คณะสุลต่านผู้ปกครอง 9 รัฐแห่งมาเลเซียลงมติเลือกสุลต่าน อิบราฮิม สุลต่าน อิสกันดาร์ แห่งรัฐยะโฮร์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ที่ 17
แม้สมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียจะทรงปฏิบัติหน้าที่ในเชิงพิธีการเสียเป็นส่วนใหญ่ ทว่าความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในมาเลเซียตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้กษัตริย์เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการมีพระบรมราชวินิจฉัยตัดสินในเรื่องต่างๆ
มาเลเซียมีระบบการคัดเลือกสุลต่านขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีหมุนเวียนกันไปใน 9 รัฐ โดยแต่ละพระองค์จะทรงดำรงตำแหน่งประมุขรัฐคราวละ 5 ปี
แถลงการณ์จากสมุหพระราชลัญจกร (keeper of the rulers’ seal) ระบุว่า สุลต่านอิบราฮิมแห่งรัฐยะโฮร์จะทรงรับตำแหน่งประมุขต่อจากสมเด็จพระราชาธิบดี อัล-สุลต่าน อับดุลเลาะห์ ในวันที่ 31 ม.ค. ปี 2024
สุลต่านอิบราฮิมทรงมีอาณาจักรธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์เรื่อยไปจนถึงเหมืองแร่ และเป็นที่ทราบกันว่าทรงสะสมรถยนต์หรู และรถจักรยานยนต์ราคาแพงเอาไว้เป็นจำนวนมาก
ที่ผ่านมา พระองค์เคยออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองอย่างตรงไปตรงมาอยู่บ่อยครั้ง และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม
แม้รัฐธรรมนูญมาเลเซียจะให้อำนาจแก่สมเด็จพระราชาธิบดีในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากบุคคลที่ทรงเห็นว่ามีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ ทว่าที่ผ่านมาแทบไม่มีกษัตริย์มาเลเซียองค์ใดใช้อำนาจดังกล่าวนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ขึ้นเป็นนายกฯ จะมาจากผลการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังจากที่พรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งในปี 2018 ทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีต้องทรงเข้ามามีบทบาททางการเมืองค่อนข้างสูง โดยทรงเป็นผู้คัดเลือกนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 3 คน
ที่มา : รอยเตอร์