การรวมชาติของจีนกับไต้หวันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จากคำกล่าวในวาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันอาทิตย์ (31 ธ.ค.) ให้สุ้มเสียงแข็งกร้าวกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ ที่ไต้หวันจะมีการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาไต้หวัน ในวันที่ 13 มกราคม เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างปักกิ่งกับไทเป โดยจีนยกระดับกดดันด้านการทหาร เพื่อเน้นย้ำคำกล่าวอ้างทางอธิปไตยเหนือไต้หวัน เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย
จีน มองไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งที่แยกตัวออกไป และจีนไม่เคยปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังดึงเกาะแห่งนี้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุม แม้ สี ไม่ได้เอ่ยปากข่มขู่ด้านการทหารในคำแถลงที่เผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
"การรวมชาติกับแผ่นดินแม่เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในทางประวัติศาสตร์" สีกล่าว ผ่านสำนักข่าวแห่งรัฐซินหัว ซึ่งมีการแปลคำพูดของเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ "เพื่อนร่วมชาติใน 2 ฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน ควรผูกพันด้วยสามัญสำนึกแห่งเจตจำนง และมีความรู้สึกร่วมกันในการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของประเทศจีน" เขากล่าว ในขณะที่คำแปลอย่างเป็นทางการใช้คำว่า "ชาวจีนทุกคน" แทนคำว่า "เพื่อนร่วมชาติ"
เมื่อปีที่แล้ว สี ใช้คำพูดเพียงว่าประชาชนของ 2 ฟากฝั่งช่องแคบ "เป็นสมาชิกของครอบครัวเดียวกัน" และแสดงความหวังว่าประชาชนจาก 2 ฝั่งจะทำงานร่วมกันในการ "ร่วมประคับประคองความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของประเทศจีน"
จีน คัดค้านอย่างเจาะจงไปที่ ไล่ชิงเต๋อ (วิลเลียม ไล) รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) พรรครัฐบาลของไต้หวัน ซึ่งมีคะแนนนิยมนำหน้าทิ้งห่างพอสมควรในผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ โดยบอกว่าบุคคลรายนี้เป็นพวกแบ่งแยกดินแดนที่อันตราย
ระหว่างการดีเบตผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเมื่อวันเสาร์ (30 ธ.ค.) ไล่ เน้นย้ำให้คำจำกัดความตนเองในฐานะ "คนทำงานเพื่อความเป็นเอกราชของไต้หวัน" และกล่าวหาปักกิ่งใช้กองกำลังข่มขู่เกาะแห่งนี้ ซึ่งหลังจากนั้นในวันเดียวกัน สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนออกมาตอบโต้ว่า ไล่ ได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ในฐานะคนงานหัวรั้นเพื่อความเป็นเอกราชของไต้หวัน และเป็นผู้ทำลายสันติภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน
โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน ระบุว่านับตั้งแต่ปี 2016 ครั้งที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนและบงการอาชญากรรม ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบ และก่อความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของชาวไต้หวัน "ในฐานะบุคคลแกนนำของพรรค DPP และประธานคนปัจุบันของ DPP วิลเลียม ไล ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้"
พรรค DPP บอกว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันที่สามารถตัดสินใจอนาคตของตนเอง ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญของ ไล ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้แก่ โหวโหย่วอี๋ (Hou Yu-ih) นายกเทศมนตรีเมืองนิวไทเป จากพรรคก๊กมินตั๋ง
ปกติแล้วพรรคก๊กมินตั๋งมีธรรมเนียมอยากสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน แต่ปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวว่าเป็นพวกฝักใฝ่ปักกิ่ง
(ที่มา : รอยเตอร์)