เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - อิวองกา ทรัมป์ ขึ้นให้การในฐานะพยานที่ศาลนิวยอร์กคดีฉ้อโกงธนาคารมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ ที่มีทั้งพ่อและน้องชาย 2 คนตกเป็นผู้ต้องหา อ้างจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเงินกู้ แต่อีเมลปี 2011 พบเคยแสดงความวิตกพ่อรวยไม่พอที่จะปิดดีลได้ ขณะที่โพลการเมืองสหรัฐฯ ชี้อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำใน 5 รัฐสวิงสเตทสำคัญเหนือคู่แข่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ทำฮิลลารี คลินตัน วิตกอเมริกาอาจถึงจุดจบหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งปีหน้า
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวานนี้ (8 พ.ย.) ว่า บุตรสาวอดีตผู้นำสหรัฐฯ อ้างในศาลนิวยอร์กคดีฉ้อโกงธนาคารมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ของตระกูลทรัมป์วานนี้ (8 พ.ย.) ว่า เธอจำรายละเอียดไม่ได้
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาได้พบว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และบุตรชาย 2 คนของเขาได้แก่ เอริค ทรัมป์ และโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ มีความผิดในการฉ้อโกง ผู้พิพากษาพิจารณาว่า คนทั้ง 3 ได้เพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์เพื่อให้ได้เงินกู้ที่ต้องการ
สื่ออังกฤษชี้ว่า อิวองกาวันพุธ (8) ขึ้นศาลในฐานะพยานหลังศาลอุทธรณ์ได้ถอดชื่อเธอออกจากคดีเมื่อมิถุนายนก่อนหน้า
NBC News ของสหรัฐฯ ชี้ว่า ในการขึ้นศาลวานนี้ (8) พบว่า บุตรสาวทรัมป์ส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยเธอมักกล่าวแต่ประโยคว่า “ดิฉันจำไม่ได้” เมื่อโดนซักเกี่ยวกับเอกสารการเงินต่างๆ
อ้างอิงจากบีบีซี ภายในศาล อิวองกา กล่าวว่า “ดิฉันไม่เกี่ยวข้องในเอกสารการเงินของเขา” และกล่าวต่อว่า “นั่นมันต้องเป็นบริษัท”
อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์เปิดเผยว่า อีเมลจำนวนหนึ่งเปิดเผยว่าอิวองกามีความวิตกว่าพ่อของเธอจะไม่มีความร่ำรวยมากพอ
จากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการที่จะซื้อสนามกอล์ฟรัฐฟลอริดาในปี 2011 แต่ทว่าบุตรสาว อิวองกาแสดงความวิตกว่า เขามีความร่ำรวยไม่มากพอที่จะปิดดีลได้ อ้างอิงจากเอกสารที่เปิดเผยในศาลวันพุธ (8)
ทั้งนี้ ในห้องพิจารณา อีเมลในปี 2011 มีเนื้อหาชี้ว่าบุตรสาวทรัมป์รับว่าข้อกำหนดของธนาคารดอยช์แบงก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กำหนดให้พ่อของเธอ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องยังคงความมั่งคั่งไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านดอลลาร์นั้น “เป็นปัญหา” แต่ยังคงสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่บริษัททำการอนุมัติในที่สุด
รอยเตอร์รายงานว่าทั้ง 2 คนกำหนดความมั่งคั่งสุทธิที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ถึงแม้ว่าในปีนั้นอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะอ้างว่าเขามีความมั่งคั่งที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์ก็ตาม
และนอกจากนี้เธอยังได้รับการแสดงอีเมลปี 2011 ที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความวิตกความผิดปกติสเตทเมนต์ทางการเงินของทรัมป์
มรสุมทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวดีที่สื่อหลายสำนักในสหรัฐฯ รายงานว่า เขามีกระแสความนิยมที่ดีมากเหนือประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ในรัฐสวิงสเตทสำคัญ 5 รัฐจากทั้งหมด 6 รัฐที่จะตัดสินชะตาว่าใครจะชนะเลือกตั้งเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
โพลหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส/วิทยาลัยซีนา (New York Times/Siena College) ที่ออกมาช่วงสุดสัปดาห์ตามการรายงานของ VOA ของสหรัฐฯ รายงานในวันจันทร์ (6) กล่าวว่า พบว่าทรัมป์มีคะแนนนำเหนือประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ใน 5 รัฐสวิงสเตทจากทั้งหมด 6 รัฐสำคัญที่ตัดสินชี้ชะตาการเลือกตั้งครั้งนี้
โพลนิวยอร์กไทม์สพบว่า ทรัมป์ชนะในรัฐแอริโซนา รัฐจอร์เจีย รัฐมิชิแกน รัฐเนวาดา และรัฐเพนซิลเวเนีย ส่วนไบเดนชนะรัฐวิสคอนซิน
ทีมหาเสียงไบเดนเปิดเผยถึงผลโพลที่ออกมาในวันจันทร์ (6) ว่า ทางทีมไบเดนไม่มีความวิตกแต่อย่างใด
และผลโพลหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สยังสอดคล้องกับโพล CNN/SSRS ที่เผยแพร่ในวันอังคาร (7) ที่ชี้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนำเหนือไบเดนอยู่ 2 จุด หรือ 49% ต่อ 45% ตามลำดับ
VOA ชี้ว่า ประเด็นการเมืองที่ประชาชนอเมริกันให้ความสนใจในการเลือกตั้งทั่วสหรัฐฯ ปี 2024 ได้แก่ การยุติการตั้งครรภ์ การปกป้องประชาธิปไตย ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัญหาความมั่นคงและการเข้าเมืองสหรัฐฯ และรวมไปถึงการจัดการวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ของประธานาธิบดีไบเดนอีกด้วย
การที่ทรัมป์นำโด่งใน 5 รัฐสวิงสเตทจาก 6 รัฐที่ชี้ไปว่าหากมีการเลือกตั้งขึ้นในวันนี้เขาจะเป็นผู้ชนะ สร้างความวิตกให้คนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอดีตคู่แข่งของทรัมป์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ ฮิลารี คลินตัน ในรายการ The View ที่มีนักแสดงผิวสีมากความสามารถ วูปี โกลด์เบิร์ก (อังกฤษ: Whoopi Goldberg) นั่งอยู่ในแผงพิธีกร
ซึ่งเธอออกคำเตือนในรายการตามรายงานวานนี้ (8) ของสื่อเดอะฮิลล์ของสหรัฐฯ ว่า หากว่าอเมริกันชนเลือกทรัมป์กลับเข้ามาในปี 2024 เปรียบเสมือนผู้นำนาซี “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ชนะการเลือกตั้ง
ฮิลลารียังแสดงความเห็นว่า ดูเหมือนทรัมป์จะเลวร้ายลงไปกว่าเดิม
ภายในรายการเธอกล่าวต่อผู้ชมอย่างตรงไปตรงมาว่า “หากอดีตประธานิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งปี 2024 จะเป็นจุดจบประเทศของเราอย่างที่พวกเรารู้”
เธอกล่าวว่า “ชายคนนี้ตั้งใจโยนคนเข้าคุกสำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขา ปิดสื่อที่ชอบธรรม ทำในสิ่งที่เขาทำได้เพื่อบั่นทอนความเป็นนิติรัฐและคุณค่าประเทศของพวกเรา”