เจ้าหน้าที่เนปาลเผยผลสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินของสายการบินเยติแอร์ไลน์ส (Yeti Airlines) ตกเมื่อเดือน ม.ค. จนทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องเสียชีวิตยกลำ 72 ศพ ระบุเกิดจากนักบิน “ปรับคันโยกผิด”
เครื่องบิน ATR 72 ลำนี้นำผู้โดยสาร 68 คน และลูกเรืออีก 4 คน ออกเดินทางจากกรุงกาฐมาณฑุไปยังเมืองโพคารา (Pokhara) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับบรรดาผู้แสวงบุญและนักปีนเขา ก่อนจะประสบอุบัติเหตุขณะลงจอด ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งเลวร้ายที่สุดของเนปาลในรอบ 30 ปี
เครื่องบินลำนี้พุ่งตกลงไปในหุบลึก ก่อนจะกระแทกพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และระเบิดไฟลุกไหม้ทั้งลำ ในบรรดาผู้เสียชีวิตมีเด็ก 6 คนและชาวต่างชาติอีก 15 คนรวมอยู่ด้วย
พุทธิ สาคร ลามิชฮาเน หนึ่งในคณะกรรมาธิการสืบสวนให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า ผลสอบได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากนักบิน “ปรับคันโยกผิด”
“ในทางเทคนิคเครื่องบินไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย แต่เกิดจากความผิดพลาดของตัวนักบิน ทำให้เครื่องสูญเสียแรงยก (stall) และตกในที่สุด” เขากล่าว
ผลการสอบสวนซึ่งถูกส่งไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวของเนปาลเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ธ.ค.) ระบุว่า สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ “นักบินปรับคันโยกที่เรียกว่า condition levers ไปอยู่ในตำแหน่ง feathered position โดยไม่ได้ตั้งใจ”
จากคลิปที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดียจะเห็นว่า เครื่องบิน 2 ใบพัดลำนี้หมุนเอียงไปทางซ้ายอย่างกะทันหันขณะกำลังร่อนลงจอดที่สนามบินโพคารา
อุตสาหกรรมการบินเนปาลเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารเชื่อมต่อระหว่างเมืองที่เข้าถึงได้ยาก รวมถึงพานักท่องเที่ยวต่างชาติไปยังจุดปีนเขา
อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุทางการบินก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากขาดการฝึกอบรมบุคลากรและการซ่อมบำรุงที่ได้มาตรฐานเพียงพอ
ที่มา : รอยเตอร์