สหรัฐฯ ประณาม "การประท้วงต่อต้านยิว" ที่สนามบินในสาธารณรัฐดาเกสตานของรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ (29 ต.ค.) โดยผู้ชุมนุมเข้าไปตามล่าชาวอิสราเอลและคนยิว หลังปรากฏข่าวลือมีเที่ยวบินจากอิสราเอลลงจอดที่ท่าอากาศยานแห่งนี้ ท่ามกลางความโกรธแค้นที่มีต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนในฉนวนกาซาไปจำนวนมาก
อาเดียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "สหรัฐฯ ขอประณามอย่างหนักหน่วงต่อการประท้วงต่อต้านยิวในดาเกสตานในรัสเซีย สหรัฐฯ ยืนหยัดอย่างชัดเจนเป็นหนึ่งเดียวกันกับประชาคมชาวยิวทั้งมวล ในขณะที่เราพบเห็นความเคลื่อนไหวต่อต้านยิวเพิ่มขึ้นทั่วโลก ไม่มีคำแก้ตัว หรือคำกล่าวอ้างใดสำหรับการต่อต้านยิว"
สื่อมวลชนรัสเซียหลายสำนักและสื่อสังคมออนไลน์ รายงานว่า ฝูงม็อบหลายร้อยคนบุกเข้าไปในอาคารสนามบินเมืองมาฮัชคาลา ท่าอากาศยานหลักของสาธารณรัฐดาเกสตาน รวมถึงบุกลงไปในลานจอดในวันอาทิตย์ (29 ต.ค.) ตะโกนคำขวัญต่อต้านยิวและควานหาพวกผู้โดยสารที่เดินทางมากับเที่ยวบินหนึ่ง ซึ่งมีต้นทางจากเมืองเทลอาวีฟ ของอิสราเอล
รายงานข่าวของสื่อมวลชนรัสเซียระบุว่า ฝูงชนได้ล้อมกรอบเครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งเป็นของเรดวิงส์ สายการบินรัสเซีย
เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดสนามบินในเมืองมาฮัชคาลา เมืองเอกของสาธารณรัฐที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ และตำรวจถูกส่งเข้ามาคุ้มกันสนามบิน อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นได้เกิดการกระทบกระทั่งกัน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บไปมากกว่า 20 คน ในนั้น 2 รายอาการสาหัส จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขดาเกสตาน พร้อมเผยว่าในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นมีทั้งตำรวจ และพลเรือน
ในวิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพฝูงชนโบกธงอิสราเอล และหลายคนพยายามช่วยกันพลิกรถตำรวจให้หงายท้อง นอกจากนี้ ยังได้ยินเสียงผู้คนตะโกนต่อต้านยิว และบางส่วนยังขอตรวจสอบพาสปอร์ตของพวกผู้โดยสารขาเข้า ในความพยายามหาดูว่าใครบ้างที่เป็นชาวอิสราเอล
ถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (29 ต.ค.) ระบุว่า "อิสราเอลคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่รัสเซียจะปกป้องพลเรือนอิสราเอลทุกคนและชาวยิวทุกคน และดำเนินการอย่างหนักหน่วงกับพวกก่อจลาจลและพวกที่ยั่วยุใช้ความรุนแรงกับชาวยิวและชาวอิสราเอล"
สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกด้วยว่า เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำรัสเซีย จะทำงานร่วมกับรัสเซีย เพื่อคงไว้ซึ่งความปลอดภัยของชาวอิสราเอลและชาวยิว
(ที่มา : เอเอฟพี/ซีบีเอส)