโรงเรีย 100 แห่งในเฟสแรก เด็กฝรั่งเศสต้องเรียนเพลงชาติ พิธีแจกประกาศนียบัตรของโรงเรียน และแก้ปัญหาอัตราการเกิดประชากรแดนน้ำหอม ไม่สนเสียงเตือนดังแรงจากทั้ง EU และแคนาดา ยืนยันพร้อมทำงานร่วมกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังรู้ผลเลือกตั้งรอบแรกรัฐไอโอวา
ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันนี้(17 ม.ค)ว่า ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอ็ล มาครง แถลงวันอังคาร(16) ว่า เขาพร้อมที่จะร่วมงานกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ หากว่าเกิดชนะเลือกตั้งปลายปีนี้ หลังผลการเลือกตั้งรอบแรกสหรัฐฯที่รัฐไอโอวา ทรัมป์คว้าชัยเหนือคู่แข่ง
การประกาศของมาครงไม่สนใจท่าทีจากยุโรปที่นายกรัฐมนตรีเบลเยียมซึ่งในปีนี้กำลังดำรงตำแหน่งประธานแบบหมุนเวียนของสหภาพยุโรป EU อเล็กซันเดอร์ เดอ โกร (Alexander De Croo) และประธานธนาคารกลางยุโรป คริสเตียน ลาการ์ด (Christine Lagarde) ออกมาเตือนภัยคุกคามจะเกิดขึ้นต่อยุโรปหากทรัมป์เกิดชนะ
นอกจากยุโรป แคนาดายังออกคำเตือนว่า หากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ชนะเข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้งจะกลายเป็นฝันร้ายสำหรับแดนใบเมเปิล
ในคำแถลงของมาครงยังเป็นการแสดงท่าทีของฝรั่งเศสต่อจุดยืนที่จะให้ความสัมคัญไปที่ “ปักกิ่ง” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกแข่งสหรัฐฯ
“ผมมักมีปรัชญาเดียวเสมอ ผมยอมรับผู้นำที่ประชาชนมอบให้ผม”
และเสริมต่อว่า “สหรัฐอเมริกาถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญ..มันเป็นประชาธิปไตยของตัวเองที่ต้องผ่านวิกฤตที่ซึ่งต้องเป็นสิ่งแรกและความสำคัญประการที่ 2 คืออำนาจของจีน พวกเราชาวยุโรปทุกคนต้องปรับตัวเกี่ยวกับสิ่งนี้”
ทั้งนี้ประธานาธิบดีมาครงก่อนหน้าได้เคยออกมาชี้ว่า ความสนใจของสหรัฐฯในการปกป้องกฎเกณฑ์ของโลกนั้นเสื่อมถอยไปในสมัยทรัมป์
ซึ่งในปี 2019 มาครงเคยกล่าวถึง "นาโต" ว่า “สมองตาย” โดยชี้ให้เห็นถึงการลดการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
การออกมาสนับสนุนทรัมป์ของมาครงอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงยุโรปเช่น นาโต เพราะมีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ อ้างอิงจาก บิสซิเนสอินไซเดอร์ของวันที่ 13 ม.คว่า คณะกรรมาธิการยุโรปจากฝรั่งเศส Thierry Breton เปิดเผยว่า
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคยกล่าวต่อประธานณะกรรมาธิการยุโรป อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) in 2020 ว่า หากยุโรปโดนโจมตี สหรัฐฯจะไม่เข้ามาช่วยและยังกล่าวอีกว่า นาโตตายไปแล้วก่อนข่มขู่จะถอนสหรัฐฯออกจากการเป็นสมาชิกของนาโต
ในการสนทนาเขายังเอ่ยปากทวง 400 พันล้านดอลลาร์สำหรับค่าใช้จ่ายทางการทหารของนาโต บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงาน
ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า ทรัมป์ยังเปรียบว่า “ยุโรป” เลวร้ายเหมือน “จีน”
ในวันอังคาร(17) ประธานธนาคารกลางยุโรป คริสตีน ลาการ์ด (Christine Lagarde) ได้ออกคำเตือนว่า “ทรัมป์” จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป เหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ที่จับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯเช่นกัน กล่าวว่าหากว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดำรงตำแหน่งสมัย 2 สำเร็จจะสร้างความยุ่งยากให้แก่แคนาดา
การแถลงของมาครงยังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวันอังคาร(16)หลังเขาแถลงนโยบายรัฐบาลชุดใหม่สำหรับสมัยการดำรงตำแหน่งที่เหลืออีก 3 ปีต่อหน้านักข่าว 100 คนภายในทำเนียบฝรั่งเศส กรุงปารีส หลังมีเสียงวิจารณ์ออกมาชี้ว่า เป็นนโยบายออกไปทางการเมืองปีกขวา และมาครงไม่ทำตามสัญญาการปฎิรูปหลังชนะเลือกตั้งปี 2022
นโยบายใหม่ที่พุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนฝรั่งเศสภายใต้สโลแกน "ฝรั่งเศสยังคงเป็นฝรั่งเศส" (France remaining France) บีบีซีวิเคราะห์ว่า เป็นเสมือนนโยบายของประธานาธิบดีการเมืองสายกลางแดนน้ำหอมจะสร้างมาเพื่อต่อกรกับกลุ่มการเมืองปีกขวามฝรั่งเศสภายใต้ ที่กำลังอยู่ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งรัฐสภายุโรปที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังจากนี้
“คนทุกยุคต้องเรียนรู้ว่าสาธารณรัฐหมายถึงอะไร ประวัติศาสตร์ หน้าที่ สิทธิ ภาษา การเคารพ..และพวกเขาต้องเรียนมันตั้งแต่ยังเด็ก”
มาครงที่พยายามจะแย่งคะแนนเสียงจากกลุ่มการเมืองปีกขวากล่าวว่า การสวมเครื่องแบบนักเรียนที่มาถึงเวลานี้มีเพียงบางส่วนของการเมืองปีกขวาฝรั่งเศสเท่านั้นที่สนับสนุน จะกลายเป็นการบังคับโดยทั่วในปี 2026 หากว่าการทดลองในโรงเรียนฝรั่งเศส 100 โรงปีหน้าประสบความสำเร็จ
เขาสนับสนุนสนุนการเรียนเพลงชาติในโรงเรียน และพิธีสำเร็จการศึกษารับประกาศนียบัตรจากโรงเรียน และข้อกำหนดสำหรับเด็กชาวฝรั่งเศสวัย 16 ปีที่ต้องบริการสังคม
รวมไปถึงมาตรการจำกัดเวลาการอยู่หน้าจอของเด็กและเยาวชนฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีมาครงยังให้คำมั่นจะแก้ปัญหาอัตราการเกิดแดนน้ำหอมตก โดยในปี 2023 มีเพียงเด็กทารกน้อยกว่า 700,000 คนเกิดถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
มาครงระบุว่า เขาต้องการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาการจริญพันธุ์ และการสร้างระบบใหม่ที่ใจกว้างมากขึ้นสำหรับการลาคลอดบุตร
หนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศสออกมาวิจารณ์ว่า ดูเหมือนประธานาธิบดีมาครงกำลังติดอยู่กับความคิดถึงฝรั่งเศสในยุคเก่า
ขณะที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส Libération อิงการเมืองปีกซ้ายออกมาวิจารณ์คำมั่นสัญญาของมาครงในการต่อสู้กับการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการกวาดล้างแก๊งค้ายาเสพติดนั้นเป็นสิ่งล้าสมัยและไม่ต้องกล่าวไปถึงวิสัยทัศน์อนุรักษ์นิยมของฝรั่งเศส
ด้านคู่แข่ง มารีน เลอเพน ออกมาวิจารณ์นโยบายรัฐบาลใหม่ของมาครงในงานแถลงข่าวว่า “นี่เป็นอีกครั้งของคนที่พูดจ้อไร้สาระไม่หยุด”