กองทัพสหรัฐฯ ประกาศหยุดใช้เครื่องบิน วี-22 ออสเปรย์ (V-22 Osprey) หลังเกิดอุบัติเหตุตกที่นอกชายฝั่งของญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ มีขึ้น หลังจากที่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นได้ประกาศระงับใช้ฝูงบินออสเปรย์ไปแล้วก่อนหน้า
การนำเครื่องบินชนิดปรับใบพัด (tilt-rotor) รุ่นนี้มาใช้งานในญี่ปุ่นได้จุดกระแสประท้วงรุนแรงจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ฐานทัพ ขณะที่นักวิจารณ์ชี้ว่าอากาศยานไฮบริดที่ โบอิ้ง และ เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ ร่วมกันพัฒนาขึ้นนี้มีประวัติเกิดอุบัติเหตุบ่อยเกินไป
“จากการสอบสวนเบื้องต้น พบข้อบ่งชี้ว่าความล้มเหลวของวัสดุ (potential material failure) อาจเป็นต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่สาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลวนั้นยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจน” กองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศสหรัฐฯ (US Air Force Special Operations Command – AFSOC) ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.)
อุบัติเหตุล่าสุดเกิดขึ้นระหว่างการฝึกตามวงรอบปกติเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่นอกชายฝั่งเกาะยาคุชิมะ (Yakushima Island) ซึ่งห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 1,040 กิโลเมตร
เครื่องบินลำเลียงรุ่นนี้ถูกผลิตและส่งมอบไปแล้วไม่ต่ำกว่า 400 ลำ โดยส่วนใหญ่ใช้งานในกองทัพอากาศ กองทัพเรือ และหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ตามข้อมูลจากโบอิ้ง
หลังจากเกิดเหตุเครื่องบินตก ญี่ปุ่นได้สั่งกราวดน์ฝูงบินออสเปรย์ของตนเองทันที และยังเรียกร้องให้กองทัพสหรัฐฯ หยุดใช้งานฝูงบินรุ่นนี้ภายในดินแดนญี่ปุ่นด้วย
กองทัพสหรัฐฯ แถลงในเบื้องต้นว่าจะระงับใช้ฝูงบินออสเปรย์เฉพาะในหน่วยที่เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่จะยังคงใช้เครื่องบินออสเปรย์ลำอื่นๆ ต่อไปหลังจากที่มีการตรวจเช็คสภาพแล้ว
การประจำการฝูงบิน วี-22 ออสเปรย์ในญี่ปุ่นซึ่งยึดนโยบายฝักใฝ่สันติได้จุดกระแสคัดค้านตามมามากมาย โดยเฉพาะในกลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนหมู่เกาะโอกินาวา ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ มาตั้งแต่หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
สหรัฐฯ เคยสั่งระงับใช้ฝูงบินออสเปรย์ในญี่ปุ่นมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่เครื่องบินรุ่นนี้ประสบอุบัติเหตุตกที่โอกินาวาในปี 2016
ข้อมูลจาก Flight Safety Foundation ระบุว่า การตกของเครื่องบิน วี-22 ออสเปรย์ทั้งในระหว่างปฏิบัติการและทดสอบบินทำให้มีบุคลากรเสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คน โดยกว่า 20 คนเสียชีวิตหลังจากที่ วี-22 เริ่มถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯ เมื่อปี 2007
ที่มา: รอยเตอร์