รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) ระหว่างการขึ้นศาลลอสแองเจลิสวันแรก บุตรชายผู้นำสหรัฐฯ ฮันเตอร์ ไบเดน ประกาศไม่ยอมรับผิดใน 9 กระทงคดีเลี่ยงภาษีมูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2016-2019 แต่กลับมีชีวิตหรูหราเสวยสุข ส่วนวันอังคาร (9) ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ดี.ซี ถามตรงทนายทรัมป์ “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะได้รับภูมิคุ้มกันจากการดำเนินคดีหากสั่งหน่วยซีล (SEAL) ทีมสังหารบินลาเดน 'ลอบสังหาร' คู่แข่งทางการเมืองหรือไม่” ระหว่างรอยเตอร์โพลล่าสุดชี้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไบเดน-ทรัมป์ คะแนนเสมอระหว่างรีพับลิกันเตรียมคอคัสเลือกตั้งรอบแรกประเดิมรัฐไอโอวาสัปดาห์หน้า
รอยเตอร์รายงานวานนี้ (11 ม.ค.) ว่า บุตรชายผู้นำสหรัฐฯ ฮันเตอร์ ไบเดน (Hunter Biden) วัย 53 ปี เข้าร่วมพิจารณาการไต่สวนคดีเลี่ยงภาษี 1.4 ล้านดอลลาร์เป็นวันแรกวานนี้ (11) ที่ศาลแขวงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในเมืองลอสแองเจลิส เป็นคดีที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2016-2019 ขณะที่เขาใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์หรูหราระหว่างที่ผู้เป็นพ่อดำรงตำแหน่งอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯในเวลานั้น โดยใช้เงินหลายล้านดอลลาร์หมดไปกับยาเสพติด หญิงค้าประเวณี และรถซูเปอร์คาร์ และความหรูหราอื่นๆ
ฮันเตอร์โดนดำเนินคดี 9 กระทงในความผิดเลี่ยงภาษี และหากว่าเขามีความผิดจริงอาจต้องโดนตัดสินโทษจำคุกในเรือนจำนาน 17 ปี
ในวันพฤหัสบดี (11) บุตรชายผู้นำสหรัฐฯ ที่ผูกเนกไทและสูทสีน้ำเงินขึ้นแถลงตอบว่า “ไม่ยอมรับความผิด” เมื่อผู้พิพากษาศาลแขวง ดี.ซี. มาร์ค สคาร์ซี (Mark Scarsi) ถามว่าจะยอมรับในความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่
เกิดขึ้น 1 วันหลังฮันเตอร์ ไบเดน ปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันในช่วงสั้นๆ ของวันพุธ (10) ภายในรัฐสภาสหรัฐฯ ระหว่างที่คณะกรรมาธิการสภาล่างของพรรครีพับลิกันกำลังเริ่มกระบวนการเอาผิดฮันเตอร์ ฐานขัดคำสั่งสภาคองเกรสจากการที่ไม่ยอมเข้ามาให้การตามหมายเรียก
โดยในวันพุธ (10) CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า บุตรชายผู้นำสหรัฐฯ จู่ๆ ผลุนผลันรีบเดินออกไปจากห้องพิจารณาทันทีพร้อมกับทนายความระหว่างที่ ส.ส. สายเหยี่ยวพรรครีพับลิกันของรัฐจอร์เจีย มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน (Marjorie Taylor Greene) หรือ MTG กำลังอภิปรายอย่างดุเดือด
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานวันพุธ (10) เช่นกันว่า โฆษกทำเนียบขาวไม่ยอมตอบคำถามที่ว่า ทำเนียบขาวได้รับการแจ้งล่วงหน้าหรือไม่ว่า บุตรชายประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางไปยังรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการรับฟังในฐานะผู้สังเกตการณ์ในวันนั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคดีที่ทำให้พรรครีพับลิกันเปิดการพิจารณาไต่สวนการถอดถอนประธานาธิบดีไบเดนผู้พ่ออยู่ในเวลานี้
ความวุ่นวายของการเมืองสหรัฐฯ เริ่มมาตั้งแต่วันอังคาร (9) ที่ศาลแขวงชั้นอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำกรุงวอชิงตัน เมื่อผู้พิพากษา ฟลอเรนซ์ แพน (Judge Florence Pan) หนึ่งในคณะผู้พิพากษาทั้งหมด 3 คนในคดีภูมิคุ้มกันทางการเมืองของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวข้องเหตุการณ์บุกรัฐสภาสหรัฐฯ 6 ม.ค. ปี 2020 ที่มีฝูงชนกลุ่มขวาจัดสาวกทรัมป์บุกเข้าไปเพื่อกันไม่ให้มีการรับรองไบเดนขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ได้ทำการซักถาม จอห์น ซาวเวอร์ (John Sauer) ทนายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการพิจารณาคดีระยะเวลา 90 นาที
เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันที่ 9 ม.ค. ว่า ในวันอังคาร (9) ทนายความของทรัมป์ต้องเผชิญคำถามโลกแตกสุดประหลาดจากคณะผู้พิพากษา 3 คน ต่อข้ออ้างภูมิคุ้มกันผู้นำสหรัฐฯ ระหว่างอยู่ในตำแหน่งของฝ่ายกฎหมายของทรัมป์ คำถามจากผู้พิพากษาที่รวมไปถึงว่า ทรัมป์สามารถใช้กองทัพสหรัฐฯ 'ลอบสังหาร' คู่แข่งทางการเมืองได้หรือไม่
“เป็นคำถามตอบ “ใช่” หรือ “ไม่” เท่านั้น” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังไม่โดนการถอดถอนจากตำแหน่งได้ออกคำสั่งหน่วยซีลทีมที่ 6 (ทีมหน่วยรบพิเศษ SEAL ลอบสังหารผู้นำอัลกออิดะห์ โอซามา บินลาเดน)ในการลอบสังหารคู่แข่งทางการเมืองนั้นสามารถถูกดำเนินคดีทางอาญาได้หรือไม่?” ผู้พิพากษาแพนถาม
แต่คำตอบที่ได้มาจากทนายทำให้อึ้งไปทั้งศาลและทั่วอเมริกา เมื่อทนายของทรัมป์ยืนยัน โดยอ้างว่า 'ประธานาธิบดีไม่จำเป็นต้องถูกดำเนินคดี' ถึงแม้เขาจะสั่งลอบสังหารคู่แข่งทางการเมือง หากว่าตัวประธานาธิบดียังไม่ได้โดนถอดถอนแต่แรก
ทนายซาวเวอร์ตอบศาลว่า “หากว่าเขาถูกถอดถอนและดำเนินคดีก่อนแต่แรก”
ผู้พิพากษาแพนรุกกลับโดยถามซ้ำว่า “ดังนั้นคำตอบของคุณคือ “ไม่””
ทนายทรัมป์ตอบกลับว่า “คำตอบของผมมีคุณสมบัติไปที่...”ใช่”...หากคุณคาดหวังต่อกระบวนการถอดถอนอย่างรวดเร็วและการดำเนินคดี”
เดลีเมลรายงานต่อว่า ในการพิจารณาผู้พิพากษายังทดสอบต่อการอ้างของภูมิคุ้มกันประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อทนายความทรัมป์อีกว่า ประธานาธิบดีสามารถขายความลับกองทัพสหรัฐฯ หรือขายคำอภัยโทษโดยปราศจากการดำเนินคดีทางอาญา
ในคดีนี้อัยการพิเศษสหรัฐฯ เจมส์ เพิร์ซ (James Pearce) ได้ออกมาแถลงต่อศาลว่า “โลกเราที่อาศัยอยู่เป็นแบบไหนกัน..หากว่ามีประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สามารถออกคำสั่งหน่วยรบพิเศษซีลของเขาในการลอบสังหารคู่แข่งทางการเมืองและลาออก เป็นต้นว่า ก่อนการถอดถอน? ไม่ใช่ความผิดทางอาญา” โดยอัยการสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบบการต่อสู้ทางคดีของทีมกฎหมายทรัมป์แบบสุดโต่ง
เดลีเมลรายงานว่า แต่เพิร์ซยังแสดงเจตจำนงต้องการให้ศาลพิพากษาขึ้นอยู่กับคุณค่าในข้ออ้างของฝ่ายโจทก์มากกว่าต่อภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ ทนายซาวเวอร์ได้แสดงตรรกะปกป้องทรัมป์ภายในศาลวันอังคาร (9) ว่า
การปล่อยให้มีการดำเนินคดีประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการกระทำระหว่างอยู่ในตำแหน่งจะเป็นเสมือนการเปิดกล่องแพนโดราที่จะส่งผลร้ายอย่างไม่สามารถกู้กลับได้ต่อรัฐบาลสหรัฐฯ เอง
เขากล่าวโต้ว่า หากอนุญาตจะเป็นเช่นไรหากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช โดนดำเนินคดีฐานก่อสงครามอิรักโดยอ้างอิงจากข้อมูลข่าวกรองที่ไม่เป็นจริง หรืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา โดนดำเนินคดีฐานใช้โดรนโจมตีที่สังหารชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์
เกิดขึ้นระหว่างที่อเมริกากำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหลังโหมโรงมานานโดยจะมีการเลือกตั้งรอบแรกประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกันในรัฐแรกคือ รัฐไอโอวา ที่เรียกว่าการเลือกตั้งคอคัส (Iowa caucuses) จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ (15) ที่กำลังจะมาถึงสำหรับสมาชิกพรรครีพับลิกัน โดยการเลือกตั้งรอบแรกเป็นการเลือกตัวแทนพรรคที่จะเกิดขึ้นจากทั้ง 2 พรรค
อ้างอิงจากวิกีพีเดีย รัฐไอโอวาเป็นไม่กี่รัฐที่เลือกใช้ระบบคอคัสสำหรับการเลือกตั้งรอบแรก ต่างจากรัฐส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ใช้ระบบไพรมารี โหวต (Primary vote) ก่อนที่จะไปสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนปลายปีนี้
โพลรอยเตอร์/อิปโซส (Reuters/Ipsos) รายงานวันพุธ (10) พบว่า โพลสำรวจการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน พบบรรยากาศซึมเซา มีชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากไม่ตื่นเต้นกับการเลือกตั้ง ไม่ชอบผู้สมัครคนใดทั้งไบเดนหรือทรัมป์
โพลระบุว่า อเมริกันชนทั่วประเทศที่เข้าร่วมการสำรวจให้คะแนนทั้งคู่ทั้งไบเดนและทรัมป์เท่ากันที่ 35% และเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามชี้ว่าพวกเขาไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใด ส่วนอีก 9% กล่าวว่าจะสนับสนุนผู้สมัครลงชิงคนอื่น และ 8% กล่าวว่ายังไม่ตัดสินใจ
รอยเตอร์รายงานแต่เมื่อบังคับให้ผู้ตอบแบบสอบถามต้องเลือกระหว่างไบเดนและทรัมป์ ผลคำตอบกลับเท่ากันที่คนทั้งคู่ได้คะแนนเท่ากันที่ 48%
ในโพลสำรวจพบว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงนำคู่แข่งคนอื่นภายในพรรคกว่า 37 จุด ทั้งอดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ นิกกี เฮลีย์ (Nikki Haley) และผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เด ซานติส (Ron De Santis) ส่วนอดีตผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ คริส คริสตี (Chris Cristie) ประกาศถอนตัวในวันพุธ (10) อ้างอิงจาก CNN
โพลระบุว่า กลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงสายอิสระแสดงความไม่สนใจในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ โดยกว่า 41% ของกลุ่มกล่าวว่า พวกเขาเลือกที่จะไม่ออกเสียง
โพลรอยเตอร์/อิปโซสทำการสำรวจทางออนไลน์มีผู้เข้าร่วมการสำรวจ 4,677 คนเป็นกลุ่มชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ทั่วประเทศ โดยที่ไม่มีการให้ความสำคัญที่การโหวตแรกของรัฐไอโอวา และรัฐนิวแฮมป์เชียร์ การสำรวจทำระหว่างวันที่ 3-9 ม.ค. และมีค่าความผิดพลาด +-1.5%
การเมืองภายในสหรัฐฯ กลายเป็นเรื่องวิตกในระดับโลกโดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบนี้ อดีตสุภาพสตรีสหรัฐฯ หมายเลข 1 สหรัฐฯ มิเชล โอบามา เปิดเผยในวันจันทร์ (8) ผ่าน podcast ว่ารู้สึกกลัวเป็นอย่างมากต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 อ้างอิงจาก CNN
แต่ยังไม่เท่ากับการแสดงความเห็นจากสาธารณะของอังกฤษ ดิอีฟนิงสแตนดาร์ด สัปดาห์นี้รายงานว่า เกือบครึ่งของชาวอังกฤษชี้ว่า หากว่าอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งปี 2024 รอบนี้จะส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเป็นภัยร้ายแรงต่อการไร้เสถียรภาพของโลกหากได้เข้าสู่ทำเนียบขาว และอาจส่งผลร้ายต่ออังกฤษ และยุโรป อ้างอิงจากโพล FGS Global ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (8)