หัวร้อนฉ่า แต่เลือดเย็นเฉียบ และมีความชำนาญด้านอาวุธปืนดั่งมาเฟียมืออาชีพ ทนายความผู้เฒ่าชาวอเมริกันเชื้อสายปานามาเนียน วัย 77 ปี ลงมือก่อคดีสะเทือนขวัญผู้คนทั่วประเทศปานามา โดยยิงปืนสั้นอัตโนมัติระยะเผาขน ส่งกระสุนสังหารเข้าฝังร่างนักประท้วงด้านสิ่งแวดล้อม ถึงสองคนกลางวันแสกๆ อย่างเลือดเย็น ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และไม่วอกแวกสนใจช่างภาพสื่อมวลชนมากมายที่เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างห่างๆ
คลิป Sunday Time นำขึ้น youtube - 1.22 นาที - ไม่มีการเช็คอายุผู้ชม
เดอะมิร์เรอร์และแอลบีซีนิวส์รายงานข่าวอย่างละเอียดว่า เคนเนธ ดาร์ลิงตัน ทนายความผู้ถือสองสัญชาติ คือ อเมริกันและปานามาเนียน (เกิดในปานามาโดยคุณพ่อคุณแม่เป็นอเมริกันชน) ขับรถไปบน แพน-อเมริกัน ไฮเวย์ ถนนหลวงเส้นหัวใจของทวีปอเมริกา เพื่อทำธุระกับภรรยาสาว และสหายหนึ่งคน ก่อนจะต้องชะงักงัน เพราะบรรดากลุ่มนักประท้วงด้านสิ่งแวดล้อมยกขบวนไปยึดพื้นผิวการจราจรเพื่อต่อต้านรัฐบาล ส่งผลเป็นการปิดเส้นทางสัญจรในช่วงที่ถนนแพน-อเมริกันพาดผ่านเมืองชิเม แคว้นปานามาโอเอสเตร ห่างจากกรุงปานามาซิตีของประเทศปานามา ไปทางตะวันตกเพียงหกสิบกว่ากิโลเมตร
โดยกิจกรรมปิดถนนในแคว้นนอกเมืองหลวงนี้ เป็นกิจกรรมของกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีสหภาพคุณครูเป็นกลุ่มนำการประท้วง ควบคู่กับการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลอย่างดุเดือดตามท้องถนนภายในกรุงปานามาซิตี ซึ่งดำเนินต่อเนื่องยืดเยื้อสามสัปดาห์แล้ว นับจากที่รัฐบาลอนุมัติขยายอายุสัมปทานเหมืองทองแดงแหล่งมหึมาที่สุดในเขตป่าดงดิบปานามา ให้แก่บริษัทยักษ์จากแคนาดา นามว่า เฟิสต์ ควอนตัม มิเนอร์รัลส์ เป็นระยะเวลายาวๆ ถึง 20 ปี ขณะที่ปัญหาผลกระทบร้ายแรงในด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมือง ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ปมเล็กๆ แห่งการที่ทนายเคนเนธ ดาร์ลิงตันไม่สามารถขับรถไปถึงจุดหมาย บานปลายกลายเป็นฆาตกรรมอันไร้สาระได้อย่างสมบูรณ์แบบ เริ่มจากที่ทนายความเฒ่าชาวอเมริกันเกิดอารมณ์พิโรธหนักหนาในความรู้สึกเหลืออดเหลือทนกับการประท้วงของชาวปานามาเนียน ซึ่งทำให้ตนไม่สามารถเดินทางสู่จุดหมายได้
และก่อนประโยคบาดหัวใจจะออกจากปากของหนึ่งในสองคุณครูนักประท้วงที่ถูกสังหาร ว่า “ทำไมไม่ยิงสักทีล่ะ” อันเป็นประโยคจุดชนวนให้กระสุนแห่งทนายเลือดเดือดลั่นเปรี้ยงออกไป กระชากวิญญาณคนถาม จนล้มโค่นลงไปนอนนิ่งตายอนาถบนพื้นถนน นั้น ทนายดาร์ลิงตันได้ทำการซุกปืนสั้นอัตโนมัติไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วก้าวออกจากรถยนต์ส่วนตัวซึ่งจอดนิ่งในแพรถติดยาวหลายกิโลเมตร พลางลั่นวาจาว่า
“เรื่องนี้ต้องยุติลงตรงนี้” เดอะมิร์เรอร์รายงาน
หลังจากนั้น ทนายหัวร้อนวัยคุณปู่ก็เดินลุยไปยังจุดปิดกั้นถนน หมายจะเผชิญหน้ากับนักประท้วง ท่วงท่าการเดินดูแข็งแรงมุ่งมั่นผิดกว่าวัยแท้จริงไปหลายสิบปี
สื่อมวลชนของปานามา นามว่า ทีวีเอ็น โนติเซียอัส รายงานว่า ดาร์ลิงตัน ทนายความและอาจารย์มหาวิทยาลัย ถามกลุ่มนักประท้วงว่าใครเป็นผู้นำกลุ่ม แล้วได้รับคำตอบว่า ไม่มี แต่สักพักหนึ่งชายหญิงนักประท้วงราว 5-7 ราย ทยอยกันเดินเข้าเดินออกไปพบทนายดาร์ลิงตัน และมีการชี้แจงตลอดจนโต้เถียงกันเผ็ดร้อน ซึ่งภาพที่เห็นในคลิป มี 1-2 รายที่น่าจะเป็นสื่อมวลชน
ภาพในคลิปต่างๆ ที่บันทึกโดยบรรดาพยานรู้เห็นเหตุการณ์ แสดงให้เห็นว่าการโต้เถียงเริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทนายดาร์ลิงตันพูดบางสิ่งอย่างมีอารมณ์ พร้อมกับควักปืนสั้นอัตโนมัติออกจากกระเป๋ากางเกง และมีการส่ายกระบอกปืนไปมาในลีลามาเฟียข่มขู่กลุ่มผู้ประท้วง พลางสั่งให้กวาดเก็บสิ่งปิดกั้นถนนให้พ้นออกไป แต่ฝ่ายผู้ประท้วงสีหน้าเคร่งเครียด ไม่มีท่าทีแตกตื่นตกใจกับปืน และก็ไม่ได้ทำตามคำสั่ง มีแต่จะเพียรพยายามพูดเจรจาชี้แจง
ด้านทนายหัวร้อนจึงทำการโยนเครื่องปิดกั้นถนนออกไปจากถนนด้วยตนเอง อันได้แก่ บรรดายางรถยนต์เก่าๆ และป้ายผ้าประท้วงที่ขึงไว้กับไม้รวกก้านยาวและปักคาในกรวยจราจรเพื่อแสดงแนวปิดกั้นถนน ทั้งนี้ มีผู้ประท้วงหญิงรายหนึ่งเก็บและม้วนป้ายผ้าประท้วงกำไว้ในมือ แล้วเมียงมองเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดช่วงหนึ่งสั้นๆ
ส่วนเหล่าชายฉกรรจ์จากกลุ่มผู้ประท้วงที่เจรจากับทนายดาร์ลิงตัน แม้จะมีท่าทีหนักใจที่แนวกั้นเส้นทางสัญจรถูกผู้ใช้รถใช้ถนนบุกเข้ามารื้อถอนเพื่อเคลียร์ทาง แต่ก็มิได้เข้าไปขัดขวางหรือต่อสู้
การปะทะกันแบบพูดโต้เถียงโต้ตอบดำเนินไปมานานราว 10 นาที ก่อนจะมาถึงประโยคหายนะ และนาทีสังหารโหด ทั้งนี้ มีชายจากกลุ่มผู้ประท้วงยืนในเหตุการณ์ 3 ราย ได้แก่ คุณครูสวมหมวกสีฟ้าเสื้อยืดดำและกางเกงขาว ชายร่างท้วมในชุดเสื้อยืดสีแดง และคุณครูในเสื้อยืดดำแต่ไม่มีหมวก
ในจังหวะวิกฤติอย่างที่สุดนั้น ชายผู้เป็นคุณครูสวมหมวกสีฟ้าซึ่งในมือมีม้วนป้ายผ้าประท้วง ได้กล่าวสิ่งที่อาจมองเป็นการเตือนสติก็ได้ เป็นการเย้ยหยันกดดันก็ได้ ว่า
“ทำไมไม่ยิงสักทีล่ะ”
และอีกรายหนึ่งพูดว่า
“นี่คุณจะฆ่าใครให้ได้สักคนล่ะหรือ”
เท่านั้นเอง ทนายหัวร้อนลีลามาเฟียพูดสวนกลับว่า
“อยากจะเป็นรายแรกใช่มั้ย”
แอลบีซีนิวส์รายงานอย่างนั้น โดยนำเสนอว่าการต่อปากต่อคำกันในสไตล์มาเฟีย ถูกติดตามมาด้วยเหตุการณ์สังหารโหด เลือดเย็นขั้นสุด
กล่าวคือ ต่อหน้าบรรดาช่างภาพและทีมรายงานข่าวโทรทัศน์มากมายที่ไปปักหลักถ่ายทำข่าวการประท้วงรัฐบาล ทนายวัยไม้ใกล้ฝั่งแต่ร่างกายยังแข็งแรงเหลือเฟือ ได้ทำการเล็งปืนไปที่คุณครูในเสื้อยืดคอกลมสีดำกางเกงขาวกับหมวกสีฟ้า และด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาคุมแค้นอยู่ลึกๆ ทนายดาร์ลิงตันได้ลั่นกระสุนเจาะร่างของคุณครู ส่งผลให้ไม้ผูกป้ายผ้าประท้วงร่วงสู่พื้นถนน พร้อมกับที่ร่างชะตาขาด ถึงกับโค่นตึงลงคาแผ่นดินแม่ตามไปด้วยกัน และแน่นิ่งไปในทันที
ชายในเสื้อสีแดงรีบไปดูอาการของเพื่อน ก่อนจะเดินผละออกจากวงโต้เถียง จากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้แสดงความหวาดหวั่นใดๆ ขณะที่บรรดาผู้ประท้วงที่ตั้งวงอยู่ไม่ห่างพากันกรีดร้องตกใจ อุทานเสียงดังอื้ออึงด้วยความเป็นห่วงเพื่อนนักประท้วง
ส่วนชายในเสื้อยืดสีดำไม่มีหมวก ซึ่งมิได้แสดงความเสียขวัญหวาดกลัว ได้กล่าวตำหนิติเตือนอย่างผู้หลักผู้ใหญ่ แต่กลับถูกทนายผู้บันดาลโทสะ ยิงเข้าใส่อย่างจัง คุณครูเหยื่อกระสุนรายที่สองนี้มีอาการว่าเจ็บปวดรวดร้าว และยกมือขึ้นกุมไหล่ เดินเซออกไประยะหนึ่ง ก่อนจะคว่ำคะมำและร่วงคาอยู่ที่ร่องถนนกั้นเลนรถวิ่งขึ้น-ล่อง
ด้วยความเยือกเย็นที่มากมายพอๆ กับความอำมะหิต ทนายอเมริกันผู้ชรา หัวร้อน และเอาแต่ใจ มิได้รีบเร่งจะวิ่งหนีความผิดจากการฆาตกรรมประชาชนไปสองราย เขาเดินหน้าโยนสิ่งกีดขวางเส้นทางเดินรถจนเป็นที่พอใจ แล้วจึงเดินกลับไปยังรถยนต์ของตนเอง
หลังจากที่หลากหลายคลิปวิดีโอสะเทือนขวัญซึ่งบันทึกเหตุการณ์ผ่านหลากหลายมุมกล้อง ที่ทนายมาเฟียอำมะหิตใช้ปืนสั้นอัตโนมัติยิงเจาะร่างสองนักประท้วงในระยะเผาขน ถูกแชร์ขึ้นโซเชียลมีเดีย และกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ชาวโลกหลายล้านรายต่างได้เห็นลีลาการลั่นไกด้วยสีหน้านิ่งเรียบ โดยแววตาแฝงความแค้นเคืองลึกๆ บ่งบอกความเลือดเย็นของทนายผู้เฒ่า ผู้ที่ยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและสมาธิของจิตใจแข็งกร้าวขณะปลิดชีพสองนักประท้วง ซึ่งมีเพียงวาจาเป็นอาวุธ กลางถนนไฮเวย์ แพน-อเมริกัน ในช่วงบ่ายสองย่างบ่ายสามของวันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2023
ประวัติไม่ธรรมดา เคยถูกบุกจับคาอพาร์ทเมนท์หรูในคดีครอบครองอาวุธสงคราม & เคยเป็นโฆษกของนักฟอกเงินและหนีภาษีตัวพ่อของปานามา
เมื่อหน่วยพยาบาลฉุกเฉินรุดไปถึงจุดที่เกิดเหตุเลือดนองแผ่นดิน และพยายามกู้ชีพของเหยื่อทนายปืนโหดจอมอำมะหิต คือ คุณครูอับดีย์อัล ดิอาซ แต่ลงเอยว่าสุดความสามารถที่จะยื้อไว้ได้ และต้องประกาศว่า คุณครูอับดีย์อัล นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของสหพันธ์คุณครู ได้ถึงแก่กรรมแล้ว สปอร์ตสกีดาดอทคอมรายงานข่าวไว้อย่างนั้น
ส่วนเหยื่อปืนโหดอีกรายหนึ่งซึ่งได้แก่ คุณครูอิวาน เมนโดซา ถูกนำส่งโรงพยาบาลซานคาร์ลอส แต่เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงจบชีวิตลงอย่างน่าเสียใจไปอีกรายหนึ่ง
ด้านทนายปืนโหดเดินกลับถึงรถแล้ว สหายที่มาด้วยกันร้องถามว่า
“รู้ตัวหรือเปล่า ไปทำอะไรมา”
ปืนโหดวัยดึกตอบว่า
“รู้สิ ผมฆ่าไปคนหนึ่ง แล้วก็ยิงอีกคนหนึ่ง เราเคลื่อนตัวออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
แต่ภรรยาสาวของคุณปู่ดาร์ลิงตันซึ่งนั่งรออยู่ในรถ ไม่ยอมให้ใช้วิธีขับรถหนีตำรวจ และเธอคนนี้เป็นอีกรายหนึ่งที่โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มารับตัวสามีไปดำเนินคดี เดอะมิร์เรอร์รรายงาน
ตำรวจยกกำลังไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว และรุดเข้าไปจับกุมตัวทนายผู้เฒ่าได้โดยละม่อม
ครั้นเมื่อตกอยู่ในมือตำรวจแล้ว คุณปู่สายโหดมีท่าทีและลีลาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับตอนที่เดินดุ่ยเข้าไปตะโกนขับไล่กลุ่มผู้ประท้วง ในภาพที่ปรากฏบนคลิปปืนโหด หัวร้อน เลือดเย็น นั้น ทนายมาเฟียมือสังหารสองศพซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินกระปรกกระเปลี้ยสมวัย 77 ปี
เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ โหดเหี้ยมผิดวิสัยมนุษย์ และถูกผู้คนทั้งประเทศจับจ้องมองกันตาไม่กระพริบ คดีฆาตกรรมของทนายดาร์ลิงตันต่อนักต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อม จึงถูกดำเนินการโดยพลัน กล่าวคือ ในวันรุ่งขึ้น พุธที่ 8 พฤศจิกายน จอมอำมะหิตดาร์ลิงตันถูกนำตัวไปยังศาลภายใต้ข้อหาฆาตกรรมและพกพาปืนอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
สื่อสปอร์ตสกีดาดอทคอมนำประวัติจากเฟซบุ๊กของทนายเคนเนธ ดาร์ลิงตันมานำเสนอให้ทราบโดยทั่วกันว่า ทนายเฒ่ารายนี้ซึ่งมีบิดามารดาเป็นอเมริกันชน แต่มาถือกำเนิดในประเทศปานามา
ทั้งนี้ ดาร์ลิงตันสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา สเตท ยูนิเวอร์ซิตี และมหาวิทยาลัยอิซาเอ ยูนิแวร์ซิดาด ปานามา และเคยสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย
นอกจากนั้น ยังมีผู้ให้ข้อมูลด้วยว่าทนายดาร์ลิงตันเป็นหุ้นส่วนของสำนักงานทนายความในประเทศปานามา ในชื่อบริษัทว่า มอสแซค ดาร์ลิงตัน แอนด์ แอสโซซิเอทส์
พร้อมกันนี้สปอร์ตสกีดาดอทคอม รายงานประวัติไม่ธรรมดาของทนายเคนเนธ ดาร์ลิงตันว่า เคยเป็นโฆษกของนักการเงินจอมอื้อฉาว นามว่า มาร์ก แฮร์ริส นักบัญชีชาวปานามาเนียนวัย 58 ปี ซึ่งถูกศาลในสหรัฐอเมริกาตัดสินว่ามีความผิดคดีฟอกเงินและโกงภาษี
ต่อมาในปี 2005 สื่อปานามา นามว่า นิวส์รูม ปานามา รายงานว่า เคนเนธ ดาร์ลิงตัน ถูกบุกค้นอพาร์ทเมนต์ส่วนตัวในย่านเปทิลญาซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยระดับแพงระยับ และในครั้งนั้นก็ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองอาวุธร้ายแรง ซึ่งรวมถึงปืนไรเฟิลเอ็ม-1 กับปืนอากา-47 อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวต่อสู้คดีด้วยข้อแก้ต่างว่าอาวุธร้ายแรงเหล่านี้เป็นของสะสมเชิงศิลปะ และจึงสามารถประกันตัวออกมาใช้ชีวิตอิสระได้
แนวทางต่อสู้คดีคือ อายุขัยที่แก่ชรา ทำให้ขาดสติสัมปชัญญะขณะกระทำความผิด
ขณะที่ผู้พิพากษามีคำสั่งให้มีการกุมขังก่อนการพิจารณาคดี สำหรับผู้ต้องหา นาม เคนเนธ ดาร์ลิงตัน เป็นเวลา 6 เดือนนั้น ทนายความฝ่ายครอบครัวของผู้เสียชีวิตชี้ว่า ประเด็นการต่อสู้คดีของดาร์ลิงตันจะเป็นการนำเสนอว่า ผู้ต้องหาวัย 77 ปี มีสุขภาพกายไม่แข็งแรง และขณะกระทำความผิดก็มีสภาพจิตใจที่ไม่เป็นปกติ พร้อมนี้ จะมีการขอให้ได้รับการประเมินทางจิตเวชด้วย เว็บไซต์ข่าวแอลบีซีของอังกฤษรายงาน
ทั้งนี้ สีหน้าท่าทางของเคนเนธ ดาร์ลิงตัน ไม่มีลักษณะของความสำนึกผิดหรือเสียใจต่อการกระทำของตนเอง โดยที่ว่าการหลั่งเลือดและเสียชีวิตของเหยื่อสังหารทั้งสอง ไม่สามารถกระตุ้นต่อมความเป็นมนุษย์ของทนายปืนโหด
สื่อมวลชนในปานามาพากันวิเคราะห์ว่า ด้วยเหตุที่ดาร์ลิงตันมีอายุสูงวัยไม้ใกล้ฝั่งเกือบจะแปดสิบปีแล้วนั้น ต่อให้ทนายปืนโหดถูกตัดสินว่ามีความผิด ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ต้องติดคุก แต่จะเป็นการกักบริเวณไว้ภายในบ้าน
ในการนี้ เครือข่ายคุณครูยกขบวนมากดดันศาลกันอย่างเนืองแน่นขนาดที่เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาคุณปู่ปืนโหดเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีด้วยประตูด้านหลังอาคาร ดังนั้น ความเอื้อเฟื้อที่คุณปูหัวร้อนเลือดเย็นจะได้รับ ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะมิร์เรอร์ แอลบีซีนิวส์ ทีวีเอ็น โนติเซียอัส สปอร์ตสกีดา นิวส์รูม ปานามา)