มูดีส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ เมื่อวันอังคาร(5ธ.ค.) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน จาก "มีเสถียรภาพ" ลงสู่ "เชิงลบ" ตามหลังตัวเลขหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามปักกิ่งออกมาตอบโต้ด้วยความผิดหวัง ยืนยันว่าเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
การฟื้นตัวหลังโรคระบาดใหญ่ของจีน ถูกกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่อ่อนแอ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์เรื้อรัง คนหนุ่มสาวว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์และภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งเป็นตัวถ่วงอุปสงค์สำหรับสินค้าต่างๆของประเทศ
ปัญหาเหล่านี้ถาโถมแรงกดดันเข้าใส่รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ให้เข้าแทรกแซงด้วยการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติม หลังจากปักกิ่งออกพันธบัตรรัฐบาลมากกว่า 1 ล้านล้านหยวน(137,000 ล้านดอลลาร์) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
มูดีส์ บอกว่าการตัดสินใจในวันอังคาร(5ธ.ค.) การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสะท้อนถึงหลักฐานที่เพิ่มขึ้นว่า รัฐบาลจีนจะต้องให้การสนับสนุนด้านการเงินกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทของรัฐที่มีปัญหาด้านหนี้สิน ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความแข็งแกร่งด้านการคลัง, เศรษฐกิจ และสถาบันของจีน
"การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มความน่าเชื่อถือยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะกลางที่ชะลอลง และการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีขนาดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง” มูดีส์ระบุ
ภาคอสังหาริมทรัพย์อันใหญ่โตของจีน ติดหล่มอยู่ในวิกฤตหนี้หนักหน่วง ด้วยบางส่วนในบรรดาบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นหนี้หลายแสนล้านดอลลาร์และกำลังเผชิญกับการต้องปิดกิจการ
พวกเจ้าหน้าที่อยู่ในความหวาดหวั่น ในขณะที่ความกังวลต่อตัวเลขหนี้ก่อความไม่ไว้วางใจแก่บรรดาผู้ซื้อทั้งหลาย ฉุดราคาบ้านดำดิ่ง และที่สำคัญ มันเสี่ยงแผ่ลามไปยังภาคอื่นๆในเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะซบเซาอยู่ก่อนแล้ว
ภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของจีน
กระทรวงการคลังของจีน ตอบสนองต่อรายงานดังกล่าว ด้วยการบอกว่าพวกเขารู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของมูดีส์ "นับตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อนและรุนแรง และฉากหลักของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่มั่นคงและแนวโน้มที่อ่อนแอ เศรษฐกิจมหภาคของจีนเดินหน้าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง"
"ความกังวลของมูดีส์ เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และความยั่งยืนทางการเงิน เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น" ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ
แม้เศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลก ต้องเผชิญกับความยากลำบากในปีนี้ แต่มันเริ่มมีแสงสว่างขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผานมา ด้วยการเติบโตไตรมาส 3 ออกมาดีเกินคาด ที่ 4.9%
จีน วางเป้าหมายเติบโต 5.0% ในปีนี้ บนพื้นฐานระดับต่ำของปีที่แล้ว ครั้งที่เศรษฐกิจต้องอัมพาตจากข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ที่เข้มงวด
อย่างไรก็ตาม มูดีส์ ระบุในวันอังคาร(5ธ.ค.) คาดหมายว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 4.0% ในปีหน้าและปี 2025 ด้วยปัจจัยทางโครงสร้างทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงสถิติประชากรที่อ่อนแอลง เป็นตัวฉุดรั้งให้การเติบโตอ่อนแอลง และจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 3.5% ไปจนถึงปี 2030
(ที่มา:เอเอฟพี)