ชมคลิป: พบศพชาวกาซาตายเกลื่อนมีทั้งผู้หญิงและเด็ก ลักษณะถูกยิงแบบประหารชีวิต ชาวบ้านกล่าวโทษทหารอิสราเอลทำ ทางด้านสมัชชาใหญ่ยูเอ็นลงมติท่วมท้น“หยุดยิงทันที”

อัลจาซีราเผยแพร่คลิปวิดีโอ พบศพชาวกาซาจำนวนมากในโรงเรียน เสียชีวิตในลักษณะถูกประหารชีวิต ชาวบ้านระบุทหารอิสราเอลเป็นคนทำ ขณะที่อิสราเอลกำลังถูกโดดเดี่ยวทางการทูตจากทั่วโลกหนักขึ้นอีก หลังสมัชชาใหญ่สหประชาชาติลงมติด้วยคะแนนเกิน 3 ใน 4 เรียกร้องหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในกาซาทันที ทางด้านไบเดน ถึงแม้ยังคงประกาศหนุนหลังรัฐยิวอย่างแข็งขัน ก็ยังต้องออกมาชี้ว่า การปูพรมทิ้งระเบิดใส่พลเรือนไม่เลือกทำให้นานาชาติเริ่มยุติการสนับสนุนอิสราเอล


สมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศ ลงมติกันในวันอังคาร (12 ธ.ค.) รับรองญัตติเรียกร้องการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในฉนวนกาซาทันที โดยที่มีชาติที่ออกเสียงเห็นชอบถึง 153 ราย หรือมากกว่า 3 ใน 4

นอกจากนั้นผู้นำของแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยังออกคำแถลงร่วมเรียกร้องให้หยุดยิงเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า ต้นทุนในการเอาชนะฮามาสต้องไม่ใช่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จบของพลเรือนปาเลสไตน์

ทางด้านรัฐปาเลสไตน์แสดงความยินดีต่อมติของสมัชชาใหญ่ยูเอ็น และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ กดดันให้อิสราเอลปฏิบัติตาม

อิซซัต เอล-เรชิก เจ้าหน้าที่ฮามาสที่ลี้ภัย แถลงผ่านเทเลแกรมว่า อิสราเอลควรยุติการรุกราน การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการล้างชาติพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

อเมริกาและอิสราเอล รวมถึงอีก 8 ประเทศโหวตคัดค้านมติของสมัชชาใหญ่ ขณะที่ 23 ประเทศงดออกเสียง ญัตติที่ผ่านสมัชชาใหญ่ยูเอ็นครั้งนี้ มีเนื้อหาใกล้เคียงกับญัติติที่เสนอกันในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ (8) ซึ่งได้รับคะแนนเสียง 13 ต่อ 1 งดออกเสียง 1 แต่เนื่องจากผู้ที่คัดค้านคือสหรัฐฯซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีที่มีอำนาจในการยับยั้ง ดังนั้นญัตตินี้จึงต้องตกไป ทำให้มีความพยายามที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสมัชชาใหญ่ ซึ่งถึงแม้ไม่มีผลผูกพันให้ต้องมีการปฏิบัติตาม ไม่เหมือนกับญัตติที่ผ่านคณะมนตรีความมั่นคง แต่ก็เป็นการแสดงท่าทีของนานาชาติและสร้างแรงกดดันทางการเมือง

ก่อนการลงมติ กิลาด เออร์แดน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น อ้างว่า การหยุดยิงหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้นคือ การรับประกันการอยู่รอดของฮามาส ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ประกาศทำลายล้างอิสราเอลและยิว

ขณะที่สหรัฐฯนั้น แม้ผู้แทนในยูเอ็นยังคงโหวตหนุนยิว แต่ตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้กล่าวก่อนการโหวตคราวนี้ว่า ขณะนี้อิสราเอลได้รับการสนับสนุนจากประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก รวมถึงอเมริกาและสหภาพยุโรป ในการต่อสู้กับฮามาส แต่อิสราเอลกำลังสูญเสียการสนับสนุนเหล่านั้นจากการปูพรมทิ้งระเบิดไม่เลือกที่ในกาซา

ไบเดนสำทับว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ต้องเปลี่ยนสมาชิกในคณะรัฐบาลที่เป็นพวกสายแข็งกร้าว และอิสราเอลไม่สามารถปฏิเสธการให้ปาเลสไตน์มีฐานะรัฐเอกราช ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนที่สุดว่า ผู้นำอเมริกาและอิสราเอลกำลังบาดหมางกัน

มีรายงานว่า เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กำหนดเดินทางไปอิสราเอลภายในสัปดาห์นี้ ส่วนรัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน เตรียมเยือนตะวันออกกลางสัปดาห์หน้า โดยไบเดนบอกว่า ซัลลิแวนจะเน้นย้ำความมุ่งมั่นของอเมริกาต่ออิสราเอล รวมถึงความจำเป็นในการปกป้องพลเรือนในกาซา

จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขกาซา การโจมตีของอิสราเอลเพื่อถอนรากถอนโคนกลุ่มฮามาสทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 18,608 คน และบาดเจ็บกว่า 50,000 คนนับจากวันที่ 7 ต.ค. ที่ฮามาสบุกเข้าไปสังหารผู้คน 1,200 คนในอิสราเอล และจับตัวประกันกลับกาซา 240 คน ซึ่งเมื่อวันอังคาร อิสราเอลเผยว่า พบศพตัวประกัน 2 คน รวมแล้วมีตัวประกันเสียชีวิต 19 คน และขณะนี้ยังถูกฮามาสควบคุมตัวอยู่อีก 134 คน

ยูเอ็นและกระทรวงสาธารณสุขกาซายังระบุว่า ความขัดแย้งนี้ทำให้เกิดความอดอยากหิวโหย และประชากร 85% ในกาซาต้องทิ้งบ้านเรือน อีกทั้งทำให้เกิดโรคระบาด

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซาบอกด้วยว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่เมืองข่านนยูนิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในดินแดนตอนใต้ของกาซา เมื่อคืนวันอังคารทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 11 คน รวมถึงเด็ก 2 คน

ส่วนที่เมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่ทางใต้สุดของกาซาประชิดกับพรมแดนอียิปต์ และเป็นที่ที่กองทัพอิสราเอลระบุก่อนหน้านี้ว่า ปลอดภัยสำหรับการหลบภัยของพลเรือน ทว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุในวันอังคารว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของยิว 22 คน รวมถึงเด็กๆ

ทางด้านอัลจาซีรา สื่อของกาตาร์รายงานว่า ได้รับคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่ามีศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากกองอยู่ข้างในโรงเรียนชาเดีย อบู กะซาลา ในเขตอัล-ฟาลูจา ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของดินแดนกาซา

อัลจาซีรารายงานว่าผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าทหารอิสราเอลเป็นผู้ยิงผู้คนเหล่านี้ซึ่งมีทั้งผู้หญิง เด็ก และทารกรวมอยู่ด้วย ที่ไปหลบภัยอยู่ในโรงเรียนแห่งนั้น ในลักษณะการประหารชีวิต โดยที่โรงเรียนหรือบริเวณใกล้เคียงไม่ได้มีร่องรอยว่ามีการยิงปืนหรือเกิดการโจมตีด้วยจรวดแต่อย่างใด
ในส่วนของกองทัพอิสราเอลแถลงว่า โจมตีที่มั่นของฮามาสหลายแห่งในวันอังคาร ซึ่งรวมถึงที่ที่นักรบปาเลสไตน์ใช้ยิงจรวดโจมตีอิสราเอล และบุกรังฮามาสที่มีจรวดซุกซ่อนอยู่ราว 250 ลูก รวมถึงอาวุธอื่นๆ และโรงงานผลิตอาวุธ

ขณะเดียวกัน วอลล์สตรีทเจอร์นัลและเอบีซีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลเริ่มปล่อยน้ำทะเลเข้าสู่เครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินซึ่งเชื่อว่า เป็นที่กบดานของนักรบฮามาส รวมถึงกระสุน และที่มั่นในการซุ่มโจมตีและหลบหนี

ไบเดนเผยว่า เคยได้ยินรายงานที่ไม่มีการยืนยันว่า ไม่มีตัวประกันอยู่ในเครือข่ายอุโมงค์ ทว่า ตัวประกันบางคนที่ได้รับอิสรภาพระหว่างข้อตกลงหยุดยิงเล่าว่า ตนเองถูกขังอยู่ในอุโมงค์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลบอกว่า กำลังตรวจสอบรายงานเหล่านี้

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, อัลจาซีรา)