เอพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับชาว LGBTQ ทั่วโลกเมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถให้พรแก่คู่รักกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ แต่ทรงยังคงยืนกรานว่าคำสั่งห้ามการแบนสมรสเพศทางเลือกยังคงมีอยู่ตามเดิม เกิดขึ้นหลังพระองค์ทรงฉลองพระชนมายุครบรอบ 87 พรรษาในวันอาทิตย์(17 ธ.ค)ร่วมกับกลุ่มเด็กป่วยของพระองค์ภายใต้การรักษาของคลินิกวาติกัน ภายในสัปดาห์เดียวที่มีรายงานพระประสงค์จะฝังพระศพที่กรุงโรมไม่ใช่ในวาติกัน
เอพีรายงานวานนี้(18 ธ.ค)ว่า วาติกันแถลงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของศาสนาจักรโรมันคาทอลิกในวันจันทร์(18)ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประทานอนุญาตให้พระบาทหลวงสามารถให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือกได้
โดยวาติกันแถลงเหตุผลประกอบว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเสมือนสัญญาณว่า “พระเจ้าต้อนรับทุกคน”แต่อย่างไรก็ตามเอกสารแถลงการณ์ชี้ว่า เป็นสิ่งที่บาทหลวงต้องเป็นผู้ตัดสินใจในแต่ละเคสเอง
เอพีชี้ว่าถึงแม้คำประกาศอนุญาตให้บาทหลวงสามารถอำนวยพรให้แก่คู่รักเพศที่3 หรือ LGBTQ ได้ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของคริสตจักรที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2 พันปี แต่ทว่าคริตจักรยังคงการแบนต่อการสมรสเพศทางเลือกต่อไป
เอกสารวาติกันระบุว่าในพระสารของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่ทรงมีไปยังพระคาร์ดินัลสายอนุรักษ์ 2 องค์ที่เผยแพร่ในตุลาคมที่ผ่านมา
ซึ่งในพระสารของพระประมุขแห่งโฮลีซี (Holy See)ทรงตรัสตอบมาเบื้องต้นว่า 'การอำนวยพรเช่นนั้นสามารถกระทำได้ภายใต้บางสถานการณ์หากว่าการอำนวยพรจะไม่ถูกทำให้เข้าใจผิดว่าเกิดขึ้นสำหรับพิธีสมรส'
ภายในเอกสารที่เผยแพร่ล่าสุดได้ย้ำถึงเงื่อนไขและอธิบายในรายละเอียดซึ่ง ทางวาติกันยังคงยืนกรานว่า การแต่งงานถือเป็นการอยู่ร่วมกันตลอดชีวิตระหว่าง 'ชายและหญิง'และในพระสารย้ำว่าการอำนวยพรให้แก่เคส LGBTQ ว่าจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับพิธีเฉลิมฉลองทางพิธีคริสตจักรคาทอลิกหรือกิจกรรมทางศาสนาอื่นใด และไม่ควรเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับพิธีสมรสปกติ
ในเอกสารยังเปิดเผยว่า การอำนวยพรนั้นไม่สามารถกระทำในลักษณะเป็นพิธีกรรมหรือมีเครื่องแต่งกายที่มีลักษณะถึงการแต่งงานรวมอยู่ด้วย
เอกสารวาติกันวันจันทร์(18)แนะว่า อย่างไรก็ตามคำขอเพื่อการอำนวยพรสำหรับคู่รักชาวสีรุ้งไม่สมควรที่จะได้รับการปฎิเสธ
เอพีชี้ว่า แต่ในขณะที่การประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากวาติกันถูกยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะนำมาสู่การทำลายการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก แต่ทว่ามีกลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิชาวเกย์บางส่วนออกมาโต้ว่า นี่ยังคงแสดงให้เห็นว่าคู่รักชาว LGBTQ ยังคงถูกกีดกันและด้อยค่าต่อไป
รอยเตอร์กล่าวว่า พระสันตะปาปาแห่งโฮลีซีทรงมีพระชนมายุครบ 87 พรรษาในวันอาทิตย์(17) และมีการจัดการฉลองพระชนมายุอย่างรื่นเริงด้วยกลุ่มเด็กๆที่ป่วยและได้รับการรักษาจากคลินิกเด็กของวาติกันขึ้นมาร้องเพลงอวยพรแก่โป๊ปพร้อมกับถวายช่อดอกทานตะวัน
ซึ่งตามภาพถ่ายและวิดีโอคลิปมีเค้กสีขาวขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ด้านหน้าพร้อมกับเทียนไข 1 เล่ม เด็กๆหลายสิบคนกล่าวตะโกน "Buon Compleanno" ในภาษาอิตาลีที่มีความหมายว่า "สุขสันต์วันเกิด" พร้อมกับชูป้ายข้อความ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประสูติเมื่อวันที่ 17 ธ.ค ปี 1936 ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ก่อนที่พระองค์จะได้รับเลือกในที่ประชุมใหญ่พระคาร์ดินัลให้ขึ้นดำรงตำแหน่งในฐานะพระสังฆราชจากแดนละตินอเมริกาเมื่อวันที่ 13 มี.ค ปี 2013
โดยเป็นข่าวใหญ่ในสัปดาห์ที่โป๊ปฟรานซิสทรงเผยพระสงค์ถึงสถานที่การฝังพระศพของพระองค์หากเกิดสวรรคต
เดอะการ์เดียนรายงานว่าวันพุธ(13)ก่อนหน้าว่า ในการประทานสัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์เม็กซิโก N+ ว่า พระองค์ทรงได้เตรียมสุสานของพระองค์ไว้ที่มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร (basilica of Santa Maria Maggiore) ในกรุงโรม อิตาลี โดยพระองค์ไม่มีพระประสงค์ที่จะฝังร่างของพระองค์ภายในวาติกันเหมือนเช่นอดีตพระประมุขแห่งโฮลีซีพระองค์อื่นๆ
เดอะการ์เดียนรายงานว่า โป๊ปฟรานซิสทรงเสด็จไปวิหารแห่งนี้ที่ถูกสร้างในศตวรรษที่ 5 มากถึง 100 ครั้ง ตามรายงานกล่าวว่าพระองค์เสด็จไปมหาวิหารซานตามาเรียมายอเร เพื่อสวดอธิษฐานก่อนการเสด็จการเยือนต่างแดนและหลังจากเสด็จกลับมา
และในการประทานสัมภาษณ์โป๊ปฟรานซิสยังแสดงพระประสงค์ให้พิธีพระศพนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย
สื่ออังกฤษกล่าวว่า พระพลานามัยของพระองค์ย่ำแย่ลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้โป๊ปต้องเสด็จประทับบนรถวีแชร์พระที่นั่งทำให้มีการคาดการณ์ว่า พระองค์อาจเหมือนเช่นสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งในระหว่างที่ยังทรงพระชนม์ชีพโดยตำแหน่งพระประมุขแห่งคริตจักรถือเป็นตำแหน่งตลอดชีวิต