สหประชาชาติระบุในวันเสาร์ (13 ม.ค.) สงครามกาซา "กำลังสร้างมลทินแก่มนุษยชาติ" ก่อนถึงวาระครบรอบ 100 วัน ในขณะที่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เน้นย้ำอีกรอบ ประกาศกร้าวในเป้าหมายขุดรากถอนโคนกลุ่มฮามาส
ความขัดแย้งครั้งเลวร้ายได้จุดชนวนวิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซา และโหมกระพือความกังวลว่าสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคจะลุกลามบานปลาย หลังกองกำลังสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โจมตีใส่พวกกบฏฮูตี ที่สนับสนุนฮามาส ในเยเมนเมื่อวันศุกร์ (12 ม.ค.) ตอบโต้กรณีที่พวกติดอาวุธกลุ่มนี้โจมตีเรือในทะเลแดง
สงครามโหมกระพือขึ้น ครั้งที่พวกนักรบฮามาสเปิดฉากโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวจากฉนวนกาซา เล่นงานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,140 รายในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนี้ ฮามาส ซึ่งทางสหรัฐฯ และยุโรป ขึ้นบัญชีดำในฐานะกลุ่มก่อการร้าย ยังได้จับตัวประกันไปอีกราว 250 คน ในนั้น 132 คนยังถูกควบคุมตัวในกาซา และในนั้นอย่างน้อย 25 ราย เชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว
อิสราเอลประกาศแก้แค้น ทำลายฮามาส ผู้ปกครองฉนวนกาซา และจากนั้นก็ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้น สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 23,843 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ในขณะที่การปิดล้อมของอิสราเอล โหมกระพือวิกฤตขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ยาและเชื้อเพลิงในกาซา ดินแดนที่ระบบสาธารณสุขล่มสลาย
ระหว่างเดินทางเยือนฉนวนกาซา ฟิลิปป์ ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) กล่าวว่า "ตัวเลขผู้เสียชีวิตมหาศาล การทำลายล้าง การไร้ถิ่นฐาน ความหิวโหยและความทุกข์ในช่วงเวลา 100 วันหลังสุด ได้ก่อความแปดเปื้อนแก่มนุษยชาติของเราร่วมกัน"
"เด็กๆ ทั้งหมดในกาซากำลังบอกช้ำ โรคร้ายกำลังแพร่ระบาดและนาฬิกาแห่งความอดอยากกำลังเดินอย่างรวดเร็ว" เขาเตือน
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในสัปดาห์นี้ กำลังพิจารณาประเด็นโต้แย้งต่างๆ ในคดีหนึ่งที่ยื่นฟ้องโดยแอฟริกาใต้ กล่าวหาอิสราเอลละเมิดอนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide Convention) ของสหประชาชาติ
คดีนี้เป็นความพยายามหาทางระงับปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งอิสราเอลเน้นย้ำกับศาลว่ามันเป็นการป้องกันตนเอง และไม่มีเป้าหมายเล่นงานพลเรือนปาเลสไตน์
อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ยืนยันว่าไม่มีศาลหรือกองกำลังของศัตรูหน้าไหนที่จะหยุดยั้ง อิสราเอล จากการบรรลุเป้าหมายทำลายพวกฮามาส "ไม่มีใครจะหยุดเราได้ ไม่ใช่เฮก (ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ) ไม่ใช่แกนแห่งปีศาจ (Axis of Evil) หรือใครหน้าไหน" เขากล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ ทั้งนี้ แกนแห่งปีศาจ เป็นการอ้างถึงแกนแห่งการขัดขืน ซึ่งหมายถึงแกนแห่งการขัดขืน (axis of resistance) กลุ่มพันธมิตรของอิหร่าน ในเลบานอน ซีเรีย อิรักและเยเมน
"มันมีความเป็นไปได้และมีความจำเป็นต้องเดินหน้าจนกว่าได้รับชัยชนะ และเราจะต้องทำมัน" เขากล่าว พร้อมบอกว่ากองกำลังส่วนใหญ่ของฮามาสในกาซาถูกกำจัดแล้ว
ฝนตกลงมาซ้ำเติมสถานการณ์วิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซา ดินแดนที่สหประชาชาติคาดหมายว่ามีประชาชนถึง 1.9 ล้านคน หรือเกือบ 85% ของประชากรทั้งหมดต้องไร้ถิ่นฐาน
ผู้คนจำนวนมากต้องไปหลบภัยในราฟาห์และพื้นที่อื่นๆ ทางใต้ บริเวณที่กระทรวงสาธารณสุขของกาซา บอกว่าระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่เอื้ออำนวย
โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของกาซา กล่าวหาอิสราเอลจงใจเล็งเป้าหมายเล่นงานโรงพยาบาลต่างๆ "เพื่อให้โรงพยาบาลเหล่านั้นปฏิบัตงานไม่ได้" พร้อมเตือนผลกระทบหายนะ
โรงพยาบาล ซึ่งได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ถูกอิสราเอลโจมตีทางอากาศถล่มซ้ำๆ ในกาซา นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น แต่ทางกองทัพอิสราเอล กล่าวหาว่าพวกฮามาสปฏิบัติการศูนย์บัญชาการในอุโมงค์ทั้งหลายที่อยู่ใต้โรงพยาบาลต่างๆ คำกล่าวหาที่ทางฮามาสปฏิเสธ
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่าเวลานี้เหลือโรงพยาบาลในกาซาเพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงให้บริการได้ แถมเหล่านั้นยังสามารถใช้บริการได้เพียงบางส่วน
ในอิสราเอล เริ่มมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวในกาซา ในขณะที่พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมตัวเกือบครบ 100 วันแล้ว ทั้งนี้ความกังวลดังกล่าว ได้ยกระดับกลายเป็นแรงกดดันถาโถมเข้าใส่ เนทันยาฮู ให้พาตัวคนเหล่านี้กลับบ้าน
ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนในเทลอาวีฟ ในวันเสาร์ (13 ม.ค.) เรียกร้องให้ช่วยเหลือตัวประกันให้ได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังจากพวกญาติๆ ได้เปิดตัวหุ่นจำลองอุโมงค์กาซา บริเวณที่เชื่อว่าตัวประกันถูกควบคุมตัว "เราจะเดินหน้ามาที่นี่ทุกสัปดาห์ จนกว่าทุกคนจะได้รับการปล่อยตัว" อีดาน เบเกราโน วัย 47 ปีบอกกับเอเอฟพี
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนอีกกลุ่มแยกกันราว 100 คน ออกมารวมตัวเรียกร้องให้ยุติสงคราม ชูป้ายข้อความระบุว่า "การแก้แค้นไม่ใช่ชัยชนะ" และ "ไม่เอาการยึดครอง" ทั้งนี้ระหว่างการชุมนุมได้มีเหตุกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยระหว่างพวกเขากับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล
(ที่มา : เอเอฟพี)