องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) มีคำสั่งระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ต่อไปแบบ “ไม่มีกำหนด” เมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม พร้อมระบุด้วยว่าโบอิ้งจะต้องถูกกำกับดูแล (oversight) มากเป็นพิเศษ หลังเกิดกรณีผนังและหน้าต่างเครื่องบินที่เพิ่งผลิตใหม่ๆ หลุดกลางอากาศ
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส (United Airlines) และอะแลสกาแอร์ไลน์ส (Alaska Airlines) ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินต่อเนื่องไปจนถึงวันอังคารหน้า (16) ขณะที่ FAA ระบุว่าจะต้องดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยรอบใหม่ ก่อนจะพิจารณาอนุญาตให้เครื่องบินโดยสารรุ่นนี้กลับมาทำการบินได้อีกครั้ง
ภายใต้มาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม FAA จะทำการตรวจสอบสายการผลิตโบอิ้ง 737 MAX 9 และอาจพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานอิสระ (independent third party) เข้ามาตรวจสอบกระบวนการรับรองความปลอดภัยเครื่องบินใหม่ของโบอิ้งอีกชั้นหนึ่ง
FAA ยืนยันว่า คำสั่งกราวนด์เครื่องบินทั้ง 171 ลำนี้มีขึ้น “เพื่อความปลอดภัยของผู้เดินทางชาวอเมริกัน” และเมื่อวานนี้ (12) ก็ระบุว่ามีเครื่องบินอยู่ 40 ลำที่จำเป็นจะต้องถูกตรวจสอบซ้ำ ก่อนที่ FAA จะนำผลการตรวจมาทบทวนว่า MAX 9 มีความปลอดภัยมากพอที่จะทำการบินหรือไม่
อะแลสกาแอร์ไลน์ส และยูไนเต็ดแอร์ไลน์สซึ่งเป็น 2 สายการบินอเมริกันที่ใช้อากาศยานรุ่นนี้ต้องจำใจยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบินตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เรื่องนี้ส่อเค้าจะกลายเป็นวิกฤตด้านความเชื่อมั่นครั้งใหม่สำหรับโบอิ้ง หลังจากที่เครื่องบินตระกูล 737 MAX เคยโดนคำสั่งระงับการใช้งานมาแล้วจากผลพวงของอุบัติเหตุเครื่องบินตกในอินโดนีเซีย และเอธิโอเปียเมื่อราว 5 ปีก่อน
เครื่องบินลำต้นเหตุของอะแลสกาแอร์ไลน์สที่เพิ่งจะถูกนำมาใช้งานได้เพียง 8 สัปดาห์ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน เมื่อวันที่ 5 ม.ค. และเมื่อไต่ระดับความสูงถึง 16,000 ฟุตก็เกิดเหตุแผ่นอุดประตู (door plug) หลุดผลัวะกลางอากาศ ทำให้นักบินต้องนำเครื่องวกกลับไปลงจอดฉุกเฉิน และโชคดีที่ผู้โดยสารบาดเจ็บกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ที่มา : รอยเตอร์