รัฐบาลอิสราเอลลงมติในวันพุธ (22 พ.ย.) สนับสนุนข้อตกลงหยุดสู้รบเป็นเวลา 4 วัน แลกกับการที่นักรบปาเลสไตน์ "ฮามาส" ยอมปล่อยตัวประกันผู้หญิงและเด็ก 50 คน ที่ควบคุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา จากการเปิดเผยของทำเนียบนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู
เจ้าหน้าที่จากกาตาร์ซึ่งเป็นคนกลางการเจรจา เช่นเดียวกันกับสหรัฐฯ อิสราเอล และฮามาส พูดกันมาหลายวันว่าข้อตกลงกำลังใกล้เกิดขึ้นทุกขณะ
เจ้าหน้าที่ในกาซา ระบุว่า ในข้อตกลงนี้จะมีการหยุดสู้รบเป็นครั้งแรกหลังอิสราเอลทิ้งบอมบ์ถล่มฉนวนกาซาซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฮามาส พังราบเป็นหน้ากลอง สังหารผู้คนไปแล้วมากกว่า 13,300 คน และประชากรอีกกว่า 2.3 ล้านคน ต้องไร้ถิ่นฐาน
ก่อนหน้าการประชุมคณะรัฐมนตรี เนทันยาฮูได้ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีสงครามและรัฐมนตรีด้านความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับข้อตกลงนี้ในวันอังคาร (21 พ.ย.) และก่อนหน้าการแถลงข้อตกลง เนทันยาฮู บอกว่าการแทรกแซงของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ช่วยปรับปรุงข้อตกลงเบื้องต้นในดีขึ้น ในนั้นรวมถึงตัวประกันได้รับการปล่อยตัวเพิ่มเติมและยอมอ่อนข้อแก่ฮามาสน้อยลงกว่าเก่า
ทั้งนี้ เชื่อกันว่า ฮามาสจับตัวประกันไว้มากกว่า 200 คน เมื่อครั้งที่บุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย
อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ประกาศว่าภารกิจอย่างกว้างๆ ของอิสราเอลจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "เราอยู่ในสงคราม และเราจะเดินหน้าทำสงครามจนกว่าเราจะประสบความสำเร็จในทุกเป้าหมายของเรา ทำลายฮามาส ทวงคืนตัวประกันทั้งหมดของเรา และรับประกันว่าจะไม่มีองค์กรใดในกาซาที่สามารถคุกคามอิสราเอลได้อีก" เขากล่าวในช่วงเริ่มต้นของการประชุมคณะรัฐบาล
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการหารือ ได้บอกก่อนหน้าที่จะมีข้อตกลงว่า ข้อตกลงนี้จะรวมถึงการแลกเปลี่ยนเชลยศึกปาเลสไตน์ 150 คน ขณะเดียวกัน การหยุดยิงจะเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไหลบ่าเข้าสู่ฉนวนกาซาด้วย
(ที่มา : รอยเตอร์)