เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ปักกิ่งล่าสุดตามการค้นพบของกลุ่มสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมนไรท์วอช” HWR ได้เพิ่มการสั่งปิดหรือทำลายมัสยิดหลายร้อยแห่งไปไกลเกินเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ที่มีชนกลุ่มน้อยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เชื่อเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพิ่มการควบคุมเสรีภาพในการนับถือศาสนาภายในประเทศไม่ให้เป็นภัยคุกคามต่อพรรค CCP
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันพุธ (22 พ.ย.) ว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อดัง ฮิวแมนไรท์วอช “ฮิวแมนไรท์วอช” HWR ออกรายงานปกดำวันพุธ (22) ระบุว่า พบทางการปักกิ่งได้ลดจำนวนมัสยิดมากอย่างเห็นได้ชัดในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย (Ningxi) และมณฑลกานซู่ (Gansu) ที่มีมุสลิมเผ่าหุยอยู่เป็นจำนวนมากภายใต้คำอ้างคือ นโยบายพรรคคอมมิวนิสต์จีนปี 2018 เพื่อควบคุมและความเป็นหนึ่งเดียวของมัสยิดในจีน แต่การปฏิบัติที่มีการรื้อถอน ปิด หรือเปลี่ยนมัสยิดให้เป็นสถานที่อื่นนั้นเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของการนับถือศานา กลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้
ภายใต้การปกครองของสี พรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP ต้องการที่จะให้กิจการศาสนาเดินไปตามแนวทางการเมืองและวัฒนธรรมจีน
พบที่ผ่านมาปักกิ่งออกคำสั่งปิด รื้อถอน หรือเปลี่ยนมัสยิดให้เป็นสถานที่อื่นสำหรับกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องทางศาสนาแทน เป็นความพยายามของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงในการจำกัดเสรีภาพในการนับถือศาสนาอิสลามภายในจีน
บีบีซีชี้ว่า ในมณฑลกานซู่ที่มีพรมแดนติดเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย พบว่าเจ้าหน้าที่จีนได้ประกาศเป็นระยะๆ ถึงการปิดมัสยิดและการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
พบว่าในปี 2018 เจ้าหน้าที่จีนสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าร่วมในกิจกรรมทางศาสนาหรือการศึกษาด้านศาสนาในเมืองหลินเซี่ย (Linxia) ในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยที่ก่อนหน้าเคยมีฉายาว่า “ลิเติล มักกะฮ์”
และในปีถัดมาคือปี 2019 โทรทัศน์ท้องถิ่นได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนได้เปลี่ยนมัสยิดไม่กี่แห่งให้กลายเป็นสถานที่ฝึกงานและศูนย์วัฒนธรรมแทนเพื่อไม่ให้คนเดินทางไปมัสยิด
ในรายงานกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชค้นพบว่า ปักกิ่งมีความพยายามยังรวมไปถึงการที่ปักกิ่งสั่งรื้อถอนสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นมัสยิดออกไป เป็นต้นว่า การรื้อถอนหลังคาโดม หรือเสาทั้ง 4 ทิศในมัสยิดจำนวนมากในประเทศ
สื่ออังกฤษกล่าวว่า ภาพถ่ายดาวเทียมที่กลุ่มฮิวแมนไรท์วอชได้มาแสดงให้เห็นหลังคาโดมที่มัสยิดในหมู่บ้านเหลียวเฉา (Liaoqiao) โดนรื้อและมีเจดีย์ศิลปะจีนก่อสร้างขึ้นแทนระหว่างตุลาคมปี 2018 และมกราคม ปี 2020
รายงานของฮิวแมนไรท์วอชระบุว่า มีมัสยิดไม่ต่ำกว่า 1,300 แห่งในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยที่โดนปิดนับตั้งแต่ปี 2020 ฮันนา ทีเกอร์ (Hannah Theaker) ผู้เชี่ยวชาญศาสนาอิสลามในจีนได้เปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า ตัวเลขที่สั่งปิดนี้คิดเป็น 1 ใน 3 ของมัสยิดทั้งหมดภายในภูมิภาค
การควบคุมเสรีภาพทางศาสนายังลามไปถึงศาสนาพุทธ
เจแปนไทม์สของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ปักกิ่งได้ออกกฎหมายใหม่ทางด้านกิจการศาสนาที่เรียกว่า กฎหมายหมายเลข 19 (Order No.19) ออกมาโดยองค์การรัฐบริหารกิจการด้านศาสนาของจีน (State Administration of Religious Affairs)
ซึ่งหนึ่งในข้อห้ามที่น่าสนใจเป็นต้นว่า กำหนดให้มีระบบสำหรับการประเมินสมาชิกขององค์กรบริหารการศาสนาที่ระบุว่า “หากว่ามีผู้ใดบ่อนทำลายความสามัคคีชาติ แบ่งแยกประเทศจะต้องถูกกำจัด”
นอกเหนือจากนี้กฎหมายยังสั่งห้ามการก่อสร้างสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่เปิดโล่งที่ด้านนอกวัด หรือโบสถ์เป็นต้น
เจแปนไทม์สชี้ว่าและอาจทำให้เข้าใจว่าเหตุใดปักกิ่งจึงสั่งทำลายพระพุทธรูปสูง 30 เมตร พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย สูง 7 เมตร และล้อหมุนสวดภาวนาแบบทิเบตอัก 45 ชิ้นเกิดขึ้นที่เทศมณฑลดราโก (Drago county) มณฑลคาม (Kham) ทิเบตเมื่อธันวาคมปี 2021
สื่อทิเบต Tibetan Review รายงานวันอังคาร (21) ที่ผ่านมาว่า ปันเชนลามะที่ได้รับการแต่งตั้งโดยปักกิ่งได้ขึ้นเทศน์อย่างเป็นครั้งแรกต่อพระลามะ 28 รูปที่วัดตาชิลุนโป (Tashi Lhunpo Monastery) ให้พระลามะเหล่านั้นทำเพื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP
ปันเชนลามะที่สื่อทิเบตระบุว่าได้รับตำแหน่งอย่างไม่ชอบได้กล่าวแก่พระลามะเหล่านั้นว่า
“ขอจงมีซาบซึ้งต่อพรรค ฟังคำสั่งพรรค ทำตามพรรค (และ) สนับสนุนพรรค” (“be grateful to the Party, listen to the Party, follow the Party, promote the Party.”)