เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สื่อทางการจีน CCTV เปิดภาพใหม่ชี้กองทัพอากาศจีนกองบัญชาการตะวันออก (Eastern Theatre Command)ใช้อุปกรณ์สวมศรีษะกล้อง Microsoft โฮโลกราฟิกสุดล้ำ “HoloLens 2” ในการช่วยควบคุมบำรุงรักษาอุปกรณ์ทางการทหารของตัวเอง ด้านเพนตากอนวิตกหนักเชื่อปักกิ่งอาจสามารถแซงหน้าสหรัฐฯทำให้กองทัพจีนติดอาวุธ AI ปัญญาประดิษฐ์ได้ก่อนภายในปี 2025
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้(13 ธ.ค)ว่า วิดีโอคลิปใหม่ที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์ทางการจีน CCTV ดูแสดงความก้าวหน้าไปอีกขั้นของกองทัพจีน PLA ที่มีการใช้เทคโนโลยีโฮโลกราฟิกที่มีความผสมผสานโลกเสมือนจริงและโลกภายนอกเข้าด้วยกันจากบริษัท Microsoft ของสหรัฐฯในภารกิจทางการทหารประจำวัน
โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง ซินล่างเวย์ปั๋ว เมื่อวันอังคาร(12) CCTV กล่าวว่า หน่วยของกองบัญชาการตะวันออกของกองทัพอากาศจีนใช้ “ระบบการซ่อมบำรุงแบบผสมผสานโลกความเป็นจริง” สำหรับปฎิบัติประจำวัน
หนังสือพิมพ์ฮ่องกงรายงานว่า คลิปปรากฎแสดงให้เห็นว่าสมาชิกของกองทัพอากาศจีน PLA กำลังสวมเฮดเซ็ตกล้องโฮโลแกรม HoloLens 2 ที่พัฒนาโดยบริษัท Microsoft
ภาพ 3D โฮโลแกรมที่ตรงหน้าเขานั้นแสดงอินเตอร์เฟสจากแอปของ Microsoft
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ชี้ว่า เฮดเซตกล้องโฮโลแกรม HoloLens 2 นี้เป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ที่ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในจีน
อ้างอิงจากการโพสต์ของ CCTV พบว่าระบบซ่อมบำรุงแบบผสมผสานโลกที่แท้จริงนั้นถูกกองทัพอากาศจีนใช้ในการตรวจสอบระบบเครื่องยนต์อากาศยาน
CCTV ชี้ว่าเทคโนโลยีเฮโลแกรมจาก Microsoft นี้ทำให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์จะถูกเปลี่ยนอย่างเหมาะสมในความเร็วที่เหมาะสม อย่างถูกต้อง และเชื่อถือได้
การเปิดเผยความก้าวหน้าการใช้อุปกรณ์สวมศรีษะกล้องโฮโลกราฟิกนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ปักกิ่งพยายามที่จะเร่งการคิดค้นและการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำอนาคตเพื่อปรับปรุงกองทัพจีนให้มีความก้าวหน้า โดยประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ประกาศเป้าหมายที่จะให้กองทัพปลดแอกประชาชนจีน PLA กลายเป็นกองทัพระดับเวิลด์คลาสทาบรัศมีสหรัฐฯและรัสเซียให้สำเร็จภายในกลางศตวรรษที่ 21
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า การใช้เทคโนโลยีแบบเสมือนจริงในกองทัพจีนไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีรายงานว่า กองทัพใช้เทคโนโลยีแบบเสมือนจริงในการฝึกซ้อมมานานหลายปี และทางกองทัพจีนยังได้นำระบบ "augmented-reality system" ที่เปิดโอกาสให้ทหารจีนสามารถควบคุมอากาศยานแบบไร้นขับหรือยานยนต์ได้เป็นจำนวนมาก อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่โดยกองทัพจีน PLA ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้เทคโนโลยีเฮดเซตโฮโลแกรมของ Microsoft ได้ถูกนำมาใช้ในกองทัพสหรัฐฯเช่นกันเพราะในปี 2021 บริษัท Microsoft ได้สัญญามูลค่า 21.88 พันล้านดอลลาร์ระยะเวลาตลอด 10 ปีในการส่งมอบอุปกรณ์สวมศรีษะระบบเทคโนโลยีผสมผสานโลกความเป็นจริงจำนวนไม่ต่ำกว่า 120,000 ชิ้นให้กับกองทัพ
โดยในครั้งแรก Microsoft ได้ส่งมอบรุ่นตัวอย่างที่รู้จักในชื่อระบบ IVAS (Integrated Visual Augmented System) ในสัญญาปี 2018 มูลค่า 480 ล้านดอลลาร์
หนังสือพิมพ์ฮ่องกงรายงานว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเสมือนจริงนี้บริษัทไฮเทคชื่อดังจีนรวม Xiaomi, Lenovo และ Oppo ต่างพากันพัฒนาและผลิตเช่นเดียวกัน
การรายงานเกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกของเพนตากอนถึงกับความก้าวหน้าทางการทหารของจีน ที่มีความวิตกว่าจีนสามารถแซงหน้า “สหรัฐฯ” ในความสามารถทางด้านสมองหรือ AI ภายในปี 2025 และอาจขึ้นเป็นผู้นำโลกภายในปี 2030
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานวันอังคาร(12)ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเพนตากอนได้ออกคำเตือนสีแดงว่า ความก้าวหน้าทางด้านปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ของปักกิ่งได้ถูกมองวว่ามีการรวมตัวในระดับสูงกับกองทัพจีน PLA สร้างความวิตกถึงความเป็นไปได้ในการแข่งพัฒนา AI ทางการทหาร(AI arms race)
อ้างอิงจากรายงาน จีนต้องการเป็นผู้นำโลกในการพัฒนา AI ให้ได้ภายในปี 2030 ที่มีการใช้เทคโนโลยีเป็นสำคัญในการทำสงคราม “intelligentized warfare” ซึ่งตามรายงานชี้ว่าเป็นสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP คาดการณ์ถึงอนาคตของการทำสงคราม
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานด้วยความเศร้าว่า เพนตากอนได้ออกมายอมรับว่า “จีน” นั้นเป็นผู้นำโลกทางด้านเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า(facial recognition and) และเทคโนโลยี natural language processing technology เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แมตต์ แมคซินนิส ( Matt McInnis) นักวิจัยอาวุโสประจำธิงแทงก์อเมริกันชื่อดัง สถาบันการศึกษาการทำสงคราม ISW ในโครงการจีน (Institute for the Study of War)ที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า “จีนต้องการที่ทาบรัศมีและเอาชนะเหนือสหรัฐฯในด้าน AI ให้ได้ภายในปี 2025” และเตือนต่อว่า “สหรัฐฯกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงของการถูกทิ้งตามหลังจีนในสาขานี้ รวมไปถึงการใช้ AI ในระบบการทำสงครามสู้รบ”
เป็นรายงานเพนตากอนประจำปีทางด้านการทหารและการพัฒนาทางด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับ "จีน" โดยชี้ว่าในกรณีที่ว่าทปักกิ่งยังคงเดินหน้าท้าทายต่อการพัฒนาทางการทหารในขณะที่ปักกิ่งกำลังแสวงหา "การฟื้นฟูประชาชาติ (national rejuvenation)’ ให้ได้ภายในปี 2049 ซึ่งตรงกับการฉลองครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP พอดี
ผู้รู้ชื่อดังในไทยเคยอธิบายผ่านสื่อไทยถึงนิยามคำว่า ‘การฟื้นฟูประชาชาติ' (national rejuvenation)’ คำนี้มีนัยที่สำคัญมากในด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ซึ่งหมายถึงจีนจะทวงคืนสิทธิอันชอบธรรมที่สูญหายไปในช่วงเวลาที่จีนถูกต่างประเทศรุกราน (century of humiliation) ซึ่งจีนต้องใช้เวลา 100 ปีในการฟื้นฟูประชาชาติ นั่นหมายความว่าในปี 2049 จีนจะต้องรวมชาติโดยแก้ไขปัญหาอธิปไตยของไต้หวันและข้อพิพาทในทะเลจีนให้จบ