กองทัพอิสราเอลรายงานการค้นพบอุโมงค์ขนาดใหญ่ของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาคมโลกที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม รวมถึงคำวิงวอนจากญาติๆ ที่ต้องการให้รัฐบาลยิวเร่งทำข้อตกลงช่วยเหลือตัวประกันทุกคนกลับบ้าน
อิสราเอลระบุว่า อุโมงค์ขนาดใหญ่แห่งนี้ถูกพบใกล้ๆ กับจุดผ่านแดนเอเรซ (Erez) ภายในอุโมงค์มีการติดตั้งระบบราง สายไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ และเครือข่ายสื่อสารครบครัน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาหลายปีและงบประมาณอีกหลายล้านดอลลาร์ในการก่อสร้าง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อุโมงค์แห่งนี้ทอดยาวเป็นเส้นทแยงมุมไปสู่ระดับความลึก 50 เมตร ก่อนจะขยายออกจนมีความกว้างราว 3 เมตร
พล.ร.ต. แดเนียล ฮาการี หัวหน้าโฆษกกองทัพอิสราเอล ให้ข้อมูลว่า อุโมงค์แห่งนี้มีความยาวถึง 4 กิโลเมตรเข้าไปถึงเมืองกาซาซิตี (Gaza City) ทางตอนเหนือซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการหลักของฮามาส
“มันเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่สุดที่เราพบในกาซา และมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมไปยังจุดผ่านแดนเอเรซ (Erez)” ฮาการี กล่าว โดยไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่า อุโมงค์แห่งนี้คือเส้นทางที่นักรบฮามาสใช้บุกเข้าไปโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. หรือไม่
“เงินหลายล้านดอลลาร์ถูกใช้ไปกับการก่อสร้างอุโมงค์แห่งนี้ และต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้าง มันกว้างพอที่ยานพาหนะสามารถแล่นผ่านได้”
ล่าสุด ทางฮามาสยังไม่ออกมาตอบคำถามผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ในประเด็นนี้
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ออกมาประกาศย้ำอีกครั้งว่าอิสราเอล “จะสู้จนถึงที่สุด และจะบรรลุเป้าหมายทุกอย่างที่วางไว้” ไม่ว่าจะเป็นการทำลายล้างฮามาส การช่วยเหลือตัวประกัน ตลอดจนทำให้มั่นใจว่าฉนวนกาซาจะไม่กลับไปเป็น “ศูนย์กลางการก่อการร้าย” อีก
อย่างไรก็ดี แคทเธอรีน โคลอนนา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสซึ่งเดินทางเยือนเทลอาวีฟ ได้กลายเป็นนักการทูตต่างประเทศรายล่าสุดที่เรียกร้องให้อิสราเอลยอมทำ “ข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลในทันทีและยั่งยืน”
เธอย้ำเตือนว่า “มีพลเรือนถูกสังหารไปมากพอแล้ว”
รัฐบาลฝรั่งเศสยังประณามปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ซึ่งคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่กระทรวงการประเทศเมืองน้ำหอมคนหนึ่งที่เข้าไปหลบภัยอยู่ที่เมืองราฟาห์ (Rafah) ทางตอนใต้ของกาซา
ด้านหนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทม์สของอังกฤษได้ตีแผ่มุมมองของ เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ และ อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี โดยแม้ว่าทั้งสองจะส่งเสียงปรามอิสราเอลว่าสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไปมากแล้ว แต่ก็ยังมองว่า “ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” ที่จะเรียกร้องให้หยุดยิงทั่วไปทันที เพราะเท่ากับ “ละเลย” ภัยคุกคามที่ฮามาสกระทำต่ออิสราเอล
กลุ่มฮามาสได้บุกข้ามแดนไปโจมตีเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. จนนำมาสู่ปฏิบัติการล้างแค้นของฝ่ายรัฐยิวที่ทำให้ดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้พังพินาศย่อยยับ และคร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วนับหมื่นจนสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก
กระทรวงสาธารณสุขกาซาระบุว่ามีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 18,800 คนจากการโจมตีของอิสราเอลตลอด 2 เดือนเศษที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กๆ
ประชากรนับล้านคนในกาซาต้องกลายสภาพเป็นผู้พลัดถิ่นเนื่องจากบ้านเรือนถูกทิ้งบอมบ์ และยังเผชิญความอดอยากขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี
