รัฐบาลจอร์แดนระบุวานนี้ (21 พ.ย.) ว่ากองทัพได้มีการเสริมกำลังทหารตลอดแนวพรมแดนที่ติดกับอิสราเอล พร้อมเตือนว่าหากอิสราเอลบังคับขับไล่ชาวปาเลสไตน์ให้อพยพข้ามแม่น้ำจอร์แดน ก็จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงสันติภาพที่สองฝ่ายทำร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี บิชร์ อัลเคาะศอวินะฮ์ (Bisher Khasawneh) แห่งจอร์แดน ยืนยันว่า รัฐบาลอัมมาน “จะใช้ทุกมาตรการที่สามารถทำได้” เพื่อป้องกันไม่ให้อิสราเอลใช้นโยบายเคลื่อนย้ายประชากร (transfer policy) ขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากเขตเวสต์แบงก์
สงครามอิสราเอล-ฮามาสยิ่งกระพือความกังวลในจอร์แดน ซึ่งเป็นประเทศที่รับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์และลูกหลานเข้ามาอาศัยอยู่แล้วหลายล้านคน เนื่องจากมีพวกนักการเมืองขวาจัดและชาตินิยมสุดโต่งในรัฐบาลอิสราเอลที่ชูแนวคิดว่า “จอร์แดนคือปาเลสไตน์” (Jordan-is-Palestine solution) และชี้ว่านี่ก็คือทางออกสำหรับปัญหายิว-ปาเลสไตน์
กองทัพอิสราเอลเริ่มทิ้งระเบิดโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักนับตั้งแต่กองกำลังติดอาวุธของฮามาสที่ปกครองกาซาบุกจู่โจมภาคใต้ของรัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอลนั้นทำให้พลเรือนปาเลสไตน์ในกาซาราว 1.7 ล้านคน จากทั้งหมด 2.3 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย
“การบังคับขับไล่หรือสร้างเงื่อนไขใดๆ ก็ตามเพื่อให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น รัฐบาลจอร์แดนจะถือว่าเป็นการประกาศสงคราม และเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงสันติภาพ” สื่อทางการจอร์แดนรายงานคำแถลงของนายกฯ ซึ่งอ้างไปถึงข้อตกลงสันติภาพที่จอร์แดนทำร่วมกับอิสราเอลเมื่อปี 1994
“นั่นจะนำไปสู่การทำลายความมุ่งหวังของชนชาติปาเลสไตน์ และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจอร์แดนด้วย” อัลเคาะศอวินะฮ์ กล่าว
“ข้อตกลงสันติภาพจะกลายเป็นแค่กระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกเก็บไว้บนชั้นวางซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น หากอิสราเอลไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีของตนเอง และละเมิดเงื่อนไขข้อตกลง”
นายกฯ จอร์แดนย้ำเตือนว่า รัฐบาล “พร้อมพิจารณาทุกทางเลือก” หากเกิดสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของจอร์แดน และการเสริมกำลังทหารบริเวณแนวพรมแดนอิสราเอลก็เป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อปกป้องความปลอดภัยของชาติ
จอร์แดนเป็นประเทศที่ 2 ถัดจากอียิปต์ที่ยอมทำข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอล และมีสายสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่แนบแน่นกับรัฐยิวมาโดยตลอด ทว่าความสัมพันธ์นี้เริ่มจะสั่นคลอน หลังจากอิสราเอลถูกปกครองโดยรัฐบาลที่ดำเนินนโยบายขวาจัดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ที่มา : รอยเตอร์