เอเจนซีส์ – ฮือฮาไปทั่วเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯสัปดาห์นี้ประกาศให้พื้นที่อาณาเขตทางทะเลของสหรัฐฯขยายไปไกลพ้น 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งใช้นิยาม “ส่วนขยายไหล่ทวีป” (extended continental shelf : ECS) ขยายออกไปราว 1 ล้านกิโลเมตร พื้นที่อาณาเขตทางทะเลใหม่คิดเป็น 2 เท่าของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศถือสิทธิ์ครอบครองทรัพยากรใต้ทะเลล้ำค่าทันที
Knewz ของสหรัฐฯรายงานวันศุกร์(22 ธ.ค)ว่า กลายเป็นเอ็นด์เกมส์ของวอชิงตันไปในทันทีเมื่อสหรัฐอเมริกากำลังมีพื้นที่เพิ่มขึ้นหลังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในวันอังคารที่ 19 ธ.คที่ผ่านมาประกาศถือสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ออกไปไกลจากชายฝั่งเกิน 200 ไมล์ทะเล ครอบครองทรัพยากรใต้ทะเลที่มีค่าทั้งสัตว์น้ำรวมแหล่งน้ำมันโดยอาศัยนิยาม “ส่วนขยายไหล่ทวีป” (extended continental shelf : ECS)
พรมแดนพื้นที่ใต้ทะเลสหรัฐฯที่เรียกว่า ECS นี้ขยายออกไปราว 1 ล้านกิโลเมตร พื้นที่อาณาเขตทางทะเลใหม่คิดเป็น 2 เท่าของรัฐแคลิฟอร์เนีย
ส่วนใหญ่พื้นที่ส่วนขยายไหล่ทวีป ECS ใหม่นี้อยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก ทางเหนือของรัฐอะแลสกา Knewz ชี้ว่าพื้นที่ใหม่ขยายออกไปทางเหนือ 350 ไมล์ทะเลไปทางทิศตะวันออก และมากกว่า 680 ไมล์ทะเลไปยังทิศตะวันตก
อย่างไรก็ตาม “พื้นที่ ECS อาร์กติก” ที่อยู่ระหว่างกลางแคนาดาที่อยู่ทางตะวันออกและรัสเซียในทางตะวันตก กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่า พื้นที่ ECS อาร์กติกถูกนิยามว่า "เป็นพื้นที่ไม่มีจุดบ่งบอกพิกัดที่แน่นอนของพิกัดขอบนอกไหล่ทวีปของสหรัฐฯตั้งอยู่ทางตะวันตกของพรมแดนรัสเซียที่ได้มีการปักปันไว้แล้ว”
สื่อสหรัฐฯกล่าวว่า ผลจากการขยายพรมแดนทางทะเลไกลออกไปทำให้สหรัฐฯขยายพรมแดนออกไป 620,000 ไมล์นอกชายฝั่ง
ส่วนขยายไหล่ทวีป ECS ของสหรัฐฯนั้นพบในพื้นที่ชายฝั่ง 7 แห่งได้แก่ มหาสมุทรอาร์กติก ชายฝั่งตะวันออกมหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลแบริง ชายฝั่งตะวันตกมหาสมุทรแปซิฟิก หมู่เกาะมาเรียนา(Mariana Islands) และ 2 จุดในอ่าวเม็กซิโก
มีการคาดว่าพื้นที่ทางทะเลใหม่ที่วอชิงตันได้ไปนั้นคาดว่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์เป็นต้นว่า ปะการัง ปู และสัตว์ใต้ทะเลทางน้ำที่ทรงคุณค่า
อ้างอิงจากการแถลงของกระทรวงซึ่งระบุว่าผลจากคำสั่งนั้นมาจากการสำรวจทางมหาสมุทรศาตร์เริ่มย้อนไปไกลตั้งแต่ปี 2003 โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติหรือ NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) และสำนักงานสำรวจทางธรณีย์วิทยาสหรัฐฯ USGS ที่ได้ทำการสำรวจความลึก รูปแบบ และลักษณะทางภูมิศาสตร์ของก้นทะเล(seabed) และชั้นดินที่อยู่ลึกลงไป(underlying soil)
ภายในแถลงการณ์ของกระทรวงสหรัฐฯวันอังคาร(19) ระบุว่า “เหมือนเช่นประเทศอื่นๆ สหรัฐฯถือสิทธิ์ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศในการถือสิทธิ์และจัดการทรัพยากรและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่สำคัญภายในพื้นที่ส่วนขยายไหล่ทวีป ECS ของตัวเอง”