xs
xsm
sm
md
lg

ซีอีโอ Bedrock เปิดทฤษฎีล้ม ChatGPT อ้างมีอดีตสมาชิกบอร์ดเบื้องหลังพัวพัน “ปักกิ่ง” ทำ “แซม อัลต์แมน” โดนปลด ฮือฮา! โปรเจกต์ลับ Q* ของ Open AI เชื่ออัจฉริยะขั้นเป็นภัยต่อมนุษยชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - หลังวิกฤตการปลดซีอีโอใหญ่ Open AI แซม อัลต์แมน ฟ้าผ่าจนบริษัทเจ้าของ ChatGpt แชตบอตชื่อดังแห่งยุคเกือบล้ม แต่อัลต์แมนสามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งซีอีโอได้ตามเดิม แต่ล่าสุดหนึ่งในผู้ลงทุนของบริษัทที่เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Bedrock Capital ออกมาเปิดทฤษฎีสมคบคิดกล่าวหาให้สังเกตอดีตสมาชิกบอร์ดบางคนที่มีประวัติพัวพันกับ "จีน" ให้ดี หลังบริษัทสร้างปาฏิหาริย์รอบใหม่กับโปรเจกต์ AI ชั้นสูงชื่อ Q* ที่สุดอัจฉริยะแต่อาจเป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติ

บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานวานนี้ (27 พ.ย.) ว่า หนึ่งในนักลงทุนของบริษัท Open AI ได้ออกมาแสดงทัศนะถึงความโกลาหลภายในบริษัท Open AI ของแซม อัลต์แมน (Sam Altman) ที่เกือบทำให้บริษัท AI ชื่อดังแห่งยุคเกือบถูกควบรวมเข้ากับบริษัทคู่แข่ง หรืออาจเกิดปัญหาพนักงานลาออกเกือบยกบริษัทหรือสมองไหลหลังอัลต์แมนถูกบอร์ดสั่งปลดออก ก่อนที่ในสัปดาห์ต่อมาสามารถกลับคืนเข้ามาสู่ตำแหน่งเดิมได้สำเร็จอีกครั้งก็ตาม

เจฟฟ์ ลูว์อิส (Geoff Lewis) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Bedrock Capital ออกมาเปิดเผยทฤษฎีสมคบคิดสุดตาค้างในวันจันทร์ (27) ในรายการ Squawk Box ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ของสหรัฐฯ ฟังว่า เขาให้ความสนใจไปที่เบื้องหลังของอดีตสมาชิกบอร์ด Open AI ซึ่งเป็นผู้หญิงเขาคิดว่าทำตัวเป็นเสมือนเอเยนต์ของปักกิ่ง

เขาชี้ไปถึง เฮเลน โทนเนอร์ (Helen Toner) ซึ่งได้โหวตในที่ประชุมบอร์ดไม่ไว้วางใจในตัวแซม อัลต์แมน

“เฮเลน โทนเนอร์คนนี้ คุณรู้ไหมดูเหมือนจะเป็นคนที่ดูน่ารัก” ลูว์อิซกล่าวแต่พูดต่อว่า “คุณว่าเธอจะเป็นสายลับของพรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP หรือเปล่า? ผมต้องการรู้คำตอบต่อคำถามนี้”

บิสซเนสอินไซเดอร์รายงานว่า โทนเนอร์อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ ในฐานะนักวิจัยด้านเกี่ยวข้องกับศูนย์เพื่อการกำกับ AI ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของอังกฤษระหว่างที่กำลังศึกษาระบบนิเวศปัญญาประดิษฐ์ของจีน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีการบ่งชี้อย่างแน่ชัดว่าโทนเนอร์มีความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และอีกทั้งซีอีโอของ Bedrock ซึ่งเป็นนักลงทุนของ Open AI เองก็ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ ในรายการทีวีวันจันทร์ (27)

บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า ในบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Foreign Affairs เมื่อต้นปีนี้ โทนเนอร์ได้ออกมาวิจารณ์การพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ของจีน โดยชี้ว่าปักกิ่งกำลังตามก้นตะวันตกโดบพึ่งพาเป็นอย่างมากต่อความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและโมเดลภาษาอังกฤษ และไม่ดูเหมือนที่จะแซงหน้าสหรัฐฯ ในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ทั้งนี้ เฮเลน โทนเนอร์ และทาชา แม็คคอลลีย์ (Tasha McCauley) เป็นผู้หญิงแค่ 2 คนนั่งในบอร์ด Open AI และโดนถอดออกจากการเป็นสมาชิกบอร์ดหลังการโหวตเพื่อขับอัลต์แมนจากตำแหน่งซีอีโอ

ยูโรนิวส์รายงานว่า เป็นที่จดจำไปทั่วเมื่ออัลต์แมนถูกสั่งไล่ออกจากตำแหน่งซีอีโอ Open AI ในวันศุกร์ และได้รับตำแหน่งกลับคืนในวันอังคาร ซึ่งเคยมีแหล่งข่าวได้ออกมาเปิดเผยว่า มีจดหมายลึกลับรายงานในสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนไปที่บอร์ด รวมไปถึง AI algorithm เกิดขึ้นก่อนที่บอร์ดจะประชุมเพื่อปลดอัลต์แมน

โดยมีการเปิดเผยถึงโครงการลับ โปรเจกต์ Q* ซึ่งเป็นระบบ AI แบบก้าวหน้าของบริษัทที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา และอัลต์แมนเองก็รู้ในเรื่องนี้ดี

หนึ่งในผู้ใกล้ชิดได้เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า บริษัทเชื่อว่า โปรเจกต์ Q* จะนำไปสู่ระดับ AGI หรือ artificial general intelligence

โดย Open AI ได้ระบุความหมายของ AGI ว่าเป็นระบบอัตโนมัติที่จะแซงหน้ามนุษยชาติในงานที่มีคุณค่าทางเศรษกิจเป็นส่วนใหญ่
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในเวลานี้โปรเจกต์ Q* มีความสามารถทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับประถมหรือมัธยม แต่ทว่าความสามารถเช่นนี้ทำให้บรรดานักวิจัยนั้นมองในแง่บวกถึงอนาคตของ AI ก้าวหน้าตัวนี้

และในวันถัดมา อัลต์แมนถูกบอร์ดประชุมขับออกจากตำแหน่งซีอีโอบริหาร Open AI ยูโรนิวส์รายงาน




กำลังโหลดความคิดเห็น