อิสราเอลโจมตีทางอากาศก่อนเที่ยงคืนวันคริสต์มาสอีฟ ยาวต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์ (25 ธ.ค.) สังหารผู้คนกว่า 70 คนในกาซา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีนองเลือดที่สุดในสงครามที่ดำเนินมานานกว่า 2 เดือนครึ่ง ขณะที่เนทันยาฮูประกาศแม้ต้องจ่ายแพงแต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำสงครามต่อจนกว่าจะถอนรากถอนโคนฮามาสสำเร็จ ด้านผู้อำนวยการ WHO ชี้การทำลายล้างระบบสาธารณสุขในกาซาคือโศกนาฏกรรม และย้ำข้อเรียกร้องให้หยุดยิงทันที
การโจมตีที่เริ่มต้นขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (24) และยืดเยื้อข้ามมาถึงวันจันทร์ครั้งนี้ ทั้งชาวบ้านและสื่อปาเลสไตน์ระบุว่ากองทัพรัฐยิวระดมถล่มทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินใส่ค่ายผู้ลี้ภัย อัล-บูเรจ ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของฉนวนกาซา
ขณะที่ อัชราฟ อัล-กิดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา แถลงว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลยังพุ่งเป้าใส่ค่ายผู้ลี้ภัย อัล-มากาซี ที่อยู่ตอนกลางของกาซาเช่นกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 คน
ทางด้านกองทัพอิสราเอลบอกว่า กำลังตรวจสอบรายงานการโจมตีค่ายมากาซี และอ้างว่าพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือนให้มากที่สุด ขณะที่ฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหาของอิสราเอลที่ระบุว่า กลุ่มของตนใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และซุ่มปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น
กระทรวงสาธารณสุขกาซายังเผยว่า มีสมาชิกครอบครัวหนึ่งเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา นอกจากนั้นยังมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 18 คนในเมืองข่านยูนิสซึ่งเป็นเมืองหลักของกาซาตอนใต้
ขณะเดียวกัน สภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์เผยแพร่คลิปภาพผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล พร้อมระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มถนนสายหลักเพื่อขัดขวางรถพยาบาลและรถฉุกเฉิน
เมื่อวันอาทิตย์ เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การทำลายล้างระบบสาธารณสุขในกาซาถือเป็นโศกนาฏกรรม และยืนกรานเรียกร้องให้หยุดยิงทันที
ปัจจุบัน โรงพยาบาลทั้งหมด 36 แห่งในกาซา มีเพียง 9 แห่งที่ยังสามารถเปิดดำเนินการได้เพียงบางส่วน และทั้งหมดนี้อยู่ในกาซาตอนใต้
ทั้งนี้ เชื่อกันว่า กลุ่มฮามาส และ กลุ่มอิสลามิกญิฮาดที่เป็นพันธมิตรของฮามาส ซึ่งประกาศทำลายล้างอิสราเอล ยังคงกักขังตัวประกันกว่า 100 คนจากทั้งหมด 240 คนที่นำตัวมาจากรัฐยิว ระหว่างปฏิบัติการบุกจู่โจมช็อกโลกสังหารผู้คนในอิสราเอลไปร่วมๆ 1,200 คนเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
นับแต่นั้นอิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซาเบ็ดเสร็จ พร้อมโจมตีทั้งทางอากาศและบุกภาคพื้นดิน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 20,400 คนแล้ว และเชื่อว่า ยังมีผู้เสียชีวิตใต้ซากปรักหักพังอีกหลายพันคน ขณะที่สหประชาชาติระบุว่า ประชากร 2.3 ล้านคนในกาซาแทบทั้งหมดเวลานี้อยู่ในสภาพต้องทิ้งบ้านเรือนหนีสงคราม
นับจากข้อตกลงหยุดยิงนาน 1 สัปดาห์ได้ล่มลงเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ อิสราเอลได้เน้นเน้นการสู้รบภาคพื้นดินมากขึ้น และขยายวงจากตอนเหนือออกมาครอบคลุมทั่วทั้งฉนวนกาซา
วันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลแถลงว่า มีทหารของตนเสียชีวิตอีก 2 นายในวันก่อนหน้า รวมแล้วเป็น 158 นายนับจากเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อวันที่ 20 ต.ค.
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แถลงต่อคณะรัฐมนตรีของเขาในวันเดียวกันว่า สงครามครั้งนี้สร้างความสูญเสียอย่างมาก แต่อิสราเอลไม่มีทางเลือกนอกจากรบต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะเหนือฮามาส
คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นแม้อิสราเอลถูกกดดันอย่างหนักจากพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดคืออเมริกา ที่ต้องการให้อิสราเอลลดระดับปฏิบัติการลงและลดความสูญเสียต่อพลเรือน
วันเสาร์ (23 ธ.ค.) เสนาธิการทหารอิสราเอลแถลงว่า กองทัพสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางเหนือของกาซาได้แล้วและจะขยายปฏิบัติการลงสู่ตอนใต้ ทว่า ชาวปาเลสไตน์เผยว่า ยังคงมีการสู้รบหนักหน่วงในพื้นที่ตอนเหนือ
ขณะเดียวกัน ความพยายามทางการทูตโดยอียิปต์และกาตาร์ เพื่อให้มีข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ และมีการปล่อยตัวประกันอิสราเอลที่ยังถูกควบคุมตัวในกาซา ปรากฏว่ามีความคืบหน้าน้อยมาก แม้วอชิงตันระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีการเจรจาอย่างจริงจังมากก็ตาม
อนึ่ง มีรายงานว่า ซัยยาด อัล-นาคลาลา ผู้นำของกลุ่มอิสลามิกญิฮาดซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างแดน ได้นำคณะผู้แทนเดินทางไปโคโรเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาส ก็เดินทางไปยังเมืองหลวงของอียิปต์เช่นเดียวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในกาซา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มอิสลามิกญิฮาดยืนกรานว่า จะไม่เจรจาปล่อยตัวประกันเว้นแต่อิสราเอลจะยุติสงครามในกาซา ขณะที่อิสราเอลแสดงท่าทีชัดเจนว่า พร้อมหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงชั่วคราวเท่านั้น
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)