ฮามาสแถลงยินดีต่อเวลาหยุดยิงอีก 4 วันและปล่อยตัวประกันอิสราเอลเพิ่มแลกเปลี่ยนกับนักโทษปาเลสไตน์ ขณะที่กาตาร์พยายามอย่างหนักเพื่อให้มีการหยุดยิงอย่างยั่งยืนและนำไปสู่การยุติสงครามในท้ายที่สุด
ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในปัจจุบัน มีกำหนดสิ้นสุดในเช้าวันพฤหัสบดี (30 พ.ย.) ภายหลังการสู้รบสงบลง 6 วัน โดยที่กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอลหลายระลอกรวมแล้ว 60 คน แลกเปลี่ยนกับการที่ทางการอิสราเอลปล่อยนักโทษปาเลสไตน์รวม 180 คน นอกจากนั้นฮามาสยังปล่อยตัวประกัน 2 สัญชาติรัสเซีย-อิสราเอล 1 คน, คนไทย 20 คน และฟิลิปปินส์ 1 คนภายใต้ข้อตกลงแยกต่างหาก และทั้งสองฝ่ายยังเตรียมการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับนักโทษเพิ่มอีกในวันพุธ (29 พ.ย.)
ในวันอังคาร มาเจด อัล อันซารี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางการเจรจาหยุดยิง แถลงข่าวจากกรุงโดฮาว่า คณะผู้เจรจากำลังพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างยั่งยืนถาวร อันจะนำไปสู่การเจรจาเพิ่มเติมและการยุติสงครามในท้ายที่สุด
แหล่งข่าววงในเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า การหารือดังกล่าวมุ่งเน้นการสร้างความคืบหน้าในการขยายข้อตกลงหยุดเพื่อมนุษยธรรม และริเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในข้อตกลงถาวรที่อาจเกิดขึ้น
แหล่งข่าวอีกคนเผยว่า ฮามาสได้แจ้งคณะผู้เจรจาว่า ยินดีขยายเวลาหยุดยิงอีก 4 วันเพื่อปล่อยตัวประกันอิสราเอลเพิ่มภายใต้เงื่อนไขเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เชื่อกันว่า ฮามาสยังมีตัวประกันอีกราว 150 คน เพียงพอต่อการขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก 2 สัปดาห์ภายใต้ข้อตกลงเดิมในการปล่อยตัวประกันวันละ 10 คน กระนั้น คาดว่า ฮามาสจะเพิ่มเงื่อนไขต่อรองมากขึ้นสำหรับการปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ ซึ่งก็รวมไปถึงทหารอิสราเอลด้วย เช่น เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ที่ก่อเหตุโจมตีนองเลือด ไม่ใช่ผู้หญิงและวัยรุ่นซึ่งถูกทางการยิวจับกุมหลังก่อเหตุต่อต้านอิสราเอลเล็กๆ น้อยๆ
นอกจากนั้นเมื่อวันอังคารยังมีรายงานว่า วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของอเมริกา (ซีไอเอ) และเดวิด บาร์เนีย ผู้อำนวยการหน่วยงานสายลับมอสสาดของอิสราเอล ได้เดินทางไปยังกาตาร์เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายข้อตกลงหยุดยิงและการปล่อยตัวประกันเพิ่ม
ทั้งนี้ หลังจากมีการขยายข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้น 4 วันออกไปอีก 48 ชั่วโมง ฮามาสได้ปล่อยตัวประกันชุดใหม่ 12 คนเมื่อวันอังคาร ประกอบด้วยผู้หญิงอิสราเอล 10 คน และคนไทย 2 คน และอิสราเอลปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ 30 คน
สื่ออิสราเอลรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลได้รับรายชื่อตัวประกันชุดใหม่ที่จะได้รับการปล่อยตัวในวันพุธแล้ว อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
ข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นช่วยระงับการสู้รบชั่วคราวจากความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปสังหารผู้คน 1,200 คนในอิสราเอล และจับตัวประกันราว 240 คนกลับกาซา และอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีต่อเนื่องทั้งทางภาคพื้นดินและอากาศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฮามาสเผยว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 15,000 คนในกาซา ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนรวมทั้งเด็กๆ หลายพันคน
วันอังคาร ฮามาสและอิสราเอลต่างกล่าวหากันว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทว่า กาตาร์ระบุว่า การละเมิดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ส่งผลต่อสาระสำคัญของข้อตกลง
ขณะเดียวกัน อิสราเอลประกาศจุดยืนชัดเจนว่า การหยุดยิงเช่นนี้เป็นแค่การโหมโรงช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่า ตัวประกันจะได้รับการปล่อยตัว จากนั้นสงครามก็จะดำเนินต่อไป
ทว่า เมื่อวันอังคาร ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มจี7 ได้ออกคำแถลงเรียกร้องให้ขยายข้อตกลงหยุดยิงและปกป้องพลเรือน รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ
วอชิงตันซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญยังเตือนว่า หากอิสราเอลฟื้นปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนใต้ของดินแดนแห่งนั้น จะต้องดำเนินการอย่างแม่นยำขึ้นและไม่ทำให้พลเรือนจำนวนมากต้องทิ้งบ้านเรือนอีก
จากข้อมูลของสหประชาชาติ คาดว่า ชาวปาเลสไตน์ราว 1.7 ล้านคน หรือกว่าสองในสามของจำนวนประชากร 2.3 ล้านคนในกาซาต้องทิ้งที่อยู่อาศัยจากสงครามครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงหยุดยิงในกาซาไม่ได้ทำให้ความรุนแรงในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ยุติลงไปด้วย โดยมีวัยรุ่นปาเลสไตน์เสียชีวิต 2 คนระหว่างปะทะกับกองกำลังอิสราเอลเมื่อวันอังคาร
กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์เผยว่า นับจากวันที่ 7 ต.ค. มีชาวปาเลสไตน์กว่า 230 คนในเวสต์แบงก์เสียชีวิตจากน้ำมือทหารหรือผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอล
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)