เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ตั้งแต่อียิปต์ไปจนถึงตุรกีเริ่มต้นบอยคอตสินค้าตะวันตกทั้งโคคา โคล่า สตาร์บัคส์ ห้างคาฟูร์ ร้านแมคโดนัลด์ และร้องเท้ากีฬาพูม่า หลังตะวันตกยังคงสนับสนุนอิสราเอลโจมตีเขตฉนวนกาซาและมีคนตายจำนวนมาก ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้รับสัญญาณแรงเตือนจากสายข่าวนักการทูตอเมริกันชี้ โลกอาหรับต่อต้านสหรัฐฯ ด้านสื่อ CNN ชื่อดังสั่งปลดช่างภาพนักข่าวประจำกาซาออกหลังพบฝังตัวกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส หลังสื่อตะวันตกชื่อดังทั้งนิวยอร์กไทม์ส รอยเตอร์ เอพี ปฏิเสธเสียงแข็งไม่รู้ล่วงหน้าเหตุการณ์โจมนี 7 ต.ค.
เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันนี้ (12 พ.ย.) ว่า ความรุนแรงในสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่พบโรงพยาบาลมากมายในเขตฉนวนกาซาตกเป็นเป้าโจมตี การโจมตียังรวมไปถึงค่ายผู้อพยพ คอนวอยรถพยาบาลฉุกเฉินและแม้แต่คอนวอยสิ่งของบรรเทาทุกข์กาชาดสากลสร้างความเดือดดาลให้ประชาชนตะวันออกกลางที่ไม่พอใจที่บรรดาชาติตะวันตกต่างยังคงยืนเคียงข้างอิสราเอลผู้รุกรานโดยเฉพาะประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ส่งยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้พร้อมกับส่งขุมกำลังสหรัฐฯ ทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เข้ามาในภูมิภาคเพื่ออิสราเอล
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า ส่งผลทำให้บรรดาผู้บริโภคในตะวันออกกลางตั้งแต่อียิปต์ คูเวต ไปจนถึงตุรกีต่างเริ่มต้นบอยคอยสินค้าตะวันตกชื่อดังตั้งแต่น้ำอัดลมโคคาโคล่า กาแฟสตาร์บัคส์ ร้านฟาสต์ฟูดแมคโดนัลด์ โดมิโนพิซซ่า ที่มาจากสหรัฐฯ
การบอยคอตยังรวมไปถึงรองเท้ากีฬาพูม่าชื่อดังจากเยอรมนี และห้างคาฟูร์ของฝรั่งเศส
สัปดาห์นี้นักการเมืองตุรกีต่างออกมาประกาศว่า พวกเขาจะไม่ดื่มโค้กหรือขนมขบเคี้ยวของเนสท์เล่อีกต่อไป และอีกทั้งผลิตภัณฑ์ตะวันตกทั้งหมดจะถูกนำออกไปจากอาคารรัฐสภาอังการา
รัฐสภาตุรกีกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลจะไม่มีการวางขายในภัตตาคาร ศูนย์อาหาร และร้านชาภายในเขตรัฐสภาตุรกี”
ป้ายสติกเกอร์รูปสตาร์บัคส์ติดบนเสาไฟในเมืองอิซมีร์ (Izmir) ของตุรกีมีใจความว่า “มีเลือดทารกอยู่ในกาแฟที่คุณดื่ม”
สื่ออังกฤษรายงานว่า ชาวตะวันออกกลางหันมาดื่มโซดาอียิปต์ชื่อดัง Spiro Spathis ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1920 และการบอยคอตทำยอดขายถล่มทลายถึง 300% อ้างอิงจากสื่อแดนไอยคุปต์
การที่สหรัฐฯ และโลกตะวันตกโดนบอยคอตนี้ตรงกับที่ CNN สื่อสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (10) รายงานว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับคำเตือนจากโทรเลขทางการทูตที่ส่งออกมาจากทั่วตะวันออกกลางว่า จุดยืนวอชิงตันอยู่ข้างอิสราเอลกำลังทำให้สหรัฐฯ เผชิญความโกรธแค้นจากโลกอาหรับมากขึ้น
“เรากำลังแพ้อย่างหนักในการสื่อสารทางการสู้รบ” โทรเลขการทูตส่งมาจากสถานทูตในโอมานวันพุธ (8) โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวกว้างขวางและเชื่อถือได้
และในโทรเลขยังกล่าวต่อว่า “การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ต่อการกระทำของอิสราเอลถูกมองว่าเป็นข้อเท็จจริงและความเป็นผู้ผิดทางศีลธรรมในสิ่งที่พวกเขาพิจารณาว่า อาจจะเป็นอาชญากรรมสงคราม”
โทรเลขทางการทูตจากภูมิภาคตะวันออกกลางเตือนไบเดนอย่างตรงไปตรงมาว่า สหรัฐฯ กำลังสูญเสียการสนับสนุนจากโลกอาหรับอย่างมหันต์ผลจากการที่กองทัพอิสราเอลของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูก่อไว้ในเขตฉนวนกาซา
CNN รายงานว่า โทรเลขการทูตนี้เขียนโดยเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ ที่มีตำแหน่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมัสแคต โอมาน ได้ส่งต่อไปให้ทั้งสภาความมั่นคงสหรัฐฯ CIA และ FBI
เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาจริยธรรมของสื่อตะวันตกชื่อดังซึ่งเว็บไซต์ HonestReporting ที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลในสัปดาห์นี้ได้ออกมาแฉว่า มีช่างภาพนักข่าวสื่อตะวันตกชื่อดังรู้เหตุการณ์โจมตีอิสราเอลล่วงหน้า
Th Wrap ของสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (10) ว่า CNN กล่าวผ่านแถลงการณ์วันพฤหัสบดี (9) ตัดความสัมพันธ์กับช่างภาพนักข่าวประจำกาซา ฮัสซาน อิสไลอาห์ (Hassan Eslaiah) หลังค้นพบว่าเขาฝังตัวกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส
ตามการแถลงพบว่า CNN จ้างในฐานะช่างภาพนักข่าวฟรีแลนซ์ของทีวีเน็ตเวิร์กเริ่มตั้งแต่หลังเหตุการณ์โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และทาง CNN ยังคงยืนกรานว่าไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีเหตุโจมตีเกิดขึ้น
“พวกเราไม่รู้ล่วงหน้าของการโจมตีวันที่ 7 ต.ค. ฮัสซาน อิสไลอาห์ เป็นช่างภาพนักข่าวอิสระที่มีประสบการณ์ทำงานเป็นจำนวนมากทั้งสื่อระหว่างประเทศและสื่ออิสราเอล เขาไม่ได้ทำงานให้ทางเน็ตเวิร์กในวันที่ 7 ต.ค. และนับตั้งแต่วันนี้ ทางเราประกาศตัดความสัมพันธ์กับเขาโดยสิ้นเชิง”
The Wrap รายงานว่า สื่อ Honest Reporting ระบุว่าในกรณีของ เอสไลอาห์ พบว่าเขาข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอลและถ่ายภาพรถถังอิสราเอลที่กำลังโดนเผาและถ่ายภาพกลุ่มติดอาวุธเข้าไปในชุมชนชาวยิว คิบบุตซ์ คฟาร์ อัสซา (Kibbutz Kfar Azza)
ตามการรายงานที่สำคัญ Honest Reporting ได้ภาพสกรีนช็อตจากการทวีตของอดีตช่างภาพนักข่าว CNN ที่เขาได้ลบออกไปจากแพลตฟอร์ม X เป็นภาพช็อตเขากำลังยืนด้านหน้ารถถังกองทัพยิวและตัวเขาไม่ได้สวมเสื้อกั๊กที่มีสัญลักษณ์คำว่าสื่อหรือหมวกแข็ง
เขาทวีตเป็นภาษาอาระบิกใต้ภาพมีความหมายว่า “สดจากภายในเขตนิคมฉนวนกาซา”
นอกจากนี้ยังพยภาพถ่ายของ อิสไลอาห์ที่สวมกอดหัวหน้ากลุ่มฮามาส ยาห์ยา ซินวอร์ (Yahya Sinwar) ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในวันพุธ (8) สร้างความสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขาที่ทำงานในฐานะสื่อและกลุ่มติดอาวุธฮามาส
ทั้งนี้ ซินวอร์เป็นผู้วางแผนการโจมตีอิสราเอลในเดือนที่ผ่านมาและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนนับพันคน
ซีอีโอคนใหม่ของ CNN มาร์ค ธอมป์สัน (Mark Thompson) ออกแถลงการณ์เช้าวันพฤหัสบดี (9) มีใจความว่า “พวกเราได้ค้นพบว่านักข่าวอิสระคนนี้อาจอยู่ที่นั่นร่วมกับกลุ่มฮามาสระหว่างการโจมตีในวันที่ 7 ต.ค. และทาง CNN ไม่ได้รู้ล่วงหน้าถึงการโจมตี”
เอพีซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อที่ถูก Honest Reporting ออกมากล่าวหาว่ารู้ล่วงหน้าในเหตุโจมตีวันที่ 7 ต.ค. สร้างความมัวหมองต่อจริยธรรมของสื่อตะวันตก นอกเหนือจากเอพียังรวมไปถึงรอยเตอร์ และหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส โดยทั้งหมดต่างออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง
เอพีเคยทำงานร่วมกับช่าวภาพนักข่าวกาซา อิสไลอาห์ ในอดีตได้ร่อนแถลงการณ์พร้อมกับชี้แจงว่า ได้ตัดความสัมพันธ์กับช่างภาพนักข่าวรายนี้หลังการเปิดเผยของ Honest Reporting
“พวกเราไม่ได้ทำงานร่วมกับฮัสซาน อิสไลอาห์ อีกต่อไปซึ่งเขาทำงานในฐานะนักข่าวอิสระเป็นบางโอกาสให้เอพีและองค์กรสื่อระหว่างประเทศอื่นๆ ในกาซา”