xs
xsm
sm
md
lg

รายงานทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีทหารจีนชี้ “บอลลูนสายลับปักกิ่ง” เกี่ยวข้องกับโครงการอาวุธมิสไซส์ไฮเปอร์โซนิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - รายงานการวิจัยการทหารจีนจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเทคโนโลยีการป้องกันประเทศจีน (National University of Defense Technology) ในเมืองฉางชาระบุว่า กองทัพจีน PLA ได้ก่อตั้งกองบัญชาการมิสไซส์ไฮเปอร์โซนิก และบอลลูนระดับอัลติจูดสูง (hypersonic missiles and high-altitude balloons) คล้ายกับที่เพนตากอนได้ยิงทำลายทิ้งไปหลังบินเข้าไปจนถึงเขตมิดเวสต์ของสหรัฐฯ

หนังสือพิมพ์วอชิงตันไทม์สรายงานวานนี้ (30 พ.ย.) ว่า ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเทคโนโลยีการป้องกันประเทศจีน (National University of Defense Technology) ในเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน เปิดเผยในรายงานว่า บอลลูนสอดแนมจีนที่โดนเพนตากอนยิงตกเมื่อกุมภาพันธ์ต้นปีนั้นเกี่ยวข้องกับโครงการอาวุธมิสไซส์ไฮเปอร์โซนิก

ในรายงานกล่าวว่า กองบัญชาการปฏิบัติการใกล้อวกาศ (Near Space Operations Command) ของกองทัพจีน PLA เปิดเผยสู่สาธารณะระหว่างการประชุมปักกิ่งในด้านการบัญชาการและควบคุมเมื่อตุลาคมนี้

ที่มีการเปิดเผยว่ากองบัญชาการปฏิบัติการที่ตั้งขึ้นใหม่จะบัญชาการมิสไซส์ไฮเปอร์โซนิกต่อเป้าหมายที่ถูกป้องกันอย่างหนาแน่น รวมไปถึงอุปกรณ์การสื่อสารและฮับในใจกลางของดินแดนข้าศึก

ทั้งนี้ พบว่าบอลลูนจีนเข้าสู่สหรัฐฯ และบินเข้าไปจนถึงรัฐมอนแทนาซึ่งอยู่ในเขตมิดเวสต์ หรือตอนกลางของสหรัฐฯ รัฐมอนแทนาเป็นที่ตั้งของไซโลมิสไซส์ ICBM พิสัยข้ามทวีปของสหรัฐฯ หลายจุด เป็นต้นว่า ฐานทัพอากาศมาล์มสตรอง (Malmstrom Air Force Base) เป็นที่ตั้งของโรงเก็บไซโลอาวุธนิวเคลียร์สหรัฐฯ

ซึ่ง CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้าในเดือนมิถุนายน และก่อนที่จะมีข่าวประกาศการตั้งกองบัญชาการปฏิบัติการใกล้อวกาศแต่ทว่าเพนตากอนออกมายอมรับในเวลานั้นว่า

“ทางเราเชื่อว่า (บอลลูน) ไม่ได้รวบรวมข้อมูลใดระหว่างกำลังเดินทางข้ามเข้าหรือบินเหนือสหรัฐฯ และความพยายามที่พวกเราได้ริเริ่มไว้”

สื่อ Knewz ของสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ตามการเปิดเผยของวอชิงตันไทม์ส กองบัญชาการใหม่ของจีนที่พยายามก่อตั้งนี้จะมีการควบคุมอุปกรณ์ยานบินไร้คนขับพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์สนับสนุนอื่นๆ นอกเหนือจากคลังแสงบอลลูนสอดแนมจำนวนมาก

รายงานที่มาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเทคโนโลยีการป้องกันประเทศจีนมิสไซส์ไฮเปอร์โซนิกนั้นมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำภายในแค่ไม่กี่นาทีของการยิงและสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบป้องกันทางอากาศในระหว่างการเดินทางอีกด้วย

“อาวุธไฮปอร์โซนิกสามารถโจมตีที่ตั้งการปล่อยจรวด (ทำลาย) ความสามารถของข้าศึกในการยิงมิสไซส์ต่อต้านดาวเทียมสำหรับเครือข่ายดาวเทียมพลเรือนของพวกเรา...การโจมตีเหล่านี้ต้องแม่นยำ หนักหน่วงและไร้ความปรานี นี่จะถือเป็นการเปลี่ยนก้าวของการสู้รบและทำให้เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ที่ว่าสงครามจะจบลงอย่างไร” อ้างอิงจากรายงานการวิจัยการทหารของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเทคโนโลยีการป้องกันประเทศจีนตามการรายงานของวอชิงตันไทม์ส

รายงานระบุว่า “กองบัญชาการต่อสู้ใกล้อวกาศจำเป็นต้องลึกซึ้ง..มันมีความจำเป็นที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนระดับของการบัญชาการและอำนาจการควบคุม การเลือกวิธีการของการบัญชาการ การบังคับใช้คำสั่งบริหารและการสนับสนุนสำหรับการสื่อสารบัญชาการ”

Knewz ชี้ว่าเกิดขึ้นหลังบรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาตั้งทฤษฎีว่า การต่อสู้ในอนาคตจะเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้อวกาศ (near space) ที่ถือเป็นพื้นที่ทางอากาศที่ถือเป็นโซนสีเทาโดยที่ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศเข้าควบคุม

ทั้งนี้ วอชิงตันไทม์สรายงานว่า ทีมกฎหมายปฏิบัติการร่วมของกองบัญชาการอินโดแปซิฟิกสหรัฐฯ ได้เคยออกมาแถลงเกี่ยวข้องกับคำศัพท์ “ใกล้อวกาศ” (near space) ของจีนว่า

“ไม่มีการบัญญัติ “ใกล้อวกาศ” ในกฎหมายระหว่างประเทศ มีแต่ตำว่าน่านฟ้า (airspace) และนอกอวกาศ (outer space) และ (บอลลูนระดับสูง) บินอยู่ในเขตน่านฟ้า”


กำลังโหลดความคิดเห็น