xs
xsm
sm
md
lg

ชมคลิป : ปธน.เอกวาดอร์สั่งทหารออกปราบปรามโดยถือเป็นผู้ก่อการร้าย หลังพวกแก๊งค้ายาท้าทายประกาศภาวะฉุกเฉิน เหิมบุกสถานีทีวี จับตำรวจเป็นตัวประกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพถ่ายจากวิดีโออัดรายการสดของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ทีซี เทเลวิชัน ของเอกวาดอร์ แสดงให้เห็นช่วงขณะที่กลุ่มติดอาวุธบุกเข้าไปจี้จับพวกนักข่าวและเจ้าหน้าที่ ณ ห้องส่งซึ่งกำลังมีการออกอากาศสดๆ กันอยู่ ที่เมืองกัวยากิล ประเทศเอกวาดอร์ วันอังคาร (9 ม.ค.)
แก๊งค้ายาเอกวาดอร์เหิมหนัก ส่งมือปืนกว่าสิบคนบุกสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งระหว่างการออกอากาศสด แล้วยังมีการจับตำรวจ 7 นายเป็นตัวประกัน รวมทั้งประกาศฆ่าทุกคนที่พบบนถนนเมื่อวันอังคาร (9 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันที่สองที่เกิดเหตุรุนแรงในประเทศนี้ ด้านประธานาธิบดีซึ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนหน้านี้ ออกมาตราหน้า22 แก๊งเป็นพวกผู้ก่อการร้ายพร้อมสั่งกองทัพเข้ากวาดล้างอย่างเด็ดขาด ขณะจีนสั่งปิดให้บริการสถานทูตและสถานกงสุลในประเทศอเมริกาใต้แห่งนี้เป็นการชั่วคราว และเปรูก็ปิดพรมแดนที่ติดกับเอกวาดอร์




จากที่เคยสงบสุขถึงแม้ตั้งอยู่ระหว่างสองประเทศผู้ส่งออกยาเสพติดโคเคนรายใหญ่คือโคลอมเบียและเปรู ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเอกวาดอร์กลับกำลังเต็มไปด้วยเหตุการณ์รุนแรงจากการที่แก๊งอาชญากรรมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับแก๊งค้ายาในเม็กซิโกและโคลอมเบีย ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอย่างดุเดือด

ภายหลังการแหกคุกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของโฮเซ อดอลโฟ มาเซียส หรือ “ฟิโต” หัวหน้าแก๊งลอส โคเนรอส ซึ่งเป็นแก๊งค้ายาใหญ่ที่สุดในเอกวาดอร์ ในวันจันทร์ (8) ประธานาธิบดีดาเนียล โนโบอา ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ 60 วัน รวมทั้งห้ามประชาชนออกจากบ้านในยามวิกาล

อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (9) โนโบอา วัย 36 ปี ซึ่งเพิ่งขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่แล้วได้ชูนโยบายต่อสู้กับเหตุการณ์รุนแรงอันสืบเนื่องจากยาเสพติด ได้ประกาศกฤษฎีกาฉบับทบทวนแก้ไขใหม่ โดยสั่งการให้กองทัพเข้ากวาดล้างแก๊งอาชญากรจำนวน 22 แก๊ง ซึ่งรวมทั้งแก๊งลอส โคเนรอส ด้วย โดยเขาระบุว่าแก๊งเหล่านี้เป็น “กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่พร้อมก่อความรุนแรง” และเวลานี้เอกวาดอร์เข้าสู่สถานการณ์ “การสู้รบขัดแย้งกันด้วยกำลังอาวุธภายในประเทศ” แล้ว

โนโบอาประกาศใช้มาตรการที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นเช่นนี้ หลังจากแก๊งต่างๆ ตอบโต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของเขาอย่างทันควันด้วยการจับตำรวจเป็นตัวประกัน จุดไฟเผารถยนต์และก่อเหตุระเบิดในหลายเมือง รวมถึงที่ กีโต เมืองหลวงของเอกวาดอร์

ในวันอังคารที่เมืองท่ากัวยากิล ชายฉกรรจ์สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้ากลุ่มหนึ่งพร้อมปืนและระเบิด ได้บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์ทีซี เทเลวิชันของรัฐบาลและยิงปืนระหว่างที่กำลังมีการออกอากาศสด พร้อมกับกวาดจับผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่หลายคนเป็นตัวประกัน ก่อนที่ตำรวจจะเดินทางไปถึงในอีก 30 นาทีต่อมาและจับกุมมือปืนได้ 13 คน

วันเดียวกันนั้น ตำรวจรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คนจากการโจมตีของแก๊งต่างๆ ในเมืองกัวยากิล และเมืองโนโบล ตำรวจ 3 นายในกัวยากิลได้รับบาดเจ็บ และ 7 นายถูกลักพาตัว

นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่คลิปบนโซเชียลมีเดียเป็นภาพตำรวจ 3 นายนั่งอยู่บนพื้นโดยมีปืนจ่อศีรษะ และตำรวจนายหนึ่งที่ดูหวาดกลัวอย่างชัดเจนถูกบังคับให้อ่านคำแถลงตอบโต้การประกาศสงครามและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของโนโบอา พร้อมทิ้งท้ายว่า จะสังหารทุกคนที่พบเจอบนถนนหลัง 23.00 น.

ทางด้านห้างร้านและธุรกิจต่างๆ พากันประกาศปิดทำการปิดเร็วกว่าปกติ ส่วนประชาชนก็รีบกลับบ้าน และโรงเรียนทั่วประเทศประกาศหยุดจนถึงวันศุกร์ (12 ม.ค.)

นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในเรือนจำหลายแห่ง โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 12 คน และเจ้าหน้าที่ธุรการ 14 คนในเรือนจำใน 5 เมืองถูกนักโทษควบคุมตัว

เจมี เวลา ประธานกองบัญชาการร่วมของกองทัพเอกวาดอร์ แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงที่มีโนโบอาเป็นประธานว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการตอบโต้แผนของโนโบอาในการสร้างเรือนจำแห่งใหม่ที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นและย้ายบรรดาหัวหน้าแก๊งไปขังในเรือนจำดังกล่าว และเสริมว่า นับจากนี้ต่อไปแก๊งอาชญากรที่โนโบอาระบุเป็นกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็นเป้าหมายของกองทัพ

กองทหารเอกวาดอร์ ออกตรวจการณ์บริเวณด้านนอกทำเนียบรัฐบาล ระหว่างการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในกรุงกีโต เมื่อวันอังคาสร (9 ม.ค.)
ทางด้าน ไบรอัน นิโคลส์ นักการทูตอาวุโสของอเมริกาในละตินอเมริกา กล่าวว่า วอชิงตันกังวลอย่างยิ่งกับเหตุการณ์รุนแรงและการลักพาตัว และจะให้ความช่วยเหลือ รวมถึงติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะทำงานของโนโบอา

ขณะเดียวกัน เปรูประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและสั่งปิดพรมแดนที่ติดกับเอกวาดอร์

ด้านสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลจีนในเอกวาดอร์ ประกาศระงับการให้บริการชั่วคราว

ชิลี โคลอมเบีย และบราซิลส่งสาส์นสนับสนุนรัฐบาลโนโบอา

สำหรับกรณีของฟิโต วัย 44 ปี ที่ถูกตัดสินจำคุก 34 ปีจากข้อหาจัดตั้งองค์กรอาชญากรรม ค้ายา และฆาตกรรมนั้น เชื่อว่า หลบหนีจากเรือนจำกัวยากิลเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ตำรวจจะเดินทางไปถึงเรือนจำเพื่อทำการสอบสวน

เจ้าหน้าที่ยังเผยว่า ในวันอังคาร ฟาบริซิโอ โคลอน ปิโก เจ้าพ่อแก๊งค้ายาอีกคน หลบหนีนับจากถูกจับกุมเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (5 ม.ค.) จากข้อกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนลอบสังหารรัฐมนตรียุติธรรมเอกวาดอร์

ทั้งนี้ เหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทำให้อัตราการฆาตกรรมในเอกวาดอร์เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าระหว่างปี 2018-2022 และมีการยึดยาเสพติดได้ถึง 220 ตันเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้นับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างนักโทษที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 460 คน หลายคนในจำนวนนี้ถูกตัดคอหรือเผาทั้งเป็น

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น