เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - แซม อัลต์แมน ที่ไม่มีใครเคยรู้ว่าเขาเป็นทั้ง "ยิว" และเป็น "เกย์" ในวันพุธ(6 ธ.ค) ถูกนิตยสารไทม์ชื่อดังเลือกให้กลายเป็นซีอีโอแห่งปี 2023 เอาชนะซีอีโอเทสลา “อีลอน มัสก์” ไปได้สำเร็จท่ามกลางความโกลาหลหลังเขาโดนบอร์ดบริษัท OpenAI ไล่ออกด้วยเหตุผลที่ไม่มีความไว้วางใจก่อนที่จะกลับมาเป็นซีอีโออีกครั้งในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น สะท้อนคำพูดในซิลิคอนแวลลีย์ที่ว่า "คุณไล่สตีฟ จ็อบส์ออกไม่ได้"
นิตยสารไทม์รายงานวันพุธ(6 ธ.ค)ว่า "a 10-out-of-10 crazy thing to live through" เป็นคำพูดของ แซม อัลต์แมน( Sam Altman) ผู้ชนะ CEO of Year 2023 หรือตำแหน่งซีอีโอแห่งปี 2023 สำหรับไทม์สไปได้สำเร็จ
เขาให้สัมภาษณ์ในวันที่ 30 พ.ย ว่า "นี่เป็น 10 จาก 10 เรื่องบ้าคลั่งที่ต้องพยายามผ่าน" โดยยอมรับว่าเขายังตัวสั่นไม่หายหลังเกิดสงครามกลางเมืองภายในบริษัท OpenAI
ในฝันร้ายเขาพบตัวเองกำลังพยายามอย่างหนักที่จะกลับเข้ามาควบคุมบริษัท OpenAI ที่ถูกมองว่าเป็นเหมือนกำชะตาชีวิตมนุษยชาติไว้ในมือ สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกและสั่นสะเทือนโลกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ในเวลานี้เป็นการแข่งขันอย่างหนักระหว่างสหรัฐฯและจีนและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
"แซม อัลต์แมน เกิดในวันที่ 22 เม.ย ปี 1985 ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เด็กหนุ่มอเมริกันสุดเนิร์ดคนหนึ่งเติบโตขึ้นในครอบครัวชนชั้นกลางชาวยิวกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์พุ่งแรงที่ทำให้ทั้งโลกต้องทึ่งกับความสามารถอง ChatGPT ที่เป็นการเปิดโลกปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่จับต้องได้จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก
คนที่รู้จักเขาพูดถึงอัลต์แมนวัย 38 ปีว่า "เขาเป็นคนที่นิสัยดีมาก เขาไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดสุดอัจฉริยะซึ่งมันคงง่ายกว่าที่จะพูดเรื่องนี้หากว่าเขาเป็นคนที่เลวร้าย" หนึ่งในกลุ่มที่รู้จักเขายังพูดว่าอัลต์แมนนั้นให้ความใส่ใจในภารกิจของตัวเอง แคร์ต่อคนอื่น และใส่ใจต่อมนุษยชาติ ในคำกล่าวยังชี้ว่า "มันดูเป็นรูปแบบที่ชัดเจนว่าหากคุณดูไปที่พฤติกรรมของเขาในการค้นหาอำนาจในหนทางทีไม่ธรรมดา"
ในรายงานของไทม์กล่าวว่า OpenAI ได้ตั้งขึ้นมาในเดือนธันวาคมปี 2015 พร้อมกับผู้ก่อตั้งร่วม 6 คนที่มี แซม อัลต์แมน อีลอน มัสก์ รวมอยู่ในนั้น
บริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆก็ตั้งขึ้นด้วยภารกิจแล็บวิจัยไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ และในเวลาต่อมา
OpenAI กลายเป็นบริษัทมูลค่า 80 พันล้านที่ร้อนแรง และอัลต์แมนกลายเป็นบิดา ChatGPT กลายเป็นซีอีโอที่ทรงพลังและเป็นที่เคารพในโลก เป็นบุคคลสาธารณะและเป็นศาสดาแห่งการปฎิวัติเทคโนโลยี
จากอดีต OpenAI ที่ซึ่งต้องการพลังคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากและจากสิ่งนี้ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาเงินทุน โดยที่ภายในปี 2019 เป็นเหตุผลที่เปิดเผย OpenAI ได้เงินเพียงแค่ 130 ล้านดอลลาร์จากเป้าหมายเดิม 1 พันล้านดอลลาร์ "อีลอน มัสก์" ที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งได้เดินจากไปพร้อมกับเงินก้อนโตที่เขาวางแผนจะบริจาคหลังล้มเหลวไม่สามารถดันตัวเองให้เป็น "ซีอีโอ" สำเร็จ
อีลอน มัสก์และแซม อัลต์แมน นั้นมีรายงานว่ามีความขัดแย้งในแนวความคิดเกี่ยวกับความก้าวหน้าของ AI โดยบิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย ที่ผ่านมาว่า อีลอน มัสก์ กล่าวว่า OpenAI อาจกำลัง 'ค้นพบบางอย่างที่เป็นอันตราย' และนั่นอาจเป็นเบื้องหลังความโกลาหลที่ทำให้อัลต์แมนถูกสั่งปลดออก
ความสำเร็จของ ChatGPT มีบริษัทที่มีไมโครซอฟท์อยู่เบื้องหลังช่วยเหลือเป็นอย่างมากต่อความสามารถของ OpenAI ในการขยายระบบของตัวเอง และ OpenAI ยังได้รับการช่วยเหลือทางเทคโนโลยีจาก Google จนสามารถทำให้บริษัทสามรถสร้างสรรค์นวัตกรรมเปลี่ยนโฉมหน้ามนุษยชาติได้สำเร็จ
OpenAI ได้ปล่อย ChatGPT ออกมาต่อสาธารณะและทำให้ทั้งโลกต้องทึ่งโดยเวอร์ชั่นปัจจุบันอยู่ที่ GPT-4
ความสามารถของ AI แชตบ็อต GPT-3 ที่ได้รับการฝึกฝนจากคำ(word)หลายพันล้านจากอินเตอร์เน็ต หนังสือ และวิกีพีเดียสามารถเขียนบนกลอนได้ และในปัจจุบัน ChatGPT มีผู้ใช้จำนวน 100 ล้านคนซึ่งเป็นตัวเลขทำลายสถิติที่ Facebook ของมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ต้องใช้เวลาถึง 4 ปีครึ่งถึงจะทำสำเร็จ และภายในแค่ชั่วพริบตาทั้ง OpenAI และอัลต์แมนกลายเป็นดาวดวงใหม่
ในปี 2022 OpenAI สามารถทำรายได้ 28 ล้านดอลลาร และในปีนี้รายได้บริษัทอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์/เดือน
อัลต์แมนกล่าวว่า “สำหรับหลายคนแล้ว 2023 ถือเป็นปีที่คนทั้งหลายเริ่มให้ความสนใจ AI อย่างจริงจัง”
แซม อัลต์แมน เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดชื่อดังในคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในปี 2003 แต่ในเวลาต่อมาระหว่างที่กำลังศึกษาเขารู้ตัวเองว่าต้องการที่จะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมากกว่า และทำให้ตัดสินใจลาออกมาหลังจากทำงานที่ Loopt โซเชียลเน็ตเวิร์กตามพิกัดโลเกชันที่เขาตั้งขึ้นมาร่วมกับ นิค ซีโว (Nick Sivo) ที่กลายเป็นแฟนหนุ่มในเวลาต่อมา และได้ขายออกไปในปี 2012 ด้วยตัวเลข 43 ล้านดอลลาร์
ไทม์รายงานว่า อัลต์แมนเคยเกือบลงรับสมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2017 หลังจากที่รู้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ขวาจัดจะลง นอกจากนี้เขายังมีความสนใจต่อมนุษยชาติในหลายด้าน เป็นต้นว่าได้ลงทุน 180 ล้านดอลลาร์ในบริษัทสตาร์ตอัป Retro Biosciences ที่กำลังคิดค้นทำให้มนุษย์มีอายุยาวนานออกไปอีก 10 ปี
และผ่าน OpenAI พบว่าอัลต์แมนได้สนับสนุน 10 ล้านดอลลาร์ให้กับการศึกษาการเท่าเทียมทางรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า UBI (universal basic income)ในสหรัฐฯ